รับลมหนาวที่ลาวเหนือ (๒) ปากแบง อุดมไซ..ไปช้าๆแต่ก็ถึง


เเมืองไซ เป็นเมืองหลวงของแขวงอุดมไซ ซึ่งมีคำขวัญของเขาว่าเป็นหัวใจของลาวเหนือ

บทที่สองของบันทึกการท่องเที่ยวเชิงวิพากษ์ จะพาท่านโดยสารรถประจำทางจากปากแบงไปถึงอุดมไซครับ

ผมมาถึงปากแบงเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งได้เป็นราชาบนเรือใหญ่อยู่ราวสองชั่วโมง ถึงเวลากลับคืนสภาพยาจกอันเป็นตัวตนที่แท้จริงแล้วครับ ชำระเงินค่าโดยสาร ขอบใจ แล้วโบกมืออำลาครอบครัวชาวเรือ มุ่งหน้าเดินทางต่อ

เมืองปากแบงขึ้นกับแขวงอุดมไซ ได้ชื่อเมืองมาจากที่ตั้งของเมืองอยู่ปากแม่น้ำแบงนั่นเอง ปากแบงเป็นเมืองชุมทางและเมืองแวะพักแรม บรรดาเรือโดยสารที่ขึ้นล่องระหว่างหลวงพระบางกับแขวงบ่อแก้วต่างมาถึงเวลาค่ำพอดีที่ปากแบงต้องแวะค้างคืนก่อนเดินทางต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น ตัวเมืองมีเรือนพักมีเกสต์เฮ้าส์อยู่หลายแห่งหลายราคา สำหรับคนท้องถิ่นแล้ว เมืองปากแบงมีคิวรถโดยสารต่อไปถึงตัวเมืองไซที่ตั้งของแขวงอุดมไซ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของลาวภาคเหนือ

 

คิวรถโดยสารอยู่ห่างจากท่าเรือ ๓กม.ต้องนั่งรถเล็กไปเสียค่าโดยสาร ๖พันกีบ รถโดยสารจากปากแบงไปอุดมไซมีวิ่งวันละสองเที่ยว แปดโมงเช้า กับเที่ยงวัน ค่าโดยสารคนละ ๔๕พันกีบ(๑๘๐ บาท)รถคันที่ผมนั่งเป็นมินิบัส ๒๐ที่นั่ง สภาพเคยใหม่ ความเร็วของรถก็ขนาดที่คนโดยสารตะโกนทักทายคนเดินถนนได้ ผมประทับใจคุณป้าชาวลาวเทิงรายหนึ่งที่ล้วงห่อใบตองกล้วยแห้งออกจากย่าม แล้งโยนลงไปในบ้านสองสามหลังที่รถแล่นผ่าน พร้อมตะโกนใส่เจ้าของบ้านเสียงโหวกเหวก ถามคนนั่งข้างๆเขาบอกว่าป้าเอาพริกแห้งไปฝากพี่น้อง(สงสัยป้าเคยดูหนังฝรั่งที่เด็กส่งหนังสือ พิมพ์ขี่รถถีบโยนหนังสือไว้ที่สนามหน้าบ้าน) รถโดยสารจอดให้คนขึ้นลงทุกชุมชนที่ผ่าน เรียกว่ายังไม่ทันถึงเกียร์สามก็ต้องหยุดอีก คงเป็นเพราะนานๆถึงจะมีรถโดยสารแล่นผ่านทีหนึ่งคนจึงรอขึ้นรถกันค่อนข้างมาก บางทีรถก็จอดให้คนลงไปซื้อข้าวเหนียวปิ้งปลา อีกคราวหนึ่งก็จอดให้ผู้โดยสารไปจ่ายตลาดนานกว่าสิบนาที ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง

เส้นทางปากแบงอุดมไซถนนลาดยางตลอดระยะทาง ๑๔๔ กม. ผ่านเมืองฮุน เมืองแบง ก่อนจะถึงเมืองไซซึ่งเป็นที่ตั้งตัวแขวงอุดมไซ  ตัวเมืองต่างๆตั้งอยู่บนที่ราบแอ่งกระทะที่กว้างใหญ่ มีลำน้ำแบงไหลผ่าน ที่ราบสองฟากฝั่งลำน้ำปกคลุมไปด้วยท้องทุ่งสีทองของต้นข้าวในฤดูเก็บเกี่ยว ชาวนากำลังรีบเร่งเกี่ยวข้าวนวดข้าวเป็นกลุ่มๆอยู่กลางท้องทุ่ง ผมมีโอกาสได้เห็นการ วีข้าวเพื่อไล่เอาเศษฟางและข้าวลีบออก หลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานมาก

บริเวณที่ดอนตามเชิงเขาอันกว้างไกล สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งข้าวโพดสุดลูกหูลูกตา นับตั้งแต่ปากแบงไปจนถึงเมืองไซ มีทั้งข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว และที่ยังไม่แก่ มีฉางเก็บข้าวโพดเรียงรายตามสองฟากทาง และพบเห็นมีรถสีข้าวโพด และรถบรรทุกมารอรับซื้อข้าวโพดเป็นจุดๆ

อดสงสัยไม่ได้ว่า ก่อนการแพร่ระบาดของข้าวโพด พืชเชิงเดี่ยวเชิงพานิชนี้ พี่น้องเคยปลูกอะไรมาก่อน วิถีการผลิตของพี่น้องเป็นแบบใด แล้วระบบการปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ต้องอิงกับตลาดภายนอกอย่างนี้ มีหลักประกันอะไรให้กับพี่น้องบ้าง ยิ่งได้ทราบข่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการประท้วงของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในบ้านเราหลายที่หลายจังหวัด แถมยังมีการห้ามนำเข้าข้าวโพดอีก อยากมีเวลาเพิ่มอีกสักหนึ่งวันลงไปพูดคุยกับพี่น้องเกษตรเหล่านี้ แต่ก็ได้แต่คิดเท่านั้น

ผมนั่งหลับๆตื่นๆมาจนถึงอุดมไซเอาในเวลาบ่ายสี่โมงครึ่ง ใช้เวลาเดินทางสี่ชั่วโมงครึ่งในระยะทาง ๑๔๔ กม. ที่แอบลุ้นไว้ว่าจะมีรถต่อไปหลวงน้ำทาเป็นอันต้องผิดหวัง รถเที่ยวสุดท้ายออกไปตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมง งัดแผนเดิมขึ้นมาใช้คือพักค้างคืนที่อุดมไซสักคืน ก็ดีเหมือนกันยังไงก็ไม่เคยมา อุดมไซเป็นถึงเมืองหลวงของลาวภาคเหนือ แวะสัมผัสเสียหน่อยก็ไม่เลว นั่งรถตุ๊กๆมาลงหน้าตลาด เดินหาโรงแรมที่เพื่อนฝูงแนะนำไว้ ได้พักที่โรงแรมที่ดีที่สุดของแขวงชื่อโรงแรมสิงทอง คืนละ ๖๐พันกีบ ห้องกว้างขวางมีชุดโซฟารับแขก น้ำร้อน ทีวี ดาวเทียมพร้อมสรรพ

 

เมืองไซ เป็นเมืองหลวงของแขวงอุดมไซ ซึ่งมีคำขวัญของเขาว่าเป็นหัวใจของลาวเหนือ จึงคึกคักเป็นพิเศษ มีรถราร้านรวงหนาตา เรียกได้ว่า เป็นเมืองชุมทางและธุรกิจ บรรดารถโดยสารที่จะหลวงพระบาง เวียงจันทน์ หลวงน้ำทา บ่อแก้ว หรือไปคุนหมิงของจีน ต้องมาหยุดแวะที่อุดมไซก่อนทั้งนั้น ธุรกิจการค้าภายในเมืองได้รับอิทธิพลจากทางจีนอย่างเด่นชัด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่วางขายในตลาด ชื่อร้าน โรงแรม ร้านอาหาร ตามหัวมุมถนนมีแผงขายผลไม้ที่มาจากจีนสีสันน่ากิน เดินเล่นในเมืองได้พอเหนื่อยต้องรีบกลับโรงแรม เพราะไฟฟ้าดับตลอดเมือง ไฟฟ้าติดอีกทีก็สองทุ่มกว่าๆ โชคดีที่ไฟฟ้ามาไม่อย่างนั้นคงได้อาบน้ำเย็นจัดแน่

โรงแรมที่พักตั้งอยู่หน้าสวนสาธารณะของเมือง และอยู่บริเวณสี่แยก พอตกกลางคืนกลายเป็นแหล่งชุมชมพบปะกันของวัยรุ่นวัยซ่าของเมือง เปิดหน้าต่างห้องพักตั้งใจจะทดสอบลมหนาว เลยได้ของแถมเป็นเสียงวี้ดว้ายโหวกเหวกของวัยรุ่นมาเป็นเพื่อนยามค่ำคืนด้วย (ช่างไม่รู้จักหนาวจักเหน็บกันบ้างเลยพ่อคุณแม่คุณ) นี่ยังไม่รวมเสียงมอเตอร์ไซด์ที่บิดเร่งเครื่องอวดกัน

วัยรุ่นประเทศไหนก็เป็นวัยรุ่นอยู่วันยังค่ำ

นี่เป็นค่ำคืนแรกของการเดินทาง ที่อุดมไซครับ

 

หมายเลขบันทึก: 223761เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2008 09:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เห็นภาพบนหลังคารถแล้วคิดถึงตอนไปเรียนมัธยมครับ..

จองบนหลังคารถตลอด

อิอิ นึกถึงรถสองแถวบ้านผมสมัยก่อน เหมือนกันเด๊ะเลย บางทีรถมาใกล้ถึงให้ลูกหลานไปโบกรถให้จอดรอก่อน คนที่จะเดินทางกำลังอาบน้ำอยู่รอเดี๋ยววววว บางทีก็จอดแวะซื้อของก่อน แถมฝากจดหมายก็ได้ด้วย หน้าซองจ่าว่า "โกช่วย บ้านท่าอยู่ หน้าบ้านมีต้นลอกอ" ไม่ต้องมีบ้านเลขที่ รับรองส่งถูกถึงบ้าน ต้นลอกอ คือมะละกอ อิอิ

เจอกันที่เจียงฮายเด้อ..อ้าย

  • แวะมายิ้มๆ วัยรุ่นเหมือนกันทุกที่จริงๆ นะคะ

เห็นภาพ ตอนที่มีคนนั่งบนหลังคารถ แล้วคิดถึงตนเองตอนเรียน ม.ปลาย แบบนี้ทุกวัน

เช้าเย็นเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท