บทความเรื่อง วิจัยชั้นเรียน
การวิจัยในชั้นเรียนมีความสำคัญไม่เฉพาะต่อผู้สอนในการพัฒนาวิชาชีพของตนเอง แต่มีความสำคัญต่อผู้เรียน หากมีการนำผลการวิจัยที่ได้ไปใช้ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความต้องการ ความถนัด ความสนใจอย่างเต็มตามศักยภาพ การที่ผู้สอนมีความรู้ ความเข้าใจมีความสามารถและมีพื้นฐานที่ดีในการทำวิจัยจะทำให้ผู้สอนจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสามารถทำให้กระบวนการวิจัยไปสู่ผู้เรียนได้ด้วย นั่นคือ ทำให้ผู้เรียนมีการวางแผนทำงาน (เขียนเค้าโครงการวิจัย) ปฏิบัติจริง (เก็บรวบรวมข้อมูล) นำเสนอผลการทำงานหรือ กิจกรรม (เขียนรายงาน)
รูปแบบของการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนโดยจำแนกตามผู้ดำเนินการวิจัยและเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา โดยกำหนดเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) การวิจัยโดยครูเพียงคนเดียว 2) การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบร่วมมือ และ 3) การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนระดับสถานศึกษา ซึ่งแต่ละรูปแบบมีลักษณะ ดังนี้
1. การวิจัยโดยครูคนเดียว (Individual Teacher Action Research) เป็นการทำงานของครูที่กำลังเผชิญกับปัญหาจาการปฏิบัติงานสอนและมีความพยายามที่จะศึกษาและแก้ปัญหาและพัฒนาการเรียนการสอนในชั้นเรียนของตนเอง โดยอาจขอความช่วยเหลือหรือมีผู้ให้คำปรึกษาการวิจัยประเภทนี้ เรียกว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research ) ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง คือผู้เรียน ขณะเดียวกันยังส่งผลให้ครูได้พัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยรูปแบบการวิจัยสามารถศึกษาจากนักเรียนเพียงคนเดียว (case study) หรือศึกษาวิจัยทั้งห้องเรียน ซึ่งแล้วแต่ขนาดผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนนั่นเอง
2. การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนแบบร่วมมือ (Collaborative Action Research) เป็นการวิจัยที่ทำเป็นกลุ่ม ผู้วิจัยมีจำนวน 1-2 คนขึ้นไป ซึ่งพบปัญหาในการจัดการเรียนการสอนเหมือนกันหรือคล้ายคลึงกัน มาวางแผนการทำวิจัยร่วมกัน ครูที่ทำวิจัยลักษณะนี้อาจอยู่ในสถานศึกษาเดียวกันหรือต่างสถานศึกษากันก็ได้ แต่ต้องมีปัญหาที่มุ่งแก้ไขเหมือนกัน การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนแบบร่วมมือ จึงเป็นการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในชั้นเรียนหนึ่งหรือมาร่วมในกระบวนการวิจัยด้วย เช่น ผู้บริหารสถานศึกษา นักวิชาการ หรือผู้ปกครอง เป็นต้น การวิจัยลักษณะนี้ จะเป็นประโยชน์ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการวิจัยและเทคนิค การดำเนินงานของผู้สอนด้วย เนื่องจากทีมวิจัยประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและมุมมองต่างกัน จึงเป็นประโยชน์ในด้านการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิจัย
3. การวิจัยปฏิบัติการระดับสถานศึกษา ( Schoolwide Action Research ) เป็นการวิจัยที่มี จุดมุ่งหมายสำคัญ เพื่อการแก้ปัญหาของผู้เรียนซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนทั้งสถานศึกษาหรือเฉพาะกลุ่ม เช่น ปัญหาเรื่องสารเสพติดในสถานศึกษา การยกระดับมาตรฐานผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นต้น ซึ่งผู้ร่วมวิจัยประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา ครูทุกคน บุคลากรอื่น รวมถึงชุมชนและคณะที่ปรึกษาภายนอก
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าครูผู้สอนสามารถเป็นนักวิจัยได้ โดยใช้เวลาและการวางแผนในการส่งเสริมทักษะ ทำการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ครูผู้สอนมีการพัฒนาสู่ความเป็นครูมืออาชีพ นอกจากนี้ผลการทำวิจัยในชั้นเรียนช่วยให้ครูเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับบริบทชั้นเรียนของตนเอง การสอน และรู้จักนักเรียนนักศึกษาดีขึ้น จะส่งผลทำให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้น
แหล่งอ้างอิง
“สรุปประเด็นจากการประชุมสัมมนาครั้งที่ 9 หัวข้อ การวิจัยในชั้นเรียน.” [online]. เข้าถึงได้จาก
http://www.sut.ac.th/tedu/meeting/research.doc. (2551, พฤศจิกายน 20)
รองศาสตราจารย์เทื้อน ทองแก้ว. การวิจัยในชั้นเรียน [online]. เข้าถึงได้จาก: http://dusithost.dusit.ac.th/
~ei/tuan/file21122005013.doc. (2551, พฤศจิกายน 20)
ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลดี ๆ ครับ และสนับสนุนการทำวิจัยของคุณครูครับ
จาก ... ผู้สร้างสถานการณ์ทางการเรียนการสอน
หวัดดีครับพี่ อ่านดูแล้วครับ ได้ประโยชน์มากเลยครับ