Oh_hO
นาง ภัทรนันท์ Oh_hO แก่นท้าว

พลังบำบัดของน้ำ


รู้หรือไม่ว่า...น้ำ คือหนึ่งในยารักษาโรคจากธรรมชาติ...

    ...น้ำ...

 

    โดยทั่วไปคนเราจะดื่มน้ำก็เมื่อรู้สึกกระหาย...แต่จริงๆแล้วความรู้สึกกระหายน้ำเป็นเพียงหนึ่งในอาการที่ร่างกายของเราแสดงออกมาว่ากำลังขาดน้ำ จากการศึกษาพบว่า ร่างกายสามารถแสดงความรู้สึกหรืออาการว่ากำลังขาดน้ำด้วยวิธีต่างๆ อีกมากมาย การมองข้ามอาการเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคร้ายแรงหลายโรค ที่แม้แต่การรักษาทางการแพทย์ในปัจจุบันก็ทำได้เพียงแค่บรรเทา แต่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

     การดื่มน้ำเย็นๆ มีส่วนช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย ช่วยให้เลือดเจือจางลงในระดับที่ร่างกายต้องการ ช่วยขับสารพิษออกทางผิวหนังในรูปของเหงื่อ กระตุ้นการทำงานของไตให้เป็นปกติ และช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของผนังลำไส้ ในขณะที่น้ำร้อนมีฤทธิ์เป็นยาสงบประสาท ช่วยลดอาการเจ็บปวด ตะคริว และการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ

      เกือบทุกคนรู้ว่า การดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และจะเกิดอะไรขึ้นหากร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ และนี่คือบทบาทของน้ำในการป้องกันปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่อาจลุกลามจนกลายเป็นโรคร้าย และยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า วารีบำบัด (hydrotherapy)

  ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 70%ของน้ำหนักตัว..น้ำ.. เป็นองค์ประกอบของทุกอวัยวะที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวเรา แต่ในบางอวัยวะ เช่น ปอดและสมองจะมีสัดส่วนของน้ำมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้น้ำยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของของเหลวภายในร่างกาย เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำลาย รวมไปถึงของเสียที่ถูกขับออกจากร่างกายหลังจากผ่านระบบย่อยอาหาร

 

     น้ำมีอยู่ในทุกสถานที่ แต่สามารถแบ่งตามแหล่งที่พบได้ 2 แหล่งใหญ่ๆ คือน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน (น้ำฝน) โดยปกติน้ำผิวดินจะเป็นน้ำอ่อน (solf water) ส่วนน้ำใต้ดินจะเป็นน้ำกระด้าง (hard water) ซึ่งหมายความว่าน้ำใต้ดินจะมีแร่ธาตุหรือสารนานาชนิดผสมอยู่

                                                        

  

     ในการทำวารีบำบัด...ควรใช้น้ำอ่อนมากกว่าน้ำกระด้าง แต่หากน้ำอ่อนมีสิ่งปนเปื้อนอยู่ ผลที่ได้อาจเป็นไปในทางตรงกันข้าม ดังนั้นก่อนจะนำมาดื่มหรือใช้บำบัดรักษาโรค เราควรทำให้น้ำนั้นบริสุทธิ์เสียก่อน

     ศาสตร์ในการรักษาโรคด้วยน้ำนั้นมีมานานนับพันๆ ปี ชาวอียิปต์ ฮีบรู กรีก เปอร์เซียน และฮินดู ล้วนรู้จักวิธีการนำน้ำมาเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคต่างๆ ส่วนชาวจีนก็รู้จักใช้น้ำมาช่วยในการรักษาโรคเป็นเวลาหลายร้อยปีก่อนการกำเนิดศาสนาคริสต์ ชาวญี่ปุ่นรู้ว่าสามารถนำน้ำเย็นมารักษาโรคต่างๆ ได้มานานกว่า 800 ปี แม้แต่ฮิปโปเครตีส ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของการแพทย์สมัยใหม่ ก็บันทึกเอาไว้ว่าน้ำร้อนและน้ำเย็นสามารถนำมาใช้ในการรักษาไข้ตัวร้อน โรคกระเพาะ รวมไปถึงอาการตกเลือดทั้งภายในและภายนอกร่างกาย

 

 

 ขอขอบคุณภาพประกอบจาก... http://images.google.co.th/images 

และ Line Dookdik จาก http://dookdik.kapook.com/

 ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก คุณกิตติกานต์ อิศระ "น้ำ..พลังมหัศจรรย์เพื่อสุขภาพดี" ,2548.

 

 

หมายเลขบันทึก: 220715เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2008 15:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 19:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอขอบคุณครับสำหรับข้อมูลที่ดีๆ

ทุกอย่างถ้าเรารู้จักใช้ให้ถุกวิธี และมีการจัดการอย่างเหมาะสม ก็ย่อมจะก่อให้เกิดประโยชน์มากว่าผลกระทบจริงหรือเปล่าครับ

 ขอบคุณค่ะ ว่าที่ ร.ต.วุฒิชัย สังข์พงษ์

ที่แวะมาเยี่ยม และคอมเม้นท์ดีๆ

ดิฉันเห็นด้วยกับคุณค่ะ...ควรใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์!

โลกใบนี้ก็จะน่าอยู่......^______^

ขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีๆ ที มีประโยชน์กับผู้ที่ดูแลสุขภาพทุกคน รวมทั้งกระผมด้วย

 ขอบคุณค่ะคุณ ลูกแม่โจ้54

ที่แวะมาเยี่ยมชม ขอให้มีสุขภาพดีๆนะคะ ;))

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท