POO
นาย ภุมินทร์ นันทพันธ์

การผสมวง


การผสมวง

การประสมวงดนตรีไทยพอสรุปได้เป็นแบบใหญ่ ดังนี้

วงขับไม้ เริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ประกอบด้วยคนเล่น 3 คน คือ คนขับลำนำ, คนไกวบัณเฑาะว์ และคนสีซอสามสาย จนมาถึงสมัยอยุธยาได้มีการเพิ่ม คนดีดกระจับปี่ เข้าไปอีก 1 คน และเปลี่ยนจากบัณเฑาะว์มาเป็นโทน (ใบเดียว)

วงเครื่องสาย จัดได้ว่าเริ่มมีขึ้นในสมัยอยุธยาแล้ว แต่ไม่เป็นหลักฐานเท่าไรนัก โดยใช้เครื่องดนตรีหลักคือ ซอด้วง, ซออู้, จะเข้ นอกจากนี้ยังมี ขลุ่ย ร่วมอยู่ด้วย ส่วนเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบจังหวะ ได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง หรือ กลอง ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์จึงได้มีการบรรเลงวงเครื่องสายขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งมีทั้งวงเครื่องสายไทย, วงเครื่องสายปี่ชวา (ใช้ปี่ชวาแทนขลุ่ย) และวงเครื่องสายประสม (ใช้เครื่องสายไทยประสมกับเครื่องดนตรีของต่างชาติ เช่น ออร์แกน เปียโน ไวโอลิน ขิม จะเข้ญี่ปุ่น เป็นต้น)

วงปี่พาทย์ คำว่า "ปี่พาทย์" หมายถึงการประสมวงที่มีปี่ และเครื่องเคาะ (ตี) ร่วมด้วย สมัยสุโขทัยได้เริ่มมี "วงปี่พาทย์เครื่องห้า" ขึ้นมาก่อน โดยใช้เครื่องดนตรี 5 ชิ้น คือ ปี่ ตะโพน ฆ้อง กลอง ฉิ่ง ต่อมาได้มีวิวัฒนาการมาเป็นลำดับจนเจริญถึงขีดสุดในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีการเพิ่มระนาดเข้าไปในภายหลัง วงปี่พาทย์ในปัจจุบันแบ่งออกได้ 7 แบบ ตามการจัดกลุ่มเครื่องดนตรีดังนี้

ปี่พาทย์ชาตรี - ปี่นอก, ฆ้องคู่, โทนชาตรี, กลองชาตรี, ฉิ่ง, กรับ
ปี่พาทย์เครื่องห้า - ปี่ใน, ฆ้องวงใหญ่, ระนาด, ตะโพน, กลองทัด, ฉิ่ง

ปี่พาทย์เครื่องคู่ - ปีใน, ปี่นอก, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องวงเล็ก, ระนาดเอก, ระนาดทุ้ม,
ตะโพน, กลองทัด, ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง
ปี่พาทย์เครื่องใหญ่ - ปีใน, ปี่นอก, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องวงเล็ก, ระนาดเอก, ระนาดทุ้ม,
ระนาดเหล็ก, ระนาดทุ้มเหล็ก,
ตะโพน, กลองทัด, ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง
ปี่พาทย์นางหงส์ - ปี่ชวา, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องวงเล็ก, ระนาดเอก, ระนาดทุ้ม,
กลองมลายู, ฉิ่ง

ปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ - ขลุ่ยเพียงออ, ขลุ่ยอู้, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องหุ่ย, ระนาดเอก,
ระนาดทุ้ม, ระนาดทุ้มเหล็ก, ซออู้, ตะโพน, กลองตะโพน,
กลองแขก, ฉิ่ง (กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เป็นผู้คิดขึ้น)

ปี่พาทย์มอญ - ปี่มอญ, ฆ้องมอญ, ระนาด, เปิงมางคอก, ตะโพนมอญ, โหม่งมอญ,

ฉิ่ง ฉาบ (จัดเครื่องดนตรีตามแต่ว่าจะเป็นชุดเครื่องเล็ก, เครื่องใหญ่ หรือเครื่องคู่)

วงมโหรี ในสมัยอยุธยาวงมโหรีเกิดขึ้นมาจากการดัดแปลงวงขับไม้ในอดีต โดยนำพิณมาร่วมบรรเลงดัวย ซึ่งเดิมมีเครื่องดนตรีเพียง 2 ชิ้น แล้วเปลี่ยนคนขับลำนำมาเป็นคนร้อง และตีกรับพวง เปลี่ยนจากบัณเฑาะว์เป็นโทน พร้อมกับเพิ่มรำมะนา และขลุ่ยไปประสมร่วมด้วย

ในปัจจุบันมโหรีกลายมาเป็นวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีครบทุกชนิด ทั้งดีด สี ตี เป่า ซึ่งเท่ากับเป็นการผสมวงปี่พาทย์และวงเครื่องสายเข้าด้วยกัน ประกอบด้วยเครื่องดนตรีเหล่านี้คือ

ซอ (ซอสามสาย ซอด้วง ซออู้), จะเข้, ระนาด, ฆ้องวง, ขลุ่ย, กลอง หรือโทน และเครื่องประกอบจังหวะได้แก่ ฉิ่ง ฉาบ กรับ โหม่ง (สังเกตว่าไม่มี "ปี่") โดยแบ่งออกเป็น วงมโหรีเครื่องเล็ก, มโหรีเครื่องคู่ และมโหรีเครื่องใหญ่

 

คำสำคัญ (Tags): #การผสมวง
หมายเลขบันทึก: 220968เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2008 14:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอสอบถามสัก 3 ข้อนะคะ

1. ปี่นอกกับปี่ใน ต่างกันในสำเนียงคือ

2. วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ ใช้ปี่กี่เลามาผสมวง

3. สาเหตุที่เรียกว่าปี่พาทย์ไม้นวม เพราะอะไร

รบกวนตอบให้ด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท