ตามจริต (20) : ติดหมอ 1


“ความกลัว” มีอยู่ในตัวของคนทุกคน

จากการได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านบันทึกพี่หมอเจ๊ ในลานปัญญาจึงอยากนำสิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนนั้นมาแชร์ในบันทึกนี้เพื่อเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านความดีงามที่ได้รับมาค่ะ

ความกลัว มีอยู่ในตัวของคนทุกคน


หลาย ๆ ครั้งที่ตัวเองจะเริ่มทำอะไร
ความกลัว จะเกิดขึ้นในใจก่อนเสมอ ด้วยนิสัยของตัวเองเป็นคนที่ทำอะไรต้องให้ดีที่สุด พลาดน้อยที่สุด (ถึงไม่พลาดเลย)
ดังนั้นการทำงาน หรือการใช้ชีวิต ค่อนจะติดอยู่กับสิ่งที่กังวล หรือความกลัว
….
หลาย ๆ บทเรียนในชีวิตสอนให้เรา
ถอยมาหนึ่งก้าว เพื่อพิจารณาตัวเอง
การถอยในครั้งแรกไม่ใช่จาก
ความผิดพลาด แต่เป็น ความพลัดพราก
8 ปีของการจากไปของคนที่เป็นที่รักสูงสุดในบ้าน
สอนให้ได้เรียนรู้ของการที่
เรา ต้องมองคนที่อยู่ใกล้มากกว่าคนที่อยู่ไกล
สอนให้เราได้เข้ามาเรียนรู้ในใจของเราว่า
ชีวิตเราต้องการอะไร
….
นับต่อจากนั้น การมองการใช้ชีวิต การมองการทำงาน เริ่มที่จะปรับเพื่อให้สามารถได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม
แต่กระนั้น การค้นหาตัวเองในการใช้ชีวิต ในการทำงาน เราก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกใจตัวเอง มากกว่ามองใจตัวเอง
…..
การฟังเสียงคนรอบข้าง ทำให้เราสะท้อนใจในหลายเรื่องราวของชีวิต
การอยากได้ความสุขในชีวิตคืออะไร
ความสุขที่สุดในชีวิตต้องการแบบไหน
การงานในชีวิตที่คิดว่าทำให้มีความสุขเป็นรูปแบบใด
…..
นับต่อจาก 8 ปีนั้น
การเรียนรู้แบบจริงจังใจชีวิต
เริ่ม เกิดขึ้น
จากการวิ่งหาความรักที่คิดว่าจับต้องได้จากผู้คนรอบข้าง จากสภาพแวดล้อม นอกกายใจตัวเอง
เริ่มกลับมาดูใจตัวเอง และคนที่อยู่ข้าง ๆ ชีวิตเราเอง….สบายใจ….
การกลับเข้ามามองงานตัวเองจากที่เคยทำเทียบได้แบบถวายชีวิต กลับมามองว่าจุดพอดีอยู่ที่ไหน (ถ้าเจอหมอจอมป่วนก่อน
คงจะถามตัวเองว่า
ขยันแบบโง่ ๆ หรือเปล่า)
…..
…..
…..
…..
ในการทำงาน
ความกลัว ทำให้เราไม่กล้าเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น การเรียนรู้ร่วมกันในองค์กร กลัวสิ่งที่จะ Feedback กลับมาในภาพลบ จึงพยายามทำสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับทุกคน
…..
แต่
…. ด้วยการเวลาที่ผ่าน ทำให้ได้มีเวลาย้อนคิดพิจารณาว่า สิ่งที่ทำนั้น เหมาะสม ถูกต้องหรือไม่
การพูดกันอย่างสุนทรียฯ ตอนนั้นคือการคิดว่าทุกคนต้องเข้าใจในความคิด ความอ่าน ข้อเสนอ
ของฉัน
ยอมรับฉัน ฯลฯ
แต่
…. สิ่งเหล่านั้นทำให้ฉันเกิดการเรียนรู้ว่า ฉันคิดไม่ถูก” (ไม่ใช่ถึงขั้นผิด) แต่การสุนทรียฯ มันควรจะเป็นการที่ทุกฝ่าย ได้ในสิ่งที่ถูกต้องตรงใจร่วมกัน
….
น้อง ๆ พี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายคนที่เข้ามาคุยกัน
เราไม่อยากเห็นน้ำตาของคนเหล่านั้น
เพียงแต่ว่า ทำอย่างไรที่วันหนึ่งการพูดคุยกัน เมื่อเกิดความเข้าใจ เกิดการ ลปรร. เราจะเปลี่ยนน้ำตา เป็นเสียงหัวเราะ เป็นความสุข ที่มาจากใจของทุกคน
ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นภาพเช่นนั้น แต่ที่
เภสัช เรากำลังทำค่ะ และกำลังเกิดขึ้นค่ะ
….
ความกลัว จึงไม่ใช่สิ่งที่กลัวต่อไป
เพราะ เราไม่ติดกรอบ
เพราะ เราไม่แบ่งใจ
เพราะ เราเข้าใจ
เพราะ เราเรียนรู้จากข้างในใจเรา
เพราะ เราได้กัลยาณมิตรที่ดีงาม
…..
…..
แล้วสิ่งที่สำคัญ
เพราะ เรามีดวงจิตที่ประภัสสร ร่วมกัน
….
ขอบคุณ
พี่หมอในสิ่งดีงามที่มอบให้ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 216677เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2008 10:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ขอบคุณค่ะ ^^ เคยเข้าไปอ่านในบันทึกหมอเจ๊มาอยุ่เหมือนกันค่ะ

  • จ๊าก พี่อึ่งอ๊อบขา
  • โดนมาก ตัวเองก็ขยันแบบโง่ๆจริงๆด้วย
  • ฮือๆ เพราะยิ่งทำงานเสร็จเร็วเท่าไหร่ งานยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว
  • ตามพี่นารี
  • มาดู ฮ่าๆๆๆๆๆ
  • ขยันจริงๆๆๆๆๆๆ
  • ตามมาดูน้อง อ.ขจิต
  • ฮ่าๆๆๆ มั่ง
  • ชอบคำนี้ค่ะ ขยันแบบโง่ ๆ พอปิ๊งแล้ว Copy  และ paste อ้าว พี่นารีก็ปิ๊งใจตรงกันเลย
  • แต่น้าอึ่งขยันปั่นบันทึกนะ จะตามอ่านต่อเนื่อง ไม่อยากขาดตอน...กดดันๆ

ถามตัวเองว่า ขยันแบบโง่ ๆ หรือเปล่า)

เอื๊อกส์!

แฮ่ะ ๆ

ขอบคุณค่ะ

น้องต้อม

 

ตอนนี้พี่หมอยิ่งเขียนลึก (อาจจะต้องตีลังกาแปดตลบ...ไหวไหม)

ยิ่งได้เรียนรู้ ตามอ่านบ่อย ๆ

ได้อะไรมากมายในชีวิต

อย่างน้อยก็มุมมองที่ปรับเปลี่ยน

น้องอ๊อดที่รัก

 

พี่ปลดจากภาระกิจ "ขยันแบบโง่ ๆ" ได้บ้างแล้ว

ที่เหลือยังค้างอีกไม่กี่คดีเอง

เดี๋ยวก็หลุด

อิอิอิ

(เกี่ยวไหม)

น้องชายนายขจิต

เข้าข่ายหรือเปล่า

มาสารภาพด้วยนะ

น้าต๋อย

 

เป็นพัก ๆ

ถ้างานพอไหว ใจมันก็สั่งเอง

ไม่พ้นใจ  ต้องหาที่วางใจบ้าง

จาก..ป้าอึ่งอ๊อบ (แอบ...โกรธป้าแต๋ง)

ครูปูคนหน้าตาดี

พักผ่อนให้สบายเต็มที่

หนีการขยันแบบ....

แอบไปพักผ่อนเติมกำลังใจของชีวิต

ขอให้มีสุข ๆ

ใช้เวลากับคนใกล้ตัว ให้คุ้มกับการได้รับมานะคะ

 

+ สวัสดีค่ะ...น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ

+ อ่านแล้วทำให้เราได้ทบทวนตัวเองไปด้วยค่ะ...

+ " ขยันแบบโง่ ๆ " ก็เคยมีและเป็นด้วยค่ะ...

+ อิ อิ..เป็นบ่อย...ทั้งนี้เพราะขาดประสบการณ์นะค่ะ

+ แต่บางที่ก็แกล้งขยันแบบโง่ ๆ ค่ะ...(เพื่อน ๆ ชอบว่าแบบนั้น...)

+ " ความกลัว” จึงไม่ใช่สิ่งที่กลัวต่อไป เพราะ เราไม่ติดกรอบ เพราะ เราไม่แบ่งใจ เพราะ เราเข้าใจ เพราะ เราเรียนรู้จากข้างในใจเรา เพราะ เราได้กัลยาณมิตรที่ดีงาม ….. ….. แล้วสิ่งที่สำคัญ “เพราะ เรามีดวงจิตที่ประภัสสร” ร่วมกัน"

+ นี่ก็ทำให้ได้ทบทวนตัวเองเช่นกันค่ะ

+ ขอบคุณมากค่ะ...

แม่น้องแอมแปร์ คนน่าตาดี(กว่าน้านิดหน่อย)

 

การได้ทบทวนตัวเอง เป็นเรื่องที่ดี

แต่เมื่อเจอเรื่องที่(คิดว่า)ดีดี

เอามา ลปรร.กัน จะช่วยต่อยอดความคิด ต่อเติมประสบการณ์ซึ่งกันและกันได้

ฝึกร่วมกัน และเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ

แล้วเราจะเจอกันวันที่ 8 พย. หรือเปล่าหนอ

อิอิอิ

  • วันนี้น้าประชุมเหนื่อยไหมคะ
  • อย่าโกรธป้าแต๋งเลย ฮ่าๆ ป้าอึ่งๆๆๆ

น้าต๋อย

 

ไปประชุมตั้งกะบ่ายโมง

เลิกเกือบ 5 โมง

ไม่เหนื่อย...ลงเรือเพื่อชาติแล้ว

อิอิอิ

(แล้วคุณสามีล่ะ...เหนื่อยไหม)

.......

วันนี้ได้ฝึกใจจากการประชุมจริง ๆ

ฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง....แต่เราก็หลุด

หลุดเพราะใจเราไปฟันธงก่อนว่าควรเป็นอย่างนั้น ควรเป็นอย่างนี้

ใจเราเร็วไปเอง  ถ้า.....เราช้าอีกนิดก่อนตัดสินคนอื่น คงไม่ต้องมานั่งย้อนคิดว่า เราทำไมถึงคิดแบบนั้น  แบบนี้

ต้องใช้เวลาอีกมากค่ะ

แต่เวทีแห่งนี้ สอนให้ได้เรียนรู้ และฝึกการยกระดับจิตใจเราอีกเวทีหนึ่ง

ค่อย ๆ "วาง"  ค่อย ๆ "ทิ้ง" เน๊าะ

จะเลือกแบก เลือกวาง เลือกทิ้ง  แล้วแต่ตัวเราเอง

 

(เป็นไปได้....น้าเรา....เขียนให้แล้วไม่ต้องคิด....แอบคิดให้แล้ว..ก๊ากส์) 

ไม่ได้เขียนนะ ขีดฆ่าแล้ว

น้าอึ่งคะ

วันนี้ระหว่างนั่งรถกลับบ้านก็ยังคุยกันเลย แถมหยอดสิ่งที่เห็นไว้ด้วยว่า น้าอึ่งโชคดีที่เดินทางสายการจัดการความรู้ที่นี่ มีกัลยาณมิตรที่วิเศษมากมาย น้าอึ่งไปยืนตรงนั้น ถูกต้องแล้ว เพราะมีพี่เลี้ยงด้านการจัดการจัดระบบความคิด (แล้วรังสีอำมหิตก็ได้รับการขจัดออกไป อันนี้ไม่ได้บอกคุณสามีหรอกนะ คิคิ) เหลืออีกนิ้ดเดียว อย่างที่น้าเขียนนั่นแหละ...

ระยะหลังเวลาคุยในวงรีเฟรช จะบอกน้องๆ ว่า ฟังทั้งหมดก่อน และไม่ตัดสินใคร จนกว่าจะได้ข้อมูลตอบข้อสงสัยเสียก่อน และอย่าลืมตั้งคำถาม ทำไมด้วย อย่างวันนี้ในวงสารบรรณคุยเรื่อง การใช้คำว่า ส่วนงาน แทน ส่วนราชการ น้าอึ่งเห็นเป็นอย่างไรคะ แล้วตราครุฑอีกล่ะ ตอนนี้ให้พวกเค้ากลับไปหาข้อมูลกัน ไม่ให้เก็บเรื่องสงสัยแล้วไม่ทำอะไร...

พรุ่งนี้รีเฟรชให้กลุ่มงานบุคคล จะมีอะไรมาให้ขบ(คิด) อีกนะ...

น้าต๋อย

เราทำอะไรภายใต้กฎ ระเบียบ ประกาศที่เขาสั่งการมา

น้าตรวจสอบดูแล้วว่า ขณะนี้มีบันทึกข้อความจาก กองกลาง สำนักงานอธิการบดี ที่ ศธ 0515(1) ว 1293 ลงวันที่ 22  กรกฎาคม  2551  ได้แจ้งเรื่อง ทะเบียนรหัสพยัญชนะและเลขที่หนังสือออกของหน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  โดยได้แจ้งว่า สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดรหัสพยัญชนะและเลขที่ประจำของเจ้าของเรื่องให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือ ศธ 63..... เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงาน และประโยชน์ในการอ้างอิงเอกสาร..... เราจึงมาปรับใช้ตามที่ได้รับแจ้งมา

 

แต่เรื่องที่ให้เปลี่ยนจากส่วนราชการ เป็นส่วนงาน  ยังไม่เห็นแจ้ง

และการจะมีตราครุฑหรือไม่นั้นก็ไม่ได้แจ้งเหมือนกัน

แบบนี้น่าเชิญทางกองกลางมาคุยกันเน๊าะ

บางทีเราคุยกันถ้าข้อมูลได้ไม่ตรงกันก็เกิดประเด็นคำถามที่ค้างคาใจอยู่เช่นกัน

ขณะนี้หลาย ๆ ส่วน ส่วนกลางก็ยังตอบเราไม่ได้

บางอย่างต้องปฏิบัติไปเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราจัดทำคำสั่งใหม่ ๆ ตอนที่ออกนอกระบบแล้วอ้าง พรบ. อ้างมาตราไม่ถูกนั่นแหละ

รอเวลาเพื่อให้ระบบมันมั่นคง

บางอย่างให้ย้อนหลัง บางอย่างให้ไปข้างหน้า เกิดการเลือกปฏิบัติ

อิอิอิ  แอบบ่นเป็นป้าแก่สมชื่ออีกแล้ว

.....

ฝากอีกนิด วงสุนทรียฯ  เสียงน้าต๋อยที่บอกน้อง ๆ ว่า ฟังทั้งหมดก่อน และไม่ตัดสินใครนั้นฯ   แววอำมหิตมีไหม  ลด ๆ ลงบ้างเด้อ น้าเอาไปทิ้งแล้ว น้าต๋อยอย่าเก็บมาล่ะ

น้าอึ่งคะ

  • เห็นทีจะจริงอย่างน้าว่า ชักเห็นเงาสีเทาเข้มๆ ส่อเค้าว่าจะมีแววอำมหิตขนาดหึมากำลังลอยวนอยู่บนหัว (ของน้าอึ่งแน่นอน) กำลังหาช่องเสียบ
  • วันนี้หลังจากคุยกับ กลุ่มการเจ้าหน้าที่ เราเริ่มรู้สึกว่า เรากำลังเร่งรัดอะไรบางอย่าง และหลังจากบอกปาวๆ ว่าจะไม่ล้วงลูกไง แต่นี่มัน เข้ามาเดือนสิบแล้วนะ...ระดับสวมเสื้อหัวหน้างานทำไมไม่คุยกันซักที...ค่อนขอดกันอยู่ได้ ไม่อยากฟัง ^^ พี่คนหนึ่งบ่นๆ ปัญหาการไม่ช่วยเหลือถ่ายเทงาน ทีพี่เค้ายังช่วยแบ่งเบา พอถึงเวลาขอช่วยกลับไม่ได้ (พี่เค้ามองโลกแง่ดีมากเกินไปแล้ว) ก็เลยแนะว่า เรากำลังใจดีกับเขาก็เท่ากับทำร้ายเขาอยู่นะ (นอกจากเราทำตัวเราเองด้วย) รวมถึงหลายเรื่องที่เข้าทำนองจับปลาให้เขากิน แต่ไม่กล้าสอนให้เขาหาปลาเองบ้างเลย บอกไปบอกมา ฉันจะแหย่ตัวเองขึ้นไปเป็น ตัวเกลี่ยให้ก็ได้(ฟะ)
  • (ขึ้น=เอ๊ะเรายืนอยู่ตรงไหนกันเนี่ย ^^)
  • (เกลี่ย= งานหรืออารมณ์^^)
  • คิดมุมที่ 1 ใครคงว่าเล้วเราเกี่ยวอะไรด้วย
  • คิดมุมที่ 2 ก็ถือเป็นวิทยาทาน
  • คิดมุมที่ 3 เป็นเรื่องท้าทาย ทำไมไปทำ ฝึกการคิดการแก้ไขปัญหา ฝึกสร้างพลังมหัศจรรย์หากทำได้
  • คิดมุมที่ 4 มันเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เผื่อแผ่ แบ่งปัน สุดท้าย ฉายแสง...(Learn Care Share Shine)
  • คิดมุมที่ 5 6 7 ...เอ้าน้าอึ่งช่วยคิดหน่อย ไม่รู้มันควรจะมีกี่มุมกันดี...ที่แน่ๆ มันไม่ใช่สี่เหลี่ยม ไมใช่วงกลม 555

น้าต๋อย

ฝากการบ้านไว้ก่อน

อันนี้มันต้องอีก 1 บันทึก

อิอิอิ

(ทวงด้วย) น้าประเภทความจำสั้น ความฝันยาว

สวัสดีค่ะพี่อึ่งอ๊อบ

การตัดสินสิ่งที่ประสบพบเห็นด้วย "สัญญาเก่า" นั้น คงเป็นเรื่องปกติของปุถุชนนะคะ

อ่านแล้วยิ้มค่ะ....การไม่ตัดสินจนกว่าจะพบหนทาง มัน(น่า)จะช่วยให้เราได้เรียนรู้มากขึ้น

ความจริงในโลกที่แสนมหัศจรรย์นี้ ก็มีเรื่องให้เราต้อง ตัดสินด้วยสัญญาเก่า อยู่เนือง ๆ  แม้แต่....กับตัวเองค่ะ...

คนไม่มีรากเลือกมาอ่านบันทึกของพี่ทีละเล็กทีละน้อย ... บันทึกนี้น่าจะเกี่ยวที่สุดค่ะ....

ตรงนี้น่าจะใช่เลยค่ะ....หลาย ๆ ครั้งที่ตัวเองจะเริ่มทำอะไร ความกลัว จะเกิดขึ้นในใจก่อนเสมอ ด้วยนิสัยของตัวเองเป็นคนที่ทำอะไรต้องให้ดีที่สุด พลาดน้อยที่สุด (ถึงไม่พลาดเลย)
ดังนั้นการทำงาน หรือการใช้ชีวิต ค่อนจะติดอยู่กับสิ่งที่กังวล หรือความกลัว

ก็เลยมาบอกพี่ว่า... อย่ากลัวเลยค่ะ เรามี "เพื่อนร่วมทาง" ในโลกนี้เสมอ ไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกครั่นคร้ามกับ....ความกลัว เท่านั้น

......

จับมือกันแน่น ๆนะ เราจะไม่ปล่อยมือ จนกว่าจะไปถึงเป้าหมายด้วยกันค่ะ.....

วันนี้พี่ยิ้มแล้วหรือยังคะ

(^____^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท