บันทึกนี้จะคุยเกี่ยวกับการจัดทำตัวชี้วัดต่อจากบันทึกที่แล้วนะคะ
หลักการ
-
การเขียนตัวชี้วัดในระดับยุทธศาสตร์ชาติ ระดับยุทธศาสตร์กระทรวง และระดับกลยุทธ์ของกรม ควรมีองค์ประกอบ 2Q +2T+1P คือ ปริมาณ (Quantity) คุณลักษณะ (Quality) เวลา (Time) กลุ่มเป้าหมาย (Taget Group) และสถานที่ (Place)
-
การเขียนตัวชี้วัดในระดับผลผลิต ควรมีองค์ประกอบ QQCT คือปริมาณ (Quantity) คุณลักษณะ (Quality) ต้นทุน (Cost) และเวลา (Time)
เทคนิค
-
การเขียนตัวชี้วัดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ ตามสูตรข้างต้น มีความแตกต่างกันในการกำหนดเป้าหมาย ดังนี้
-ระดับยุทธศาสตร์ชาติ กลุ่มเป้าหมายได้แก่ สังคมในภาพรวม หรือพื้นที่ในภาพรวม หรือรัฐบาลในภาพรวม เช่น ประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติ ประเทศ รัฐบาล
-ระดับยุทธศาสตร์กระทรวง กลุ่มเป้าหมายได้แก่ กลุ่มสังคมที่กระทรวงรับผิดชอบ หรือพื้นที่เฉพาะที่กระทรวงรับผิดชอบ เช่น กลุ่มวัยแรงงาน ทรัพยากรน้ำ รายรับของรัฐบาล
-ระดับกลยุทธ์ของกรม กลุ่มเป้าหมายได้แก่ กลุ่มผู้รับบริการที่กรมรับผิดชอบ หรือพื้นที่เฉพาะที่กรมรับผิดชอบ เช่น กลุ่มวัยแรงงานที่ไม่มีงานทำ เขตชลประทาน รายรับของกรม
2. ในระดับยุทธศาสตร์และระดับกลยุทธ์ การวัดเชิงปริมาณ (Quantity) และ เชิงคุณลักษณะ(Quality) ของผลประโยชน์มีความแตกต่างกัน โดยขึ้นกับมาตรวัด (Scale)
การวัดเชิงปริมาณ (Quantity) ใช้ตัวเลขที่เป็น อัตราส่วนมาตรา (Ratio Scale) ช่วงมาตรา(Interval Scale) และลำดับมาตรา (Ordinal Scale) เช่น "อัตราส่วนของเยาวชนที่ติดยาเสพติดต่อเยาวชนทั้งหมดของประเทศ" และ "รายได้เฉลี่ยของเกษตรกรเพิ่มขึ้นจาก......บาท เป็น ......บาท " "สัดส่วนของผู้หญิงที่เป็นผู้บริหารในหน่วยงานภาครัฐเพิ่มขึ้นจาก 1 ใน 4 เป็น 1 ใน 2 " เป็นต้น
การวัดเชิงคุณลักษณะ (Quality) ใช้ตัวเลขที่เป็นนามมาตรา (Norminal Scale) เช่น "กฎหมายที่กำหนดให้ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสต้องเปลี่ยนสกุลเป็นของสามีได้รับการยกเลิก" "หน่วยงานได้รับรางวัลองค์กรยอดเยี่ยมในด้าน.......จากองค์การระหว่างประเทศ"
3. ในระดับยุทธศาสตร์และระดับกลยุทธ์ การวัดด้านเวลา / การกำหนด (Time) กำหนดได้ 2 ลักษณะ
- กรณีที่ต้องการวัดเมื่อสิ้นสุดเวลาของแผนระยะยาวหรือสิ้นสุดโครงการ เช่น "ภายในสิ้นแผนบริหารราชการแผ่นดินปี......" หรือ" เมื่อสิ้นสุดปี....." กรณีนี้มักจะใช้กับการวัดความสำเร็จของยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่กำหนดขึ้นใหม่ในแผนนั้นๆ ซึ่งต้องใช้กระบวนการก่อตัวของแผน - การเตรียมงาน - การปฏิบัติงาน - การแสดงผลจากการปฏิบัติงาน - การสิ้นสุด หรือ การคงสภาพการปฏิบัติงาน โดยที่ผลการปฏิบัติงานมักจะไม่สามารถแสดงได้ในปีที่ 1 แต่จะเริ่มมีผลขึ้นบ้างในปีที่ 2 และมีผลเพิ่มขึ้นในปีที่ 3 และมีผลเกิดขึ้นเต็มที่ปีที่ 4 ดังนั้นจึงต้องกำหนดว่าปีใดจะได้ผลเท่าใด
- กรณีที่ต้องการวัดเมื่อสิ้นสุดแต่ละรอบเวลาภายในเวลาของแผนระยะยาว เช่น "เพิ่มขึ้นร้อยละ.....ต่อปี " หรือ " ลดลงร้อยละ.....ต่อปี" กรณีนี้มักจะใช้กับการวัดความสำเร็จของยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องจากแผนที่แล้ว ซึ่งผลการปฏิบัติงานจะต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และมีผลงานเพิ่มขึ้นในปีที่ 1ปีที่ 2 ปีที่ 3 และปีที่ 4 ในอัตราเดียวกัน
- สถานที่ (Place) ต้องระบุในกรณีที่ดำเนินการในพื้นที่เฉพาะ เช่น " ในจังหวัด......" " ในเขตโครงการ......." ส่วนกรณี "ทั่วประเทศ" ไม่จำเป็นต้องเขียนหากเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป
4. การเขียนตัวชี้วัดในระดับผลผลิต
ปริมาณ (Quantity) ให้ระบุจำนวนชิ้นของวัตถุที่ถูกกระทำ เช่น "อาคารก่อสร้างแล้วเสร็จ" " ผู้ผ่านการฝึกอบรม"
คุณลักษณะ(Quality) ให้ระบุมาตรฐานของวัตถุที่ถูกกระทำหรือการเปลี่ยนแปลงของวัตถุที่ถูกกระทำ เช่น " อาคารก่อสร้างตามคุณลักษณะที่กำหนดตามแบบ" "ผู้ผ่านการฝึกอบรมตามเกณฑ์การทดสอบ"
ต้นทุน (Cost) ให้ระบุต้นทุนของผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น "ราคาต่อหน่วยที่ลดลง" หรือ"ราคาต่อหน่วยภายในวงเงินที่กำหนด"
เวลา (Time) ให้ระบุความรวดเร็วในการส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น " ไม่เกิน 30 นาทีต่อราย" หรือ " ภายในระยะเวลาที่กำหนด"
ข้อผิดพลาด
1. การเขียนตัวชี้วัดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์
- กลุ่มเป้าหมายระดับยุทธศาสตร์กระทรวงกำหนดไว้กว้างไป มีเพียงกระทรวงที่ใช้คำว่าประชาชนได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขในภารกิจที่ให้บริการทางการแพทย์ทุกกลุ่มอายุ ส่วนกระทรวงอื่น จะต้องพิจารณาว่ามีภารกิจให้บริการทุกกลุ่มอายุ หรือกลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มสังคมใดบ้าง เช่นกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มีภารกิจต่อกลุ่มผู้ยังไม่เข้าวัยเรียน และกระทรวงแรงงานไม่ได้มีภารกิจต่อกลุ่มผู้ที่ยังไม่เข้าวัยแรงงาน เป็นต้น
- กลุ่มเป้าหมายระดับกลยุทธ์ ของกรมกำหนดไว้กว้างไป หน่วยงานบางหน่วยงานไม่ได้ให้บริการในอาณาเขตเต็มพืนที่ แต่กำหนดกลุ่มเป้าหมายในอาณาเขตเต็มพื้นที่ เช่น " เกษตรกรในจังหวัดสามารถใช้น้ำเพื่อการเกษตรได้อย่างทั่วถึง" ซึ่งต้องเขียนว่า " เกษตรกรในเขตโครงการชลประทานที่หน่วยงานรับผิดชอบสามารถใช้น้ำเพื่อการเกษตรได้อย่างทั่วถึง" มิฉะนั้นการสุ่มตัวอย่างจะครอบคลุมประชากรที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการให้บริการโดยตรงจากหน่วยงานด้วย อาจทำให้ผลจากการประเมินผลสรุปได้ว่าหน่วยงานไม่ประสบผลสำเร็จในภารกิจนั้น
- กรณีที่ต้องการวัดเมื่อสิ้นสุดแต่ละรอบเวลาภายในเวลาของแผนระยะยาว เช่น "เพิ่มขึ้นร้อยละ...ต่อปี" หรือ " ลดลงร้อยละ....ต่อปี" กรณีนี้มักจะใช้กับการวัดความสำเร็จของยุทธศาสตร์ และกลยุทธ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องจากแผนที่แล้ว ซึ่งผลการปฏิบัติงานจะต่อเนื่องจากปีที่แล้วและมีผลงานเพิ่มขึ้นในปีที่ 1 ปีที่ 2 ปีที่ 3 และปีที่ 4 ในอัตราเดียวกัน
การเขียนตัวชี้วัดผลผลิต
การเขียนตัวชี้วัดในระดับผลผลิต ที่มักเข้าใจว่าการวัด "Quality" เป็นการวัดคุณภาพในลักษณะที่แสดงความสามารถในการประยุกต์ใช้
คุณลักษณะ (Quality) ให้ระบุมาตรฐานของวัตถุที่ถูกกระทำหรือการเปลี่ยนแปลงของวัตถุที่ถูกกระทำ เช่น " อาคารก่อสร้างตามคุณลักษณะที่กำหนดตามแบบ " " ผู้ผ่านการฝึกอบรมตามเกณฑ์การทดสอบ"
การเขียนตัวชี้วัด " ระดับความสำเร็จในการดำเนินงาน" จะต้องระมัดระวังเรื่องที่มาของการวัด
ถ้าคะแนนของความสำเร็จเกิดมาจากการวัดความคืบหน้าของกิจกรรมในแต่ละขั้นตอน ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จในการดำเนินงานนั้นเป็น Process Indicator ไม่ใช่ Output Indicator หรือไม่ใช่ Outcome Indicator
ถ้าคะแนนของความสำเร็จเกิดมาจากการวัดความคืบหน้าของปริมาณของผลผลิตซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากกระบวนการสุดท้ายของการผลิต หรือปริมาณผู้รับบริการจากกระบวนการสุดท้ายของการให้บริการ ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จในการดำเนินงานนั้นเป็นOutput Indicator
ถ้าคะแนนของความสำเร็จเกิดมาจากการวัดความคืบหน้าของปริมาณกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับผลประโยชน์จากการใช้ผลผลิต ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จในการดำเนินงานนั้นเป็นOutcome Indicator
ที่มา : เอกสารเรื่องแนวทางการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของรัฐ จัดทำโดย คณะอนุกรรมการพิจารณาแนวทางดำเนินการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ