ดูจากสีหน้า แววตา และการซักถามของผู้ฟังแล้ว ผมรู้สึกว่าผู้ฟังเห็นด้วยกับกระบวนการ KM ที่จะมาช่วยให้การทำงานตามหน้าที่มีคุณภาพมากขึ้น โดย KM ไม่ใช่เป็นก้อนงานอีกก้อนหนึ่ง ที่ต้องทำให้เขาแบกรับเพิ่มขึ้น และที่สำคัญคือ จะช่วยปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการคิด การพูด การทำงานของคนในหน่วยงานให้มีพฤติกรรมเชิงมนุษย์และมีใจแบ่งปันความรู้แก่กันมากขึ้น
ผมได้ยกคำพูดของ น.พ.พิเชษฐ์ โรงพยาบาลบ้านตากให้ฟังที่ท่านบอกว่า “ KM คือ การจัดการความสัมพันธ์ “ หลายคนรู้สึกคล้อยตาม แต่ก็มีคำถาม สีหน้า กังวลว่าคงต้องใช้เวลานานทีเดียวที่จะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของระบบราชการได้ และ คุณอำนวยจะอดทนสานต่อได้นานสักแค่ไหน ก็กลัวว่าจะเป็นการสร้างบ้านหลังใหม่ พอปูพื้นเสร็จก็ยกเลิกโครงการ แล้วไปคิดสร้างบ้างหลังใหม่ในรูปทรงอื่นต่อไป แล้วก็ปล่อยทิ้งบ้านเก่าให้ผุพัง เพื่อเป็นเพียงประวัติศาสตร์ที่จะคุยอวดใครได้ว่า “ ฉันเคยทำ KM แล้ว “ เหมือนเรื่องอื่นๆที่เคยล้มเหลวมาแล้ว
เรียน ท่านบุญถึง
คนที่นี่เป็นนักพูด นักวิพากย์ ชอบแสดงความเห็น ที่คนอื่นคิด มากกว่าทำ พอให้ทำจะหาคนอื่นทำ ขอพูดๆๆๆ หาคนทำยากนะท่าน รู้สึกจะมีแต่คุณอำนวยมาก น่าสงสาร ผอ. สำนักนี้จริงๆ ท่านคงเหนื่อย เปล่า ไม่ค่อยบำรุงรักษาคน ผลคงจะแห้งๆ ไร้รักสม้ครสมาน เลือกปฏิบัติ แล้วจะkm อย่างไรหนอ