มารู้จักความเครียดกันเถอะ ประโยตนี้อาจจะฟังดูไม่โสภาเท่าใดนัก แต่ถ้าเราได้รู้จักมันและรู้ทันมัน เราก็จะสามารถจัดการกับมันได้และทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น
ความเครียดคืออะไร
"ความเครียด" เป็นเรื่องของจิตใจที่เกิดการตื่นตัว เตรียมเผชิญกับสิ่งที่ไม่พึงใจ หรือเรื่องที่เข็มขัดสั้น (เรื่องที่คาดไม่ถึง) เป็นเรื่องที่คิดว่าหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะแก้ไขได้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจ อึดอัดใจ หรือแม้แต่คับข้องใจ ส่งผลให้เกิดความาผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น หากความเครียดนั้นมีมากและคงอยู่เป็นเวลานาน
สาเหตุของความเรียดมาจากไหนบ้าง
สาเหตุขงอความเครียดนั้นมีอยู่ ๓ ด้าน ได้แก่
-สาเหตุด้านจิตใจ เช่น ความกลัวที่จะไม่ได้ดังหวัง ความกลัวที่จะไม่ประสบความสำเร็จ ความหนักใจในงานที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้แต่ความกลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
-สาเหตุจากความเปลี่ยนแปลงในชีวิต เช่น การเปลี่ยนช่วงวัย การเปลี่ยนที่ทำงาน การเปลี่ยนสังคม การแต่งงาน การตั้งครรภ์ เป็นต้น
-สาเหตุจากความเจ็บป่วยด้านร่างกาย เช่น การเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ โรคเรื้อรัง โรคที่รักษาไม่หาย และโรคที่ต้องถึงแก่ชีวิต
แล้วร่างกายตอบสนองอย่างไรเมื่อเจอกับความเครียด
-ระยะเตรียมพร้อมต่อสู้ ร่างกายของคนเราจะพยายามป้องกันตนเองต่ออันตรายที่เกิดขึ้นโดยการกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติชนิด sympathetic ให้หลังสาร Epinephine ซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็ว การหายใจและความดันโลหิตเพิ่มมากขึ้น มีการเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่ระบบกล้ามเนื้อต่างๆ ต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อม ระบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลง ตับปล่อยน้ำตาลออกสู่กระแสเลือดมากขึ้น และมีการหลั่งเหงื่อเพิ่มขึ้นเพื่อลดความร้อนในร่างกาย ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมที่จะบุกตะลุยเพื่อต่อสู้ หรือวิ่งหนีโกยอ้าวก็แล้วแต่จะตัดสินใจ
-ระยะการปรับสมดุล หลังจากผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและระบบประสาทเพื่อลดการตอบสนองในระยะเตรียมต่อสู้ ผลที่ได้คือมีการลดการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลใหม่ของร่างกาย
-ระยะอ่อนล้า หากความเครียดยังคงอยู่และเรื้อรังยาวนาน พลังในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ มีการขยายตัวของระบบหลอดเลือดและน้ำเหลืองในร่างกาย อวัยวะต่างๆ อ่อนแอลง เกิดความเสื่อมขึ้นกับร่างกาย รวมถึงสภาพจิตใจที่จะซึมเสร้า หดหู่ หมดแรง หมดสภาพ หมดใจ และหมดชีวิตในที่สุด
อยากรู้จัง เครียดหรือยัง สังเกตอย่างไร
หากเครียดมากๆ อยากรู้ว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายแล้วหรือยัง ให้สังเกตจากอาการต่อไปนี้
-วิตกกังวล หงุดหงิด อารมณ์เสียง่าย ควบคุมตัวเองยากขึ้น
-ปวดศรีษะ สมองมึนงง หัวไม่โล่ง รู้สึกตื้อๆ
-ตื่นเต้น ตกใจง่าย ถึงง่ายมาก
-นอนไม่หลับ ฝันร้าย ฝันซ้ำในเรื่องนั้นๆ หรือไม่ก็หลับยาวจนเมืองหายไปครึ่งหนึ่ง
-เบื่ออาหาร ไม่อยากกินอะไร แต่บางคนก็กินแหลก กินเพื่อระบาบความเครียด (พออ้วนแล้วก็ต้องหาทางลดน้ำหนักกันอีก)
-ถอนหายใจบ่อยๆ หรือหายใจไม่อื่ม
-ท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อ
-ปวดต้นคอหรือไหล่ ปวดเมื่อยตามตัว
-เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียบ่อยๆ
-รู้สึกไม่มีสมาธิ ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
-ประจำเดือนมาไม่ปกติ เดี๋ยวเลื่อนเดี๋ยวเร็ว เอาแน่เอานอนไม่ได้
-เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ความเครียดก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้หรือไม่
ความเครียดส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาภายหลังได้มากมาย ทั้งโรคทางกายและโรคทางใจ ทั้งโรคซึมเศร้า วิตกกังวล แผลในกระเพาะอาหาร โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หอบหืด ภูมิแพ้ ปวดหลัง เบาหวาน ข้ออักเสบ รวมทั้งการติดสารเสพติดต่างๆ ด้วย
มารู้จักกลยุทธ์จัดการความเครียดกัน
-เครียดในเรื่องที่สมควรเครียด
ข้อนี้เป็นเรื่องแรกเลย ก่อนที่เราจะเครียดกับเรื่องใด กรุณาเน้นย้ำพิจารณาก่อนว่า เรื่องที่เครียดนั้นเกี่ยวกับเรา หรือมีผลกระทบเกี่บวกับเราหรือไม่ ความรุนแรงของผลกระทบมีมากเพียงใด สมควรเครียดหรือไม่ ถ้าเกี่บวแล้วค่อยเครียด เพราะบางคนเครียดเรื่องชาวบ้านทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลย
-รู้ตัวให้ได้ก่อนว่า ตอนนี้กำลังเครียดแล้ว
ถ้าไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองเครียดหรือยัง แล้วจะจัดการกับมันได้อย่างไร ถ้าไม่ทราบจริงๆ ก็ย้อนกลับไปอ่านข้างต้นแล้วประเมินตนเอง แต่อย่าลำเอียงแบบเข้าข้างตัวเอง ถ้าเครียดก็ยอมรับซะ จะได้หาทางจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม
-ยอมรับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
ถูกต้องแล้วครับ เพราะถ้ายอมรับสภาพความเป็นจริงทั้งของตัวเรา สภาพแวดล้อม ครอบครัว คนใกล้ชิด เราก็จะพบทางแก้ไขได้ง่าย เช่น เป็นคนอ่อนไหวง่าย ก็จะได้ไม่เอาเรื่องที่คนอื่นๆ พูดนินทามาคิดซ้ำให้ชีช้ำ หรือหลีกเลี่ยงไม่สนทนากับพวกปากร้ายเหล่านี้เสีย เป็นต้น
-เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อแก้ไขปัญหา
ต้องบกก่อนนะว่า ถ้าประเมินแล้วปัญหาอยู่ที่ตัวเราเอง ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อแก้ไข เช่น ใจร้อน ปากไว โวยวาย ข้อนี้เหมาะที่สุดแล้ว คือต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ไข
-ต้องแก้ปัญหา โดยหาที่มาของปัญหาและรวบรวมข้อมูลที่ก่อปัญหา
ลองมาเป็นนักสืบเพื่อสืบดูว่า อะไรหนอที่เป็นต้นตอของปัญหาหรือความเครียด ไม่ว่าจะป็นตัวเอง คนรอบข้าง โชคชะตาหรือกรรมเวร เมื่อเจอแล้วก็จะหาทางออกง่ายขึ้น ถ้ากลัวจำไม่ได้หรือคิดไม่ละเอียดก็หากระดาษมาจดใส่ไว้ก็ไม่เสียหาย
-ตั้งสมมติฐานหาทางออก
จากนั้นก็ตั้งสติ แล้วเขียนวิธีที่จะแก้ปัญหาหรือทางออกว่ามีอะไรบ้าง แล้วนำไปปรึกษาคนใกล้ชิดที่หวังดีกับเรา ค่อยๆ เขียนโดยพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ความพร้อม รวมทั้งความรู้สึกว่า แต่ละทางนั้นมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน บางครั้งทางแก้ก็อาจจะเป็นไปได้ด้วยเหตุผลแต่ขัดกับความรู้สึกก็ข้ามไปเถอะ (แต่อย่าข้ามจนไม่แก้ไขอะไรเลย)
-ทดลองนำไปใช้ เมื่อเจอทางออกแล้ว
ก็ถึงคราวทดลองนำไปใช้ แล้วก็หมั่นประเมินบ่อยๆ ว่าควรจะเดินทางนี้หรือจะเลี่ยงไปเดินทางอื่นที่ดีกว่า โดยมองจากเหตุผลและความรู้สึก ลองถามตัวเองให้ดี เพราะคนที่ได้ก็คือ ตัวเอง
-รู้จักมองโลกในหลายๆ มุม
โดยเฉพาะมุมมองในเชิงบวก ต้องมองให้เป็นครับ นอกจากรู้จักหาจุดบวกในแต่ละเหตุการณ์แล้ว ยังต้องหาด้านบวกในตัวเองด้วย ค้นหาให้พบ ชื่มชม และภูมิใจในด้านบวกของตัวเอง ลองยึดคติประจำใจของคุณกาละแมร์-พัชรศรี แห่งผู้หญิงถึงผู้หญิงก็ได้ "พลิกวิกฤตเป็นโอกาส พลิกความอุบาทว์ให้เป็นจุดเด่น"
-มีอารมณ์ขัน
หนึ่งในบุคลิกภาพที่สร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นได้ดีที่สุดคือ การเป็นคนมีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี รู้จักหัวเราะ ยิ้มให้กับเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต เริ่มจากยิ้มให้กับตัวเองก็ได้ ลองยิ้มหน้ากระจกดูนะ น่าดูออก
-ให้อภัย
คนบางคน เรื่องตั้งแต่ในอดีตชาติ ยังตามมาจองเวรกันในชาตินี้อีก ปล่อยๆ ไปเถอะ คิดดูว่าเราหรือเขาที่เป็นทุกขืกันแน่ แล้วถ้าเราจะจมอยู่กับความทุกข์ ก็ตามศรัทธาแล้วกัน
-ไม่ท้อถอย
ชีวิตคนเราไม่มีใครบริบูรณ์ทุกอย่างหรอก ทุกคนต้องมีช่วงเลวร้ายในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น ลองทำใจให้เข้มแข็ง ใจสู้ แบบ"นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่" ดูสิ
ข้อมูล นิตยสาร Health Today ฉบับเดือนพฤจิกายน ๒๕๔๖ หน้าปก นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์ นางสาวไทยประจำปี ๒๕๔๔
ปล. เดี๋ยวมาต่อเรื่องวิธีคลายเครียดวันหลังนะครับ ดึกแล้วครับผม
สวัสดีครับน้าตุ๊ก
น้าตุ๊กครับ เอ....บล็อกสุขภาพของน้าตุ๊กดูมันเงียบๆ ไปนะครับช่วงนี้ งานยุ่งเหรอครับ ถ้าเครียดก็คลายเครียดบ้างก็ไม่เลวนะครับ เดี๋ยวว่างๆ จะเพิ่มบันทึกวิธีคลายเครียดในบล็อกนี้นะครับ
เคารพเสมอและรักตลอดไปครับผม
Bob
สวัสดีค่ะ
ใช่แล้วคุณ bob ช่วงนี้ประชุมบ่อย เลยไม่ค่อยมีเวลาพิมพ์ พิมพ์ก็ไม่เก่งช้าหน่อย ว่างเมื่อไหร่จะหาเรื่องมาลงใหม่นะค่ะ บล็อกนี้คุณbob พิมพ์ผิดเยอะนะค่ะ ง่วงละซี
HAPPY BIRTHDAY นะค่ะน้องอั๋น สุขภาพดี มีความสุข ขอให้ผอมวันผอมคืนนะค่ะ หุหุ
สวัสดีครับน้าตุ๊ก น้าตุ๊กครับ ขอบคุณ ๒ เรื่องนะครับ
เรื่องแรก ขอบคุณที่บอกว่าพิมพ์ผิดเยอะ ก็ง่วงจริงๆ แหละครับ ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยหมดแล้วครับผม
เรื่องที่ ๒ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดครับ
ขอบคุณมากเลยคค่ะสำหรับข้อมูลที่ให้มานี่ค่ะ
อ่านแล้วค่ะ แก้ไขแล้วค่อย ok หน่อยค่ะคุณ bobขอบคุณค่ะ