อคติ


ผมว่าอคตินี่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งเลยนะครับ เพราะอคติจะเป็นสิ่งผลักให้เราแสดงท่าทีต่อคน สัตว์ สิ่งของอย่างไร รัก ชอบ ชัง กลัว หรือขลาดเขลา ก็จะแสดงออกในลักษณะที่แตกต่างกันไปตามแต่อคติที่เป็นเจ้าเรือนในขณะนั้น

 

บังเอิญ
ผมเริ่มปฏิบัติงานที่นี่เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๑ ถึงวันนี้ก็นับได้เกือบ ๒ สัปดาห์แล้วละครับ  เป็น ๒ สัปดาห์ที่มีเหตุการณ์บังเอิญเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับผมชนิดไม่เคยเกิด ๒ เหตุการณ์

เหตุแรก
ผมเดี้ยงตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาพักที่นี่แล้วละครับ ปวดอย่างที่สุดและปวดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบริเวณใต้สะโพกขวา (ก้นกบ ?) ลองปล่อยให้ปวดดูเกือบสัปดาห์ ไม่ได้ทานยาอะไร จะใช้บ้างก็ทายาบรรเทาปวดแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย  ปวดมากขึ้นทนไม่ไหวเลยถามพรรคพวกเพื่อนฝูงว่ามีหมอที่ไหนในเมืองขอนแก่นดี เด่น ดัง ทางด้านกระดูก กล้ามเนื้อ และ/หรือการเจ็บปวด

คลีนิคอยู่ถนนศรีจันทร์เพื่อนบอกอย่างนั้น วันก่อนเลยได้ไปใช้บริการกับคุณหมอท่านก็ให้ลองนั่งยอง นั่งคุกเข่า โยกซ้าย โยกขวา แอ่นหน้า แอ่นหลัง นอนยกขาซ้าย นอนยกขาขวา นอนคว่ำหน้า ฯลฯ แล้วก็วินิจฉัยว่า อาการแบบนี้มีสาเหตุมาจาก ๓ ประการ เล่นกีฬาชนิดที่มีการเคลือนไหวช่วงเอวอย่างเร็ว ได้แก่ เทนนิส แบตมินตัน วอลเลย์บอล กอล์ฟ ฯลฯ หนึ่ง การยกของหนักผิดท่าผิดจังหวะหนึ่ง และการนั่งขัดสมาธิทำงานเป็นเวลานานหนึ่ง

ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่ได้เล่นกีฬาและไม่ได้ยกของหนักแน่ๆ หรือจะเป็นเพราะผมชอบนั่งกับพื้นเขียนหนังสือด้วยโต๊ะญี่ปุ่นแน่ๆ ก็ทำให้สงสัยว่าแล้วคนญี่ปุ่นเขาไม่เจ็บปวดกันหรือ ? หรือว่าคนญี่ปุ่นเขาน้ำหนักน้อยกว่าผม ก้นกบเลยรับน้ำหนักไหว ?

คุณหมอถามว่าจะฉีดยาด้วยไหมเผื่อจะระงับปวดและหายเร็วขึ้น
หมอบอกด้วยว่าอาการแบบนี้โดยทั่วไปประมาณ ๓ สัปดาห์จะหาย คนเราถึงคราวจะเจ็บปวดก็เป็นได้ง่ายๆ เนอะ
ผมไม่คุ้นกับการฉีดยาครับ ตลอดชีวิตผมฉีดยาสักกี่ครั้งเชียว ล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนโน้นได้ฉีดยาก็เพราะเจ้าตูบมันกระโดดงับขาเอา ผมได้ใช้บริการฉีดยาป้องกันบาดทะยักและพิษสุนัขบ้าที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลรามาธิบดีตลอดจนครบรายการ (คุณพยาบาลบอกว่าผู้ป่วยมักจะมาฉีดกันไม่ครบตามนัด) แน่นอนครับว่า ประสบการณ์ฉีดยาแต่ละครั้งของผมมันเจ็บ-ปวดเสียจริงนะครับ

คราวนี้ก็มิได้แตกต่าง ฉีดปุ๊ป ก็ปวดปั๊ปเลยแหละครับ ประสบการณ์ครั้งแรกของการฉีดยาที่บั้นท้ายสำหรับผม
คุณหมอจัดยามาให้ทานด้วยจำนวนหนึ่ง พร้อมกำชับว่าให้งดนั่งเขียนหนังสือกับพื้น หรือนั่งกับพื้นนานๆ อย่างน้อย ๑ เดือน

เมื่อวันก่อนลองทดสอบดูสิว่าคำวินิจฉัยของคุณหมอจะแม่นจริงไหม ?
ลองนั่งเขียนหนังสือดูเหมือนเดิมประมาณ ๓๐ นาที พอลุกขึ้นจะตายเอาสิครับ ลุกไม่ได้ ต้องหาอะไรเกาะเกี่ยวยึดเสียก่อน
เชื่อหรือยังละทีนี้ว่าตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ระบุไว้หน้าคลีนิคนั้นมิใช่ได้มาเพราะโชค

ชีวิตผมระหว่างนี้ก็เดี้ยงๆ อย่างนี้แหละครับ ลงเยี่ยมบ้าน หรือร่วมประชุมเครือข่ายเฝ้าระวังความรุนแรงต่อเด็กและสตรีระดับอำเภอน้ำพอง ก็ไปกันแบบเดี้ยงๆ นี่แหละครับ ชีวิตระหว่างนี้ก็เลยเป็นชีวิตหลังตั้งฉาก เดินเหมือนคนเสียขาดูมิได้แตกต่างไปจากนักเรียนในศูนย์ฝึก  ก็ถือเสียว่าเป็นบุพฤกษ์สำหรับการทำงานในศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการละกันนะครับ ต้องเดี้ยงเสียก่อนถึงจะได้เข้าใจหัวอกคนพิการ

เหตุสอง
คืนแรกของการนอนที่นี่ก็อบอุ่นเย็นสบายดีครับ
เบื้องต้นพบว่าที่นี่มี ๒ อย่างที่ยังคงคล้ายกับสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ คือเสียงตุ๊กแก และไฟตกบ่อยมากๆ (โรงไฟฟ้าน้ำพองอยู่ใกล้แค่นี้มิได้ทำให้ผมรู้สึกว่าพิเศษกว่าปรือใหญ่ชายแดนแต่อย่างไร) ใครไม่เคยใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกครับว่าเสียงกบเสียงเขียดยามเย็นตะวันคล้อยลับขอบฟ้า เสียงตุ๊กแกและเสียงนกแสกยามค่ำคืน เสียงจั๊กจั่นร้องระงมในยามแดดจัดจ้าตอนเที่ยงวัน เสียงครกและกลิ่นควันไฟยามเช้า มันมีความผูกพันและยึดโยงต่อชีวิตคนชนบทอย่างไร

เช้าวันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม มีงูตัวพอประมาณยาวเกือบเมตรเข้ามาในบ้านพัก เรียกบอกอาจารย์คำพอง บ้านหลังติดกันให้มาช่วยด้วย ท่านเรียก "น้องต่าย" มาช่วยจัดการด้วยอีกคน งูเจ้ากรรมเลยถูกฆ่าเสียเมื่อขณะเลื้อยออกนอกบ้านไป (โทษฐานที่เข้าบ้านคน ?) หรือจะเพราะผลกรรมที่ไปฆ่างูตัวนี้ ก็เลยมาสนองให้ผมเดี้ยงไปอย่างนี้นะครับ

เช้าวันพุธที่ ๑๕ ตุลาคม มีแมงป่องตัวดำเมื่อมเงาวับเข้าบ้าน จุดที่พบเป็นจุดเดียวกับเจองูเมื่อวาน ที่ออกแบบมาไว้ให้เป็นห้องครัวหรือห้องเก็บเครื่องใช้ ตู้เสื้อผ้า ชำระล้าง เพราะแมงป่องแม้จะตัวโตน่ากลัวแต่ก็เคลื่อนไหวช้าเลยไม่ต้องเรียกใครช่วย ใช้ช้อนซ้อมคีบออกไปปล่อยที่กองไม้ข้างบ้าน ทั้งผมทั้งแมงป่องต่างก็ไม่เจ็บตัว

เช้าวันพุธที่ ๑๖ ตุลาคม มีคางคกตัวโต ๒ ตัว ปรากฏตัวในครัวอีกแล้วครับท่าน
เฮ้ย !!! นี่มันบ้านอสรพิษหรือเปล่านี่ ท้ายบ้านก็สะอาดดูดีมิได้รกรุงรังอะไร

สัปดาห์ที่ผ่านมายอมรับละครับว่ากลายเป็นคนระแวงและผวาไปเสียแล้วละครับ
ก่อนจะสวมรองเท้าก็ต้องเคาะ ก่อนจะสวมเสื้อผ้าก็ต้องสะบัดแรงๆ ก่อนจะนอนก็ตบหมอนเอาฤกษ์เอาชัยเสียก่อน



ชีวิตคือชีวิต-ชีวิตที่แตกต่าง : เราสามารถเล่นวอลเลย์บอลและร่วมกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันได้
ร่วมกันได้ด้วยความแตกต่างที่ได้รับการยกเว้นมิให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง


อคติ
ยอมรับละครับว่าผมมีอคติกับงู แมงป่อง และคางคก
ท่านว่าอคตินั้นท่านว่า หมายถึง ความลำเอียง เพราะเหตุแห่งความกลัว ความโกรธ ความรัก และความเขลา
ผมยอมรับละว่าผมกลัวงูและกลัวตุ๊กแก ถามว่าทำไมถึงกลัว นั่นสิ ทำไมถึงกลัว แล้วทำไมพี่ๆ น้องๆ เขาถึงกล้าละ ?

ผมว่าอคตินี่มันเป็นมิจฉาทิฏฐิที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งเลยนะครับ
เพราะอคติจะเป็นสิ่งผลักให้เราแสดงท่าทีต่อคน สัตว์ สิ่งของ อย่างไร
รัก ชอบ ชัง กลัว หรือขลาดเขลา ก็จะแสดงออกในลักษณะที่แตกต่างกันไปตามแต่อคติืที่เป็นเจ้าเรือนในขณะนั้น

๑๕-๑๖ ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นวันปฐมนิเทศก่อนการฝึกอาชีพที่นี่ครับ
วันแรกเป็นวันประชุมชี้แจงให้ความรู้ วันต่อมาเป็นวันกิจกรรมและกีฬา
ผมมีโอกาสได้พูดหลายๆ เรื่องกับพี่ๆ น้องๆ ที่สมัครเข้ารับการฝึกอาชีพประจำปีนี้ และในจำนวนนั้นสิ่งที่ผมย้ำตลอดว่าเป็นหน้าที่ของผมและพวกเราทุกคนที่จะต้องร่วมกันลดอคติของผู้คนในสังคมที่มีต่อผู้พิการ

แน่นอนว่ามันต้องเริ่มจากเรา
การแสดงออกด้วยท่าทีที่หลากหลาย การเรียกร้อง กดดัน การเปิดพื้นที่การรับรู้ การเสริมสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกัน ตลอดจนท่าทีที่ไม่ขอรับการสงเคราะห์ บริจาคช่วยเหลือเช่นลักษณะของผู้น่าสังเวชสงสาร หากแต่มุ่งไปสู่การปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เอื้ออำนวยและไร้อุปสรรคนั่นต่างหากเป็นสิ่งจำเป็นที่ผมและใครๆ ควรเร่งร่วมมือกัน


ชีวิตคือชีวิต-ชีวิตที่แตกต่าง : เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกัน
และสร้างสรรค์สังคมไปด้วยกันได้ เราสามารถเติมเต็มให้แก่กันได้ ไม่แยกเขา ไม่แยกเรา
ไม่ถือความต่างเป็นข้อจำกัดหากแต่เลือกยึดเป้าหมายในการอยู่ร่วมกันเป็นตัวตั้ง


ในช่วงแรกของการปฐมนิเทศผมมุ่งเน้นอย่างที่สุดให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการแสดงท่าทีไม่ขอรับการช่วยเหลือเช่นผู้แพ้  ในชีวิตการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ของผมเคยยึดไม้ค้ำยันของผู้รับบริการที่อ้างว่าตัวเองพิการ ๒ รายครับ

อยากพิการ อยากให้หน่วยงานใดๆ ที่มีอำนาจรับรองเอกสารว่าตัวเองพิการ เพื่อจะได้รับการช่วยเหลือและใช้สิทธิบางประการ  แน่นอนครับว่าไม่แปลกครับ ในฤดูกาลเกณฑ์ทหาร มีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่วิ่งเข้าโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยให้ตัวเองพิการเพื่อจะได้เป็นข้ออ้าง ยินยอมที่จะให้ผู้มีอำนาจออกหนังสือรับรองให้ตัวเองพิกลพิการอย่างไรก็ได้

ผมว่าการแสดงท่าทีลักษณะอย่างนี้น่ากลัวครับ
เพราะถ้าอย่างนั้น การเข้ารับการฝึกอาชีพอาจมิใช่เป้าหมายเพื่อการประกอบอาชีพ
เป็นหน้าที่ของผม เป็นหน้าที่ของครูฝึกอาชีพ และพี่เลี้ยงทุกท่านจะได้ร่วมกันสอดแทรกแนวคิดดังกล่าวตลอดหลักสูตร



ทั้งโดราเอม่อนและพระเอกครึ่งท่อนของผม
อาจเป็น ๒ ชีวิตแรกที่ผมจำเป็นต้องนำเสนอเรื่องราวเพื่อเปิดพรมแดนการรับรู้


โดราเอม่อน

เคยคิดสงสัยกันไหมครับว่าโดราเอม่อนมือกลมๆ เท้ากลมๆ อย่างนั้น เขาใช้ชีวิตประจำวันอยู่อย่างไร
โดราเอม่อนชอบกินขนมโดรายากิ แล้วมือกลมๆ อย่างนั้น ไม่มีนิ้วเหมือนใครเขา จะหยิบจับขนมได้อย่างไร
ยิ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าวิเศษด้านหน้าด้วยเล่าเขาจะหยิบจับมันได้อย่างไร หรือเมื่อต้องแสดงตนด้วยลายพิมพ์นิ้วมือด้วยละจะทำอย่างไร

ผมไม่สงสัยแล้วครับวันนี้
เพราะตอนนี้ ผมพบโดราเอม่อนแล้วครับ
เป็นโดราเอม่อนที่มีสุขภาพจิตดีเยี่ยม ยิ้มแย้ม และชอบเล่นกีฬา มีรอยสัก และเจาะหูเสียด้วยสิครับ
ว่าจำเพาะกีฬานั้นเล่า ชอบเตะฟุตบอลอย่างที่สุด และชอบที่จะเป็นผู้เตะจุดโทษและเตะมุม
แน่นอนครับว่า เพราะข้อจำกัดด้านร่างกาย ทำให้โดราเอม่อนจะเหนื่อยง่ายกว่าคนอื่นเขา ต้องนั่งพักอยู่เนืองๆ


ชีวิตคือชีวิต-ชีวิตที่แตกต่าง : เพราะเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เราควรสามารถเลือกใช้ชีวิตอยู่ได้ในโลกใบนี้ด้วยความสุขตามสมควรแก่อัตภาพ


โดราเอม่อนของผมไม่มีนิ้วมือเช่นกัน โดราเอม่อนของผมมีเพียงขาขวาเท่านั้นที่สมบูรณ์
ที่หดหายไปล้วนแล้วแต่เป็นมาเพราะกำเนิด การเคลื่อนไหวอย่างทันใจและไม่เป็นทางการของโดราเอม่อนของผมมิได้แตกต่างไปจากจิงโจ้  ปิ๊งแรกที่เห็นผมเรียกชื่อในใจตามสภาพที่ปรากฏว่า "จิงโจ้" แต่ก็เหมือนกับจะเป็นการตีตรา เลยขอเปลี่ยนเป็น "โดราเอม่อน" ในมิติของความมหัศจรรย์

โดราเอม่อนในการ์ตูนมีความวิเศษมหัศจรรย์อย่างไร โดราเอม่อนที่อยู่กับผมก็วิเศษได้ไม่แตกต่างกัน

ถ้าเราไม่ให้โอกาสตัวเองได้เข้าถึงเรื่องราวหรือสิ่งที่แตกต่าง รวมถึงการมีจิตประกอบด้วยอคติเสียแล้ว ก็เท่ากับเราได้ปิดกั้นตัวเองและพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ที่แตกต่าง ได้พบเห็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตแต่ละวัน การปิดกั้นตัวเอง (โดยเฉพาะกับผู้มีอำนาจและหน้าที่) จึงเท่ากับเป็นการปิดกั้นคนอื่นโดยปริยาย



ชีวิตคือชีวิต-ชีวิตที่แตกต่าง : เราสามารถอยู่ร่วมกันได้บนโลกของความแตกต่างครับ

 
อย่าสังเวช อย่าสงสาร
ถ้าจะสนับสนุนบ้างก็คือการให้โอกาสและเอื้อเฟื้อตามสมควร ทั้งของใช้และกายอุปกรณ์
ถ้าจะสนับสนุนบ้างก็คือการเปิดใจกว้างยอมรับข้อจำกัดและความแตกต่างเฉพาะเพียงด้านกายภาพ


เป็นหน้าที่ของผมที่จะได้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้มีกายอุปกรณ์ตามสมควรแก่ความเป็นไป
เป็นหน้าที่ของผมที่จะได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตว่าโดราเอม่อนของผมนั้น
เขาอาบน้ำอย่างไร เขาแต่งตัวอย่างไร เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไร และเขาเรียนหนังสืออย่างไร
เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องเปิดพรมแดนการรับรู้ เพื่อก้าวผ่านอคติ
ช็อต ต่อ ช็อต !!!!


โปรดอย่ารอคอย แต่โปรดติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน
(ฮา)

 

 

หมายเลขบันทึก: 218364เขียนเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 16:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

 

 

 

 

 

         หมงคะ......

               ติดตาม.....ทุกเรื่อง...ด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน  (ฮาด้วยคนค่ะ)

               ทราบเรื่องเดี้ยง..และน้องงู......เป็นห่วงนะคะ....แต่เป็นเรื่องน่ารักดีโดยเฉพาะน้องงู    เข้าทางพอดี.....ก้าวหน้าด้านการงานและได้แต่งงาน  เป็นเรื่องดีมีมงคลทั้งนั้นค่ะ   

               ปัญหามา....ปัญญามี....บารมีเกิดนะคะ

               เชื่อมั่นในตัวหมงเสมอค่ะ...

               เพชร...อยู่ที่ไหนก็เป็นเพชรค่ะ

     

                        ทุกคนรักและคิดถึงหมงมากค่ะ 

            ฝากความรักและความคิดถึง..ถึงน้องปิ๋มด้วยนะคะ

                                       จาก..........

      ป้าแดงและทุกคน ในสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่ค่ะ 

                                 (ประพิณ  ทองดี) 

 

      

                                        "้านเราแสนสุขใจ    ถึงจะอยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา"

มงคะ

       ผู้ปกครองปัญญา  ฝากให้รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...หายจากอาการปวดหรือยังคะ..?

      ป้าแดงฝากภาพความทรงจำที่ดีของพวกเรามาด้วยค่ะ

      "บ้านเราแสนสุขใจ  ถึงจะอยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนบ้านเรา"

      ด้านหลังคือบ้านพักที่หมงอยู่....บ้านหลังนี้ได้สร้างตำนานที่ดีงามของหมงในด้านการงานที่มีคุณภาพ  เป็นแบบอย่างที่ดีต่อทุกคนในสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่   หมงมีความรักความเอื้ออาทรให้เพื่อนพี่น้องที่ร่วมงาน  มีเมตตาและเอาใจใส่ต่อผู้รับฯ  ตลอดจนประสานสัมพันธ์ชุมชนได้อย่างดีเยี่ยม   "บ้านใหญ่ท้ายซอย"    รอหมงกลับมา...ด้วยความรักความคิดถึงตลอดไปค่ะ  

      ด้วยวิถีของราชการ  เราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  อยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นนะคะ 

      ทุกคนในสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่  รักเป็นห่วงและคิดถึงหมงเสมอค่ะ

                                  ป้าแดง   

 

ขอบพระคุณป้าแดงอย่างที่สุดครับ

ขอบพระคุณที่กรุณาติดตามและมาพิมพ์ตัวอักษรไว้ในบล็อก

สำหรับบุคคลทั่วไปอาจไม่ทราบว่าป้าแดงคือใคร
ป้าแดง คือ ภรรยาของผู้ปกครองสถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่
ป้าแดง คือ ครูแดงหรือแม่แดงของนักเรียน โรงเรียนเทพมงคลรังษี จังหวัดกาญจนบุรี

ป้าแดง คือ คนที่ผู้สวมเสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ในภาพสุดท้ายตามความเห็นที่ ๑ และคนที่ ๓ (จากซ้าย) ในภาพตามความเห็นที่ ๒

ป้าแดง คือ คนที่เขียนบล็อก ชื่อ ประพิณ ทองดี ที่ http://learners.in.th/blog/prapin

เมื่อกล่าวโดยทั่วไป
ป้าแดง คือ ครู
ป้าแดง คือ แม่
ป้าแดง คือ ครูและแม่ของนักเรียน และของใครๆ รวมทั้งผมด้วยครับ

ขอขอบพระคุณป้าแดงครับผม
สำหรับความเมตตาที่มีให้ผมเสมอมา

 

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แวะมาให้กำลังใจแบบขี้เกียจล็อกอิน

ขอบคุณ คุณ lovefull

ขอบคุณที่แม้จะขี้เกียจล็อกอิน แต่ก็ยังเข้ามาโพสต์ทักทายกัน

ขอบคุณหลายๆ ครับ

 

สวัสดีค่ะ.....โหมง

        ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งที่ให้เกียรติป้าแดงอย่างมากมายจากข้อความของลูกที่ว่า

.........................................

เมื่อกล่าวโดยทั่วไป
ป้าแดง คือ ครู
ป้าแดง คือ แม่
ป้าแดง คือ ครูและแม่ของนักเรียน และของใครๆ รวมทั้งผม
ด้วยครับ

........................................

          ขอจงมีความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไปนะคะ

       

สถานสงเคราะห์บ้านนิคมปรือใหญ่

คุณปัญญา และ ป้าแดง (แม่หมูแดงตัวอ้วนของโหมง)

     

 

                            คิดถึงนะลูก........                 

      

      

                        เมื่อพบหน้าครั้งแรกแปลกใจนัก 

             คล้ายพบคนที่เคยรักเฝ้าตามหา

            เป็นความรักที่ซาบซึ้งและตรึงตรา

            คล้ายแม่ที่ตามหา......ลูกรัก

 

                รักคิดถึงโหมงและน้องปิ๋มมากค่ะ

                                ป้าแดงค่ะ

       

                   

 

              

                 

 

             

        

 

 

        

       

                     

 

 

 

 

 

                                  ป้าแดงค่ะ

                                

          

ปล.

ไม่ต้องตอบป้าแดงหรอกลูก...ตอนนี้ลูกรีบเตรียมความเรียบร้อยเรื่องงานมงคล(กับน้องปิ๋ม)สมรส......ก่อน.......เปิดอ่านเพื่อให้หายคิดถึงก็พอแล้ว  ป้าแดงจะติดต่อไปเองนะลูก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท