เมื่อวันที่มีการประชุมเครือข่ายฯสัญจรฯ (26 มีนาคม 2549) ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ได้รับเอกสารสรุปรายงานฐานะการเงินของเครือข่ายฯ เมื่อนำมานั่งอ่านอย่างพินิจพิจารณาแล้วปรากฎว่าเป็นรายงานฐานะการเงินกองทุนเพื่อการชราภาพ (5%) และ กองทุนเพื่อการศึกษา (5%) จากเงินครบวงจรชีวิตที่แต่ละกลุ่มสมทบมาที่เครือข่ายฯ โดยผู้ที่รับผิดชอบทั้งสองกองทุนนี้ คือ อ.สมพิศ วงศ์คำ (เป็นเลขานุการของเครือข่ายฯด้วยค่ะ) รายงานฐานะการเงินของทั้ง 2 กองทุนนี้มีความยาวประมาณ 2 หน้าค่ะ ความจริงผู้วิจัยก็อยากจะนำเสนอตารางรายละเอียดทั้งหมดค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นคนพิมพ์เก่งมากก็เลยขอสรุปแทนก็แล้วกันนะคะ มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
จากตารางสะท้อนให้เห็นว่าเครือข่ายฯเริ่มก่อตั้งขึ้นมาในปี 2543 โดยองค์กรออมทรัพย์ชุมชนนาก่วมใต้เป็นสมาชิกในลำดับแรก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน (เดือนธันวาคม 2548) เครือข่ายฯมีสมาชิกทั้งสิ้น 20 กลุ่ม
เมื่อพิจารณายอดเงินสมทบของกองทุนเพื่อการชราภาพ พบว่า เมื่อถึงเดือนธันวาคม 2548 เครือข่ายฯต้องมียอดเงินสมทบทั้งสิ้น 237,452 บาท แต่สามารถเก็บเงินจากกลุ่มซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายฯได้ทั้งสิ้น 188,586 บาท ดังนั้น จึงมีเงินที่กลุ่มต่างๆค้างจ่ายให้กับเครือข่ายฯทั้งสิ้น 48,866 บาท โดยมีกลุ่มที่ไม่ค้างชำระเลยจำนวน 4 กลุ่ม คือ องค์กรออมทรัพย์ชุมชนนาก่วมใต้ , องค์กรออมสทรัพย์ชุมชนบ้านป่าตัน , องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านวังแคว้ง , องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านร้อง
ในขณะที่เมื่อพิจารณายอดเงินสมทบของกองทุนเพื่อการศึกษา ข้อมูลที่ออกมาก็เช่นเดียวกัน กล่าวคือ เมื่อถึงเดือนธันวาคม 2548 เครือข่ายฯต้องมียอดเงินสมทบทั้งสิ้น 237,452 บาท แต่สามารถเก็บเงินจากกลุ่มซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่ายฯได้ทั้งสิ้น 188,586 บาท ดังนั้น จึงมีเงินที่กลุ่มต่างๆค้างจ่ายให้กับเครือข่ายฯทั้งสิ้น 48,866 บาท โดยมีกลุ่มที่ไม่ค้างชำระเลยจำนวน 4 กลุ่ม คือ องค์กรออมทรัพย์ชุมชนนาก่วมใต้ , องค์กรออมสทรัพย์ชุมชนบ้านป่าตัน , องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านวังแคว้ง , องค์กรออมทรัพย์ชุมชนบ้านร้อง
เมื่ออ่านสรุปของผู้วิจัยแล้วไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันหรือเปล่าคะ ถ้าไม่เข้าใจหรือมีคำแนะนำอะไรก็เขียนบอกมาได้นะคะ วันนี้ขอเล่าแค่นี้ก่อนค่ะ จะรีบออกไปเลือกตั้งและเดินทางกลับลำปางค่ะ
อยากให้อ.อ้อมศึกษาแนวคิดกองทุนสวัสดิการลำปางอย่างละเอียดโดยมีข้อมูลสถานภาพกองทุนย่อยต่างๆประกอบดังตัวอย่างที่เขียนเล่า
เช่น มีเงินเข้ากองทุนต่างๆเท่าไร กลุ่มไหนขาดส่งบ้าง
การใช้สวัสดิการของแต่ละกองทุนเป็นอย่างไร เป็นต้น
เพราะตอนนี้มีการทดลองแยกตัวไปบริหารจัดการเอง
ทีมวิจัยน่าจะทราบสภาพปัญหาของระบบเดิมที่เป็นอยู่จากข้อมูลและการวิเคราะห์
การกระโดดไปทดลองแบบใหม่ก็เป็นเรื่องดี
แต่นักวิจัยควรรู้สถานภาพต่างๆของระบบเดิม เพื่อความเข้าใจ
จะได้ตามดูการทดลองระบบใหม่โดยสามารถให้คำชี้แนะได้
(ทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้วย)