จะเล่าเรื่องการเจรจาตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการปี 2552 กับทางกพร. เป็นประสบการณ์หนึ่งของการทำหน้าที่ในฝ่ายยุทธศาสตร์และสารสนเทศ
สืบเนื่องจากปีงบประมาณ 2552 นี้ ทางกพร.กำหนดตัวชี้วัดภาคบังคับของการทำงานตามยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดในภารกิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มจังหวัดภาคอิสานตอนกลางประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคามและกาฬสินธ์ ประชุมพิจารณาเลือก 2 ตัวชี้วัด ได้แก่
1) ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของมูลค่าผลิตผลทางการเกษตรสำคัญของกลุ่มจังหวัด
2) ร้อยละของจำนวนแปลง/ฟาร์มที่ได้รับใบรับรองมาตรฐาน GAP ต่อจำนวนแปลง/ฟาร์ม ที่ได้รับการตรวจจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พร้อมกับมอบให้จังหวัดขอนแก่นทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่ม จัดทำรายละเอียดและเจรจากับทางกพร. สำนักงานจังหวัดขอนแก่นในฐานะเลขาฯใหญ่ ก็มอบต่อทันทีให้ดิฉันเป็นผู้ช่วยเลขาฯทำรายละเอียดเรื่องนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ OSM ( Office of Strategies Management :สำนักงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด)ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
เมื่อจัดทำรายละเอียดตามแบบฟอร์ม (Template) ที่ทางกพร.ยกร่างไว้ เราก็แทบเข่าอ่อนเลย..
มูลค่าผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญในปี2552 - มูลค่าผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญในปี 2551 x 100 หารด้วย มูลค่าผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญในปี 2551
เมื่อเราทำตารางตัวเลขมูลค่าของสินค้า ที่สำคัญของกลุ่มเรา7 ชนิดสินค้า คือ ข้าว อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง โคเนื้อ ไข่ไก่ ไก่เนื้อ สุกร โดยใช้ตัวเลขที่ประกาศโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเพื่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน ( ปริมาณที่ผลิตได้ x ราคาในปีนั้น)
เมื่อเห็นตัวเลข โอ้โห ไม่น่าเชื่อ.. กลุ่มสินค้านี้ใน4 จังหวัด ปี 48 มีมูลค่า 27,933 ล้านบาท
ปี 49 มีมูลค่า 32,350 ล้านบาท
ปี 50 มีมูลค่า 38,499 ล้านบาท
ประมาณการ ปี 51 มีมูลค่า 43,242 ล้านบาท
คิดอัตราการเปลี่ยนแปลงทั้ง 3 ปี เท่ากับ 15.11 ( คือ ค่า Y ) ถ้าจะทำให้ได้ 2Y หมายถึงปี 2552ต้องได้มูลค่าสินค้าเกษตรทั้ง 7 ชนิด เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.22 เราคิดในใจว่า "ตัวเลขในฝันเลย" ปี 52 เศรษฐกิจจะตกต่ำ ราคาผลผลิตผลการเกษตรร่วงทุกตัว รัฐบาลคาดหมายอัตราการเจริญเติบโตเพียงแค่ร้อยละ 4.5 เท่านั้นแล้ว ทาง กพร. ตั้งสูตรแบบนี้ เราต้องทำให้มีการขยายตัวเพิ่มถึงร้อยละ 30.22 นี้ ฝันแล้วตื่นอีกกี่ชาติคงทำไม่ได้...
เราเชิญประชุมผู้เกี่ยวข้องดูรายละเอียดตัวเลขนี้ ทุกคนส่ายหัว..แล้วมีมติให้ขอเจรจากับทางกพร.โดยมอบให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัดขอนแก่นเป็นหัวหน้าทีมเจรจา
โจทย์ นี้ยากมากเพราะ ตัวเลข 3 ปีที่ผ่านมาเป็นยุคทองของผลิตผลทางการเกษตร ทุกตัวสินค้าราคาพุ่งสูง จนชาวไร่ ชาวนา ลืมตาอ้าปากได้จริงๆ แต่ปีหน้าจะต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 51 ถึงร้อยละ 30 มันเป็นไปไม่ได้ หัวหน้าทีมพูดๆยิ้มว่า "แล้วแต่คุณอ้อ..เอาไงผมเอาด้วย" เผือกร้อนที่ท่านโยนมาใส่มือ ทำเอามือพองแน่ๆเลย...
ดิฉันเลยบอกน้องๆ OSM ลองทำตารางตัวเลขย้อนหลัง 10 ปีของสินค้าทั้ง 7 ตัวนี้ดูหน่อยเป็นไร เสียเวลาพอสมควรในการค้นหาตัวเลขเหล่านี้ แต่เมื่อเสร็จแล้ว วิเคราะห์อัตราการเปลี่ยนแปลง.. ทำกราฟ หาทิศทาง ลองคำนวนค่า Y ใหม่ ดิฉันยิ้มได้เลย ดังตารางนี้นะคะ
ถ้าใช้ค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังมันสูงไป แต่ถ้าใช้ เฉลี่ย 10 ปี จะเหลือเพียง ร้อยละ 8.01 เท่านั้น
เราโทรติดต่อ เจ้าหน้าที่ กพร.ที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อการเจรจา ขอให้พิจารณาตารางข้อมูลนี้ของเราก่อนล่วงหน้า โดยเราจะขอใช้ค่า Y เป็นค่าเฉลี่ย 10 ปี ย้อนหลัง แทน 3 ปี ที่กำหนดไว้เดิม
ในวันเจรจา..หัวหน้าทีมทำหน้าที่เจรจาผ่านระบบวิดิทัศน์ทางไกล ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ..เมื่อเปิดการเจรจา ขอเปลี่ยนแปลง ที่จะใช้ค่า Y เป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี แทนค่าที่ กพร กำหนดไว้เดิมเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ซึ่งเท่ากับร้อยละ 8 ผู้แทนฝ่าย กพร. ยอมรับข้อเสนอของเราและกำหนดค่าคะแนน ระดับ 5 ถ้าเราสามารถทำได้ 2Y คือ ร้อยละ 16...ให้ถอยคะแนนแต่ละระดับลงร้อยละ 4 ดังนี้
ระดับ 3 ถ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8
ระดับ 4 ถ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 12
ระดับ 5 ถ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 16
..เป็นความสำเร็จในความเพียรพยายามของเรา.. แม้ว่าร้อยละ 16 จะยังสูงมากในสถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่า ตัวเลขเดิมที่ร้อยละ 30
บันทึกนี้อยากจะบอกว่า การเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นกับการเตรียมตัวของเรา และการต่อสู้ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงข้อมูลที่มีมาก จะทำให้เราได้เปรียบ...
ดีมากครับพี่ ที่ลงให้อ่านแม้ไม่เข้าใจเท่าไหร่....ก็ได้รู้เป้าหมาย
รู้สึกว่าหนองคาย ก็จะใช้ตัวชี้วัดตัวนี้ แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าตกลงกันได้ที่ ร้อยละเท่าไหร่
ขอบคุณมากครับที่นำมาเล่า ที่จริงพี่อ้อ มีเรื่องเล่ามากมาย แต่อยู่ที่ว่าผมมีเวลามาอ่านหรือเปล่า ขอให้ตัวชี้วัดผ่นตามประสงค์