ถอดรหัส PMQA ในบันทึกนี้ ใช้ชื่อตอนว่า “คำถามคือคำตอบ” ที่ใช้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ในการทำ PMQA ปี 2551 มีแต่คำถาม หลายพันคำถาม (ผู้เชี่ยวชาญบอก ไม่เคยนับเอง) ในเอกสารเล่มสีฟ้าที่ให้ทำ ก็เห็นแต่คำถาม แล้วตอบ ให้ตรงกับข้อ (เท็จ) จริงที่ส่วนราชการปฏิบัติอยู่ เขาเรียกกันว่า ทำแบบ Checklist
มีค่าคะแนนอยู่ 5 ระดับ แล้วแต่จะเลือกเอาคะแนนไหน ตามรายละเอียดของคำถามแต่ละข้อ
คำถามจะมี 2 ประเภท คือ
1. คำถามที่ลงท้ายด้วยคำว่า “มีอะไรบ้าง” หรือ คำถาม WHAT (ชื่อใน PMQA)
2. คำถามที่มีคำว่า “อย่างไร” หรือ คำถาม HOW (ชื่อใน PMQA)
คำถามประเภท “มีอะไรบ้าง” หรือ คำถาม WHAT ใน PMQA ปี 2551 จะบ่งบอกวีธีการตอบคำถามว่าตอบอย่างไร มี 3 ประเด็น คือ
R1 หมายถึง ตอบได้ครบถ้วนตามประเด็นคำถาม
R2 หมายถึง ตอบได้ถูกต้องตามประเด็นคำถาม
R3 หมายถึง การนำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนตามความเป็นจริง
จะเห็นได้ว่าหลักการในการตอบคำถาม จะต้องตอบให้ครบถ้วน ถูกต้อง ข้อมูลเป็นจริงชัดเจน ส่วนรายละเอียดว่าจะตอบอย่างไรให้เป็นไปตามหลักการดังกล่าว ก็ให้ดูรายละเอียดได้ที่ใต้ข้อความ R1-3
What
|
1 การตอบได้ครบถ้วนตามประเด็นคำถาม R1 |
2 การตอบได้ถูกต้องตามประเด็นคำถาม R2 |
3 การนำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนตามความเป็นจริง R3 |
การระบุข้อมูลตัวชี้วัดสำคัญ 5.1 ตัวชี้วัด 5.2 ผลการทบทวนที่ผ่านมา |
1. การตอบคำถามได้ครบถ้วนใน 2 ประเด็น . ตัวชี้วัด . ผลการทบทวนที่ผ่านมา |
2.การตอบได้ถูกต้องใน 2 ประเด็น . ตัวชี้วัด . ผลการทบทวนที่ผ่านมา |
3.การนำเสนอได้ชัดเจนและใช้ข้อมูลจริงใน 2 ประเด็น . ตัวชี้วัด . ผลการทบทวนที่ผ่านมา
|
คำถามประเภท“อย่างไร” หรือ คำถาม HOW จะบ่งชี้วิธีการทำงานในแต่ละเรื่อง จะทำเรื่องอะไร ให้ดูที่หัวข้อคำถาม วิธีการทำในแต่ละเรื่องให้ดูที่ คำถามที่ให้ตอบและค่าคะแนน ซึ่งวิธีการตอบคำถาม ประเภท“อย่างไร” หรือ คำถาม HOW ในหมวดที่ 1-6 จะตอบแบบ ADLI ในหมวดที่ 7 จะตอบแบบ LeTCLi
ADLI ใน PMQA คือ แนวทางการตอบคำถาม ในประเด็นที่ผมนำเสนอผมมองว่า ADLI คือการแสดงวิธีทำ ถ้าถามว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไร ผมก็จะตอบว่าให้ทำตามลำดับ ADLI แล้วงานในเรื่องนั้นจะประสบความสำเร็จ เพราะ ADLI คือ ขั้นตอนการทำงาน ซึ่งจะบอกว่างานแต่ละเรื่องที่จะทำต้องทำตามลำดับขั้นตอน ADLI ระดับประสิทธิภาพของการทำงานให้ดูที่ค่าคะแนน ซึ่งมี 5 ระดับ ถ้าคะแนนน้อย ประสิทธิภาพของงานก็น้อย ถ้าคะแนน 5 (สูงสุด) ประสิทธิภาพของการทำงานจะดีที่สุด ดังนี้
1. A คือ Approach หมายถึง แนวทาง
2. D คือ Deployment หมายถึง การถ่ายทอดเพื่อนำไปปฏิบัติ
3. L คือ Learning หมายถึง การเรียนรู้
4. I คือ Integration หมายถึง การบูรณาการ
1. Approach หรือ A จะแสดงแนวทางการทำงาน 3 ขั้นตอน ประกอบด้วย
1.1 ต้องตั้งเป้าหมายในการทำงาน ใน PMQA คือ A 1 ซึ่งจะแสดงวีธีการตั้งเป้าหมายของงานไว้อย่างชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร ประสิทธิภาพของการตั้งเป้าหมายก็ดูที่ค่าคะแนน แต่ละค่าคะแนนจะบ่งชี้ประสิทธิภาพของงานที่ทำ ว่าจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
1.2 ต้องวางแผนการดำเนินงาน ใน PMQA คือ A 2 ซึ่งได้อธิบายกระบวนการวางแผนการทำงานที่ดีไว้ว่าต้องทำอย่างไร ใช้ข้อมูลอะไรบ้าง ประสิทธิภาพของการวางแผนดีมากน้อยเพียงใด ก็ให้ดูจากค่าคะแนน ถ้าคะแนน 1 ก็ดีน้อยไปนิด ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ต้องคะแนน 5
1.3 ต้องมีแผนการประเมินและตัวชี้วัด ใน PMQA คือ A 3 เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการกำหนดแนวทางการทำงาน ต้องมีการกำหนดแผนการประเมินและตัวชี้วัดความสำเร็จของงาน จะมีรายละเอียดอธิบายว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดี ตามลำดับค่าคะแนนที่ระบุ
จะเห็นได้ว่าในการทำงานแต่ละเรื่องนั้น PMQA ให้กำหนดแนวทางการทำงานก่อน วิธีการกำหนดแนวทางการทำงานจะมี 3 ขั้นตอน ผมลองนำไปเปรียบเทียบกับหนังสือ เรื่อง กระบวนการและการจัดการ ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก
2. Deployment หรือ D จะแสดงวิธีการถ่ายทอดให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงรายละเอียด หรือแนวทางการทำงานที่ได้กำหนดไว้ ใน A1-A3 ได้รับทราบ เข้าใจตรงกัน สามารถนำไปปฏิบัติได้ มี 3 ขั้นตอน เช่นกัน
2.1 การถ่ายทอดเพื่อให้ปฏิบัติตามแผนการดำเนินงาน ใน PMQA คือ D 1 จะเป็นเรื่องของการอธิบายแผนปฎิบัติงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ตลอดจนถึงการจัดสรรทรัพยากร และการปฎิบัติตามแผน ทุกคนในองค์กรต้องเข้าใจตรงกัน แผนตาม A ถึงจะประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อความหมายดังกล่าวดีมากน้อยเพียงใดก็ดูตามค่าคะแนนที่กำหนดในแต่ละระดับ
2.2 การบริหารจัดการให้บุคลากรมีความรับผิดชอบ และตั้งใจปฏิบัติงาน ใน PMQA คือ D 2 โดยมองที่การบริหารจัดการให้บุคลากรที่รับผิดชอบดำเนินการตามแผน และมีความรับผิดชอบตามที่กำหนดไว้
2.3 การบริหารจัดการให้บุคลากรมีความมุ่งมั่นตั่งใจในการทำงาน ใน PMQA คือ D 3
3. Learning หรือ L เป็นเรื่องของการนำผลติดตามและประเมินผลของงาน มาใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ภายในหน่วยงาน ปรับปรุงงาน สร้างนวัตกรรมขององค์กรในการปรับปรุงงานให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
3.1 ต้องมีการติดตามประเมินผลและนำมาใช้ในการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง
3.2 ต้องมีการสรุปบทเรียนและสร้างนวัตกรรมสู่การปรับปรุงงานแบบก้าวกระโดด
3.3 ต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งภายในหน่วยงานและกับองค์กรอื่น ๆ นอกหน่วยงาน
4. Integration หรือ I หมายถึง การบูรณาการ เป็นการตรวจสอบความสอดคล้องของระบบการจัดการระหว่าง เป้าหมาย แผนปฏิบัติงาน การปฏิบัติงาน การวัดผลประเมินผล และการปรับปรุงงาน ว่ามีความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่อย่างไร ซึ่งจริงแล้วต้องสอดคล้อง ถ้างานนั้นมีประสิทธิภาพ มีอยู่ 3 ประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้
4.1 ดูความสอดคล้องของระบบการจัดการ (เป้า-แผน-ปฏิบัติ-วัด-ปรับ)
4.2 การใช้ระบบตัววัด การประเมิน การปรับปรุงที่สอดคล้องกับกระบวนการอื่น (งานนี้ส่งเสริมทำให้งานอื่นดีขึ้น)
4.3 การมีแนวทางที่มุ่งสู่ผลสำเร็จตามความต้องการและเป้าหมายองค์กร
ดังนั้น ถ้าดู ADLI ใน PMQA แล้วเปรียบกับวิชาที่ว่าด้วยการวางแผนงานและโครงการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ น่าจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน หรือเทียบเคียงกันได้ ถ้าวางแผนการทำงาน 1 ชิ้นแล้วดำเนินการตามขั้นตอน ADLI ใน PMQA งานดังกล่าวน่าจะเชื่อมั่นได้ว่า ถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ
ADLI ใน PMQA ที่ดำเนินการในปี 2551 จะเป็นคำถามทั้งหมด ถ้าดำเนินการวางแผนในการทำงานงาน ก็นำความรู้ในแต่ละคำถามเรียงกัน ก็จะเป็นกระบวนการวางแผนการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของบันทึก ตอน คำถาม คือ คำตอบ ประสาคนไม่เข้าใจ ส่วน LeTCLi จะนำเรียนตอนถึงหมวด 7
กระบวนการวางแผนที่ดีที่สุด
1. A = A1 (คะแนน 5) +A2(คะแนน 5) +A3 (คะแนน 5)
2. D = D1 (คะแนน 5) +D2(คะแนน 5) +D3 (คะแนน 5)
3. L = L1 (คะแนน 5) +L2(คะแนน 5) +L3 (คะแนน 5)
4. I = I1 (คะแนน 5) +I2(คะแนน 5) +I3 (คะแนน 5)
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความรู้เกี่ยวกับ PMQA ที่นำมาเผยแพร่ ดิฉันมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ พี่ทำเรื่องยากให้เป็นง่าย ชื่นชมครับ