ช่วงนี้ข่าวข้าวโพดกำลังดัง และคงไม่พ้นเรื่องม็อบ... เมื่อวาน (28 ต.ค. 51) ขณะที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด จังหวัดน่านกำลังเจรจาและชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดอยู่นั้น ทางเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด จังหวัดเชียงใหม่ก็ปิดล้อมศาลากลางจังหวัด ไม่ให้คนเข้าออก กว่าจะเลิกก็เลย 20.00 น. ไปแล้ว
และได้ติดตามข่าวทางสถานีโทรทัศน์ ไทยทีวี ก็ตกใจเมื่อทราบว่าน่านมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวพูดถึง 4 แสนกว่าไร่
ทำไมต้องตกใจ?
ประชากรทั้งหมดของจังหวัดมี 477,381 (ปี 2550) และพื้นที่เพราะปลูกเกือบ 4 แสนไร่ (362,481.50 ไร่) พอประมาณได้ว่าประชากร 1 คนมีพื้นที่เกือบ 1 ไร่
พื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดน่านประมาณ 11,472,076 ตารางกิโลเมตร เมื่อเทียบเคียงออกมาเป็นไร่ แล้วตกอยู่ 7 ล้านกว่าไร่ แบ่งเป็น
พื้นที่การเกษตรมีเพียง 8 แสนไร่ แต่เข้าโพดยึดคลองพื้นที่ไปแล้วเกือบครึ่ง และจากข้อมูลกระทรวงพานิชย์ ปรับปรุงเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2551 ระบุว่า พืชเศรษฐกิจอื่นที่ปลูกคือ ลิ้นจี่ มีการเพาะปลูกเพียง 3 หมื่นกว่าไรเท่านั้น
นี่จังหวัดน่านทั้งจังหวัดฝากเศรษฐกิจไว้กับข้าวโพดเพียงอย่างเดียวหรือ
จึงไม่แปลกที่ราคาข้าวโพดตกต่ำ หรือระบบเศรษฐกิจโลกล่มสลายแล้วทำให้จังหวัดน่าน จังหวัดเล็ก ๆ ได้รับผลกระทบถึงเพียงนี้...
ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำอะไรกันสักอย่าง... ลุกขึ้นมาช่วยกันเถอะครับ ช่วยกันสร้างเครือข่ายสังคมเพื่อความอยู่รอดอย่างยังยืน...
ข้อมูลที่ได้ทั้งหมดนี้ได้มาจากการค้นคว้าทางเว็บไซต์ต่าง ๆ หลายแห่ง ผิดถูกอย่างไรไม่อาจจะบอกได้ เพราะนี่เป็นแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ และไม่ค่อยตรงกันมากนัก หรือไม่ก็อาจจะล้าหลังไปแล้ว เพราะนี่คือปัญหา
ปัญหาคือ เราขาดเครือข่ายข้อมูล หรือ ระบบสารสนเทศทางการเกษตร ที่จะเชื่อมโยงความรู้ ข้อมูลต่าง ๆ ทั้งในอุตสาหกรรมและที่เกี่ยวข้องกันเป็นระบบคลัสเตอร์...
น่าเห็นใจชาวน่านครับ แล้วที่จังหวัดน่ายพืชเกษตรตัวอื่น ๆ เขาไม่ปลูกทำกันหรือครับ
เมื่อก่อนน่านคือดินแดนส้มสีทอง แต่ปัจจุบันนี้เป็นดินแดนข้าวโพดไปแล้ว และที่น่าสนใจคือ ป่าเสื่อมโทรมทั้งหลายจะกลายเป็นที่ดินทำกินอีกไม่ช้านาน และข่าวแว่ว ๆ ว่ามีเหมืองถ่านหินใกล้ ๆ น่านอีก
ส้มที่เคยปลูกมากมายหายไป กลายเป็นไร่ข้าวโพดและสวนยางพาราไปแล้วล่ะ
ไม่ช้าไม่นาน น่านคงเหลือแต่กระดูกกับหนังแล้วครับ
วิเคราะหืได้เก่งจังเลยนะครับ ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ
เมื่อวาน (28 ต.ค.) ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไรเลยครับ และตำรวจได้ออกมาเยอะมาก เพื่อคอยสกัดกลุ่มม็อบก่อนที่จะไปร่วมชุมนุมเพื่อปิดถนน
เราต้องเก็บความสงสารไว้ส่วนหนึ่งแล้วต้องมองความจริง และเกษตรกรต้องยอมรับความจริงว่า ทำการเกษตรโดยไร้ทิศทาง และพึ่งพาสารเคมี ก็ไม่ต่างอะไรกับทาสของเทคโนโลยีและสังคมเศรษฐกิจสมัยใหม่
ทางออกคือเกษตรพอเพียง และการทำการเกษตรโดยรู้เท่าทันกับสภาวะโลกครับ