28 ตุลาคม 2551 เป็นอีกวันหนึ่งที่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดได้เข้าไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อติดตามผลการแก้ไขปัญหาของภาครัฐ ซึ่งเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ยังไม่ทราบเพราะไม่สามารถติดต่อสอบถามได้ ลองพยายามเข้าเว็บหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของจังหวัดน่านก็มีแต่ข่าววัยรุ่นยิงกันตาย และข่าวม็อบข้าวโพดที่ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว
ข้าวโพดเป็นผลิตผลการเกษตรเชิงเดี่ยวที่มักตกเป็นผู้ต้องสงสัยในหลายด้านไม่ว่า การปลูกข้าวโพดเป็นสาเหตุทำให้หน้าดินพังทลาย เป็นสาเหตุทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเป็นแหล่งเพราะปลูก เป็นเหตุทำให้โลกเต็มไปด้วยสารเคมี และสุดท้ายเป็นเหตุทำให้เกิดม็อบข้าวโพดที่ทำให้น่านกลายเป็นเมืองปิด
น่านเมืองเล็ก ๆ ที่อุดมด้วยวัฒนธรรม และได้ชื่อว่ามีประชาคมที่เข้มแข็ง ที่ทำการเกษตรเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้ม็อบกลับสะท้อนให้เห็นว่าน่านเปลี่ยนไป... จะเปลี่ยนไปอย่างไรจะได้สาธยายกันต่อ...
เมื่อม็อบข้าวโพดปิดถนนเมืองน่านไม่มีปลานิลขายในตลาดเพราะต้องนำเข้าปลานิลจากจังหวัดอื่น ทั้ง ๆ ที่น่านมีปากนาย แหล่งทะเลสาบน้ำจืดที่สามารถจะเลี้ยงปลาอะไรก็ได้
เมื่อม็อบข้าวโพดปิดถนนเมืองน่านไม่มีผักบางชนิดขายในตลาดทั้ง ๆ ที่น่านเป็นเมืองเกษตรโดยเฉพาะอำเภอท่าวังผา เคยเป็นแหล่งปลูกผักสวนครัวที่ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองน่าน
เมื่อม็อบข้าวโพดปิดถนนเมืองน่านไม่มีน้ำมันใช้เพราะเครื่องใช้ต่าง ๆ ล้วนแล้วต้องพึ่งพาอาศัยน้ำมัน การสัญจรเริ่มยุ่งยากเมื่อขาดน้ำมัน ทั้ง ๆ ที่น่านมีเส้นทางสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ
เกิดอะไรขึ้นกับเมืองน่าน...
จากเดิมการเกษตรของน่านเป็นแบบพออยู่พอกิน (หรือแบบพอเพียง) แต่แล้วทางรัฐกลับส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เพื่อเพิ่ม GDP ให้สูงขึ้น แต่ยังขาดพื้นฐานรองรับที่ดีพอ ก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
การแก้ไขปัญหาที่ทำกันอยู่หนีไม่พ้น ประกันราคา จำนำราคา สุดท้ายม็อบก็เลิกราเมื่อสิ้นแรงหนุน ผลประโยชน์ที่แท้จริงถึงมือเกษตรกร มากน้อยแค่ไหนไม่มีใครออกมาเปิดเผย และท้ายสุดนายทุนที่มีสายป่านยาวก็ได้กำไรอย่างเห็น ๆ
ปัญหาถูกแก้ไขที่ปลายเหตุ... เกษตรกรเรียกร้องราคาสูง รัฐพยายามต่อรองให้ราคาต่ำ เมื่อตกลงกันได้ก็จบ แล้วปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากันต่อ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นจนชินตา
ส่วนต้นสายปลายเหตุไม่เห็นมีใครกล่าวถึง และพยายามหาทางลงมือปฏิบัติกันอย่างเป็นรูปธรรม และวิธีที่แก้ไขได้ผล โดยภาครัฐต้องดำเนินการหรือส่งเสริมให้เกิดขึ้นคือ สารสนเทศทางการเกษตร
เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และเกษตรตำบล กำลังทำอะไรอยู่ ข้อมูลที่มีสามารถป้องกันปัญหาได้มากน้อยเพียงใด
ลองคิดดูเล่น ๆ ถ้าในจังหวัดมีแหล่งข้อมูลสำหรับการเพราะปลูกสามารถบูรณาการ และสร้างเครือขายชุมชนให้ใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย และมีการรวมกลุ่มกันอย่างจริงจัง
มีการเชื่อมโยงแหล่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถติดต่อกันอย่างสะดวก เช่น ข้อมูลแรงงาน ข้อมูลการเพราะปลูก ข้อมูลราคาอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลราคากลาง ข้อมูลผู้รับซื้อ และอีกมากมายที่จะคิดสร้างขึ้น
การควบคุมการเพราะปลูกเหมือนกับที่ป่าวประกาศกันทุกวันนี้จะยาก และชาวบ้านอาจจะไม่เห็นภาพ แต่ถ้าเราสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อให้เกษตรกรได้เห็นถึงปริมาณผลิตผลที่ปลูกไว้กับปริมาณที่ตลาดต้องการ และมีทางเลือกเพื่อไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน
นอกจากข้อมูลการเกษตรแล้วยังต้องมีข้อมูลการตลาดมาเพิ่มเติม เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้กันว่าสิ่งที่กำลังจะลงมือผลิตจะมีอนาคตอย่างไร
นี่ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ถ้าคิดจะทำ เว้นเสียแต่ว่าจะไม่กล้าลงมือ
และอย่าลืมว่ายิ่งมีข้อมูลในมือมากเท่าใดก็สามารถที่จะจัดการได้มากเท่านั้น และการแก้ไขปัญหาควรแก้ไขที่เหตุ เหมือนดังคาถาบทที่ว่า
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
เตสํ เหตุํ ตถาคโต
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
เอวํ วาที มหาสมโณ
ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับของธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้...
ถึงเวลาแล้วที่เราจะหาเหตุแห่งปัญหาและดับกันที่ต้นเหตุ... ลงมือกันเถอะครับ...สวัสดี...
สวัสดีค่ะ น้องโยธินิน
Krutoi เคยไปน่านมาแล้ว มันผ่านมาร่วม 30 ปี ที่นั่น สงบ และเรียบง่าย ทำให้ใจเราสงบ อย่างมีความสุข เอาภาพ น่าน ในปัจจุบันมาฝากบ้างนะคะ
30 ปีก่อนผมยังเป็นเด็กครับ ปัจจุบันไม่ต่างกันเท่าใดนัก ห้างร้านอยู่ยังไงก็ยังเป็นอย่างนั้น ที่แปลกใหม่คงมีห้างสรรพสินค้าเพิ่ม และแหล่งเริงรมย์ล้อมเมืองน่าน
แต่อย่างไรก็ตามน่านวันนี้มีสิ่งที่น่าภาคภูมิใจคือ การจัดการแข่งเรือยาวประเพณี ปลอดสิ่งมึนเมาครับ น่าภูมิใจมาก
ไว้วันหลังจะนำภาพเมืองน่านมาลงครับ
ตอนนี้น้ำน่านหาปลายากแล้ว และคิวต่อไปก็เป็นน้ำว้าที่อำเภอแม่จริมครับ
เพราะตอนนี้จะมีเขื่อนเพิ่มขึ้น ปกติปลาน้ำว้าเป็นปลาที่แข็งแร็ง น้ำสะอาด เนื้อปลาจะอร่อย และปลาไม่มีกลิ่นโคลนตม แต่ต่อไปไม่มีปลาดี ๆ อีกแล้วสำหรับเมืองน่าน
พี่นกก็อย่าลืมไปแวะเที่ยวนะครับ ก่อนที่ทรัพยากรจะไม่เหลือให้ชมอีก ได้ข่าวว่ามีแหล่งสัมปทานถ่านหินใกล้ ๆ ชายแดนน่านอีก ไม่รู้จริงหรือเท็จ ไม่อยากคิดมากแล้วครับแค่นี้ก็สยองแล้ว...