นี่คืออีเมลจากชาวพุทธท่านหนึ่งที่สอบถามเข้ามา เกี่ยวกับอิสลาม
......................................................................................................................................
ชื่อ: รุ่งนภา แพ่งสภา
อีเมล: [email protected]
หัวเรื่อง: หะดิษคืออะไร เมื่อศึกษาแล้วเราจะรู้อะไรบ้างคะ
ข้อความ:
เรียน ท่านอาจารย์อาลัม ที่นับถือ
ดิฉันเป็นชาวพุทธค่ะ
อยากเรียนรู้ว่า ศาสนาอิสลามมีสิ่งดีๆซ่อนไว้ที่ไหนบ้าง
แต่พระไตรปิฎกของชาวพุทธก็มีสิ่งดีๆวางไว้ให้เรียนรู้ศึกษามากมาย
น่าเสียดายที่คนเรามักไม่ไขว่คว้าของดีๆในศาสนา
จนกว่าตนเองจะทุกข์หนัก หาที่พึ่งไม่ได้
จะศึกษาด้วยความเคารพค่ะ
ด้วยจิตคารวะ
รุ่ง
......................................................................................................................................
เพื่อประโยชน์ต่อผู้สนใจท่านอื่นๆด้วย ผมขออนุญาตตอบในโกทูโน นะครับ
หะดิษ นี่เป็นคำในภาษาอาหรับ ในศาสนาอิสลามคำนี้หมายถึง คำพูดหรือวจนะของศาสนทูต(ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) การกระทำของท่าน การยอมรับของท่าน และรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวพันกับท่านศาสนทูต (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)
ขอยกตัวอย่างหะดิษสัก ๑ หะดิษ
ท่านศาสนทูต (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) กล่าวไว้ความว่า "แท้จริง จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันมาพบกับพวกเจ้า ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะถามเกี่ยวกับหะดิษของฉัน ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้พบพวกเจ้าแล้วก็จงน้อมรับ และจงสอนพวกเขาให้ถูกต้อง" [1]
เพื่อตอบคำถามนี้ ผมขออธิบายทำความเข้าใจก่อนครับว่า อัลลอฮฺคือพระผู้เป็นเจ้าของมนุยชาติทั้งมวล นับตั้งแต่พระองค์ทรงส่งมนุษย์มาบนโลกนี้นั้น พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งศาสนทูตของพระองค์ขึ้นมา และมนุษย์คนแรกก็เป็นศาสนทูตด้วยครับ และมนุษย์เราก็เป็นลูกหลานของศาสนทูต พร้อมกันนี้พระองค์ได้ทรงประทาน "สาร" หรือ"คำแนะนำ" ของพระองค์ ที่เราเรียกว่าคัมภีร์ลงมาในแต่ละช่วง โดยมีศาสนทูตเป็นผู้สื่อสารนั้น ด้วยการปฏิบัติเป็นตัวอย่างและอธิบายสารดังกล่าวให้กับมนุษย์อื่นๆ ดำเนินเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงยุคสมัยที่พระองค์ทรงแต่งตั้งศาสนทูตท่านสุดท้าย (คอตะมันนบียีน) คือท่านนบีมุหัมมัด (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน) จากชาวอาหรับ โดยประทานสารสุดท้ายของพระองค์ลงมาด้วย คือ คัมภีร์อัลกุรอาน
การประทานคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ไม่ได้ประทานลงมาทั้งเล่ม แต่จะทยอยประทานลงมา ครั้งละนิด และท่านนบีก็จะอ่านให้ฟัง อธิบาย และปฏิบัติเป็นตัวอย่าง การอธิบายและการปฏิบัติของท่านนั่นแหละที่เราเรียกว่า "หะดิษ" รวมถึงการยอมรับการปฏิบัติของสาวกของท่าน คำตักเตือน คำแนะนำ และอื่นๆ
ดังนั้นเมื่อเราศึกษา "หะดิษ" เราก็จะรู้เกี่ยวกับอิสลามในแง่มุมต่างๆทุกเรื่องและครอบคลุมการดำเนินชีวิตทุกด้านครับ
มีนักวิชาการด้านหะดิษได้ศึกษาและรวบรวมหะดิษของท่านนบี (ขอความสันติจงมีแด่ท่าน)ไว้มากมายและที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ได้แก่ ท่านอิมามบุคอรี อิมามมุสลิม อิมามอบูดาวูด อิมามอัตติรมีซีย์ อิมามนะสาอีย์ และอิมามอิบนุมาญะฮฺ
ยกตัวอย่างท่านอิมามอัลบูคอรี หนังสือรวบรวมหะดิษของท่านรวม ๙ เล่ม ท่านได้แบ่งหมวดหมู่หะดิษออกเป็นบทๆ รวม ๙๓ บท
อย่างเล่มที่ ๑ มี ๑๒ บทประกอบด้วย
....................................................................................................................................
หวังใจว่า คำอธิบายนี้จะตอบข้อสงสัยของคุณรุ่งนภานะครับ
ขออัลลอฮฺทรงนำทางคุณรุ่งนภาสู่แนวทางอันอบอุ่นและเที่ยงตรงยิ่งของพระองค์ อามีน
[1] อ้างจาก หนังสือมุศเฏาะละหฺ อัลหะดิษ แปลและเรียบเรียงโดย ดร.อับดุลเลาะ การีนา ปี ๒๕๔๙ หน้า ๑๖-๑๗
อามีนนนนนนนนน
อัสลามูอาลัยกุม
ไหนว่ามี 12 บทละครับ แล้วทำไมมีบทที่ 23 ด้วย
"บทที่ ๒๓ ว่าด้วยลักษณะของการละหมาด "
(แวะมาเรียนรู้ครับ แต่ขออนุญาตแซวเล่นหนึ่งประเด็น)
สวัสดีครับ