รับลมหนาวที่ลาวเหนือ (๔) เมืองสิงที่ได้เห็น เมืองสิงมีอะไรน่าเที่ยว


การปล่อยให้วิถีชีวิตของคนเมืองสิงเป็นไปตามวิถี นี่กลับเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว

บทที่สี่ของบันทึกการท่องเที่ยวเชิงวิพากษ์ มาถึงเมืองสิง แขวงหลวงน้ำทาเสียทีครับ มีอะไรดีที่น่าเที่ยวที่เมืองสิง ลองตามไปดูกันครับ

 

บ่ายสี่โมงครึ่ง หุบเมืองสิงท่ามกลางแสงแดดสีเหลืองซีดยามเย็นก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ผมก็มาถึงเมืองสิงจนได้ หลังจากที่นั่งรถมาจากหลวงน้ำทา ๕๗ กม. รถแล่นผ่านพระธาตุเชียงตึง ลงไปยังตัวเมืองสิง แรกเห็นหุบเมืองสิงผมรู้สึกคุ้นเคยกับสภาพภูมิสัณฐานของเมืองตามประสาคนที่เกิดและโตมาจากแม่แตงเมืองในหุบเขาเช่นเดียวกัน ทุ่งเพียงกว้างใหญ่ของเมืองสิงถูกล้อมรอบด้วยทิวเขาสูง เหมือนเป็นกำแพงธรรมชาติกั้นเมืองสิงไว้จากโลกภายนอก โดยเฉพาะแนวเขาทางทิศเหนือซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างลาวกับจีน

นั่งรถวนรอบเมืองเพียงสิบนาทีก็วนกลับที่เดิม วนกลับไปแวะดูตลาดยามเย็นเห็นร้านรวงทยอยกันปิด แผงขายของสดมีแม่ค้าขายผักราวยี่สิบกว่าเจ้า เริ่มไม่มั่นใจว่านี่เรามาถึงเมืองสิงที่ตั้งใจไว้หรือยัง ออกจากตลาดวนกลับไปหาที่พักย่านชุมชนตลาดเก่า มีเกสต์เฮ้าส์เรียงรายอยู่หลายแห่ง ตกลงปลงใจฝากค่ำคืนนี้ไว้ที่ไตลื้อเกสต์เฮ้าส์ เรือนพักที่มีกลิ่นอายของไทลื้อ เป็นอาคารไม้ยกพื้นสูงด้านบนแบ่งเป็นห้องพักแปดห้องในนอนมีห้องน้ำต่อเติมอยู่ภายในห้องพร้อม ส่วนด้านล่างเปิดเป็นร้านขายอาหาร ราคา ๔๐พันกีบคุณลุงเจ้าของเรือนพักบอกว่าสร้างเรือนนี้ในปี ๑๙๕๗ ผ่านหนาวมามากกว่าผมหลายปี

 

เก็บของไว้ในห้องแล้วรีบชิงโอกาสที่ยังมีแสง เดินตระเวนเก็บภาพภายในเมือง เห็นอาคารแสดงศิลปะชนเผ่า(แต่ถึงเวลาปิดเสียแล้ว) คุยกับคุณยายที่นั่งเล่นแถวนั้นท่านเล่าว่าแต่เดิมเป็นบ้านของคนไทใหญ่ที่มาตั้งรกรากที่นี่ ต่อมาทางรัฐมาบูรณะซ่อมแซม นอกจากอาคารหลังนี้แล้ว ในตัวเมืองสิงยังมีเรือนไม้ทรงไทลื้อ และตึกครึ่งไม้ที่มีเสาใหญ่ๆแบบอาณานิคมอีกสองสามหลัง  จากนั้นก็แวะเข้าวัดซึ่งเห็นมีอยู่แห่งเดียว การถือปฏิบัติของพระเณรไทลื้อไม่ได้เคร่งครัดเหมือนบ้านเรา การเห็นเณรขี่จักรยาน หรือเตะตะกร้อ ถือเป็นเรื่องปกติ ในวัดตกแต่งแบบศิลปะไทลื้อ มีโบสถ์ไม้ขนาดเล็ก ส่วนในวิหารตกแต่งสวยงามแต่แสงสว่างไม่พอเลยถ่ายรูปมาอวดไม่ได้ ยกเว้นบานประตูหน้าต่างที่เขียนลวดลายและตัวอักษรลื้อที่พอถ่ายภาพได้เท่านั้น

ออกจากวัดเดินอ้อมไปทางตลาดเก่า ตัวอาคารมีเสาต้นโตๆแบบอาณานิคม สวยคลาสสิก เห็นสภาพแล้วน่าจะยังคงใช้งานได้อีกหลายปี แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ย้ายตลาดออกไปที่ใหม่ เห็นคุณลุงว่าที่เดิมคับแคบจอดรถไม่สะดวก ก็คงจะจริงตามนั้นเราแค่คนผ่านทางจะไปรู้อะไรกับท้องถิ่น แต่ปัจจุบันนี้ที่ตลาดเก่าก็ยังมีแม่ค้ามาขายอาหารปรุงสำเร็จอยู่ราวยี่สิบเจ้า แวะเข้าไปชมเห็นอาหารพื้นเมืองที่คุ้นเคย เหมือนกับที่มีขายในกาดหลวงเจียงใหม่สมัยก่อน อุดหนุนส้าบะเขือผ่อย (มาดู) ด้วยเคยเห็นที่บ้านทำขึ้นโตกอยู่บ่อยๆตอนเด็ก กลับมาฝากท้องมื้อเย็นที่เรือนพัก เขามีเมนูให้เลือกทั้งแบบลื้อ แบบลาว แบบฝาหรั่ง ลองสั่งแกงหัวปลีแบบลื้อมาซดน้ำร้อนๆแก้หนาว แต่สงสัยแม่ครัวคิดว่าคนสั่งเป็นฝรั่งมั้ง เลยปรุงมาแบบต้มจืดหัวปลีใส่หัวแครอทกับมันฝรั่ง จืดสนิทไร้กลิ่นถั่วเน่าไร้รสเครื่องปรุง คุณลุงเห็นทำหน้าพิลึกๆเดินเข้ามาดู บอกว่าแกงแบบลื้อจริงๆไม่เป็นแบบนี้รีบสั่งเด็กยกกลับไปปรุงให้ใหม่ แต่คิดว่าคงไม่ทันกับความหิวแล้วผมเลยบอกไม่เป็นไร คุณลุงใช้เด็กจดน้ำพริกถั่วเน่ากับผักนึ่งมาแถมให้เป็นการปลอบใจ ถือว่าโชคดีเจ๊ากันไป ค่าอาหารเขาคิดแบบฝรั่ง มื้อนั้นตกไป ๔๕พัน เกือบสองร้อยบาทกับแกงหนึ่งชามข้าวสวยหนึ่งจาน

 

มีนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกประเภทแบกเป้ มาท่องเที่ยวที่เมืองสิงจำนวนมากทีเดียว เห็นเขาเที่ยวแบบประหยัด ถามราคาต่อรองราคาเกือบทุกอย่าง แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องกินต้องนอน รายได้จากการท่องเที่ยวจึงเข้าสู่พี่น้องไทลื้อเมืองสิงปีละไม่น้อย เท่าที่ตระเวนดูทั่วเมืองสิงแล้ว อดที่จะขบคิดไม่ได้ว่าส่วนใดของเมืองสิงที่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่เห็นหมู่บ้านวัฒนธรรม ไม่เห็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของพื้นเมือง ไม่มีน้ำตก กลางคืนยังไม่ถึงสองทุ่มร้านรวงก็ปิดหมด นักท่องเที่ยวก็เขาที่พักกันหมด ถนนหนทางเงียบไร้คนเดิน ถามไถ่ประดานักท่องเที่ยวเขาก็ตอบเพียงว่ามาเมืองสิง มาดูเมืองสิง ไม่มีโปรแกรมพิเศษอะไร นอกจากบางกลุ่มที่จะไปเดินป่า ไปดูชีวิตชนเผ่า เลยขอสรุปเอาเองว่า เสน่ห์และจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของเมืองสิง อยู่ที่ความเป็นเมืองสิงแท้ๆนี่เอง การที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งใดๆ การปล่อยให้วิถีชีวิตของคนเมืองสิงเป็นไปตามวิถี นี่กลับเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว นี่เป็นแนวทางที่คนบ้านเราน่าจะศึกษาไว้เป็นเยี่ยงอย่าง

อากาศยามดึกหนาวเย็นเอาการอยู่ ยิ่งดึกยิ่งหนาวจนปวดกระดูก ตื่นมาตอนตีสองนอนพลิกไปพลิกมาจนถึงตีสาม เสียงน้ำค้างหยดจากชายคาดูเหมอนจะดังขึ้นเรื่อยๆ นึกขึ้นได้ว่าในห้องเขาเตรียมเครื่องนอนไว้ถึงสองชุดรีบลุกไปคว้าผ้านวมมาห่มซ้อนอีกผืนหนึ่งค่อยหายปวดข้อปวดกระดูกหลับต่อได้

อากาศหนาวกลางดึกที่เมืองสิง ทำให้นึกถึงความทุกข์ยากลำบากของพี่น้องชาวที่สูงชาวดอย ที่ขาดแคลนเครื่องกันหนาว นึกชื่นชมกับกิจกรรม จิตอาสาโกทูโน ที่นำพาโดยน้องชายนายเอกเมืองปาย และทีมงานบล็อกเกอร์โรงหมอปาย ติดตามเรื่องราวของกิจกรรมได้ที่ จิตอาสา gotoknow : มอบน้ำใจสู่ผู้ขาดแคลนบนดอยสูง ไปปายด้วยกันไหมครับ?”  ครับผม

หมายเลขบันทึก: 224024เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2008 08:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • สดุดใจ กับการมาเที่ยวเมืองสิง ตรงที่ว่า เราอย่าปรุงแต่ง ปล่อยไปตามวิถี
  • นั่นเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดนะคะ
  • น่าเสียดายบ้านเราไม่คิดอย่างนั้น
  • แหล่งท่องเที่ยวบ้านเราจึงถูกปรุงแต่งให้ทันสมัยไปเสียหมด
  • นักท่องเที่ยวจึงค่อยเลือนหาย น้อยลงทุกวัน

กำลังเตรียมโปรแกรมเอารถไปลุยเอง ครั้งที่ 3 สำหรับลุยเดี่ยวเมืองลาว

กำลังเตรียมโปรแกรมเอารถไปลุยเอง ครั้งที่ 4 สำหรับลุยเดี่ยวเมืองลาว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท