ข้อเสนอเชิงนโยบาย การจัดการสุขภาพของท้องถิ่น จังหวัดชุมพร
๑. ความเป็นมา
การเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิรูประบบสุขภาพ เกิดขึ้นหลังจากการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับ ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และริเริ่มให้มีการจัดเวทีสมัชชาสุขภาพ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ พร้อมการสร้างการเรียนรู้ทางสังคมและการผลักดันเชิงนโยบายสุขภาพ จนกระทั่งได้มี พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ในส่วนจังหวัดชุมพรนั้นทางคณะทำงานประชาสังคมจังหวัดชุมพรได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย เคลื่อนไหว รณรงค์ สร้างกระบวนการเรียนรู้ระบบสุขภาพแบบองค์รวม จวบจนในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ จัดกระบวนการสมัชชาสุขภาพประเด็น การจัดการสุขภาพของท้องถิ่น ทั้งในระดับพื้นที่ท้องถิ่นและระดับจังหวัด
๒. คำนิยาม : มาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ ๒๕๕๐ ที่บัญญัติไว้ว่า
" สุขภาพ " ( หรือ สุขภาวะ ) หมายความว่า ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม เชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล
" สมัชชาสุขภาพ " หมายความว่า กระบวนการที่ให้ประชาชนและหน่วยงานของรัฐที่
เกี่ยวข้องได้ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเรียนนรู้อย่างสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ หรือความมีสุขภาพของประชาชนโดยจัดให้มีการประชุมอย่างเป็นระบบและอย่างมีส่วนร่วม
๓. กฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องต่อการจัดการสุขภาพของท้องถิ่น
๓.๑ พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ , มาตรา ๔๐
๓.๒ พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พศ. ๒๕๔๒ : อำนาจและหน้าที่ในการจัดบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรื่องการส่งเสริมดูแลสุขภาพของประชาชนในเขตท้องถิ่นของตน
๓.๓ พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ( แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๔๖ ) ปรากฎใน มาตรา ๖๖ ,๖๗ ,๖๘ ว่าด้วยอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาตำบลในด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ขององค์การบริหารส่วนตำบล
๓.๔ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๗ เพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับบุคคลในพื้นที่ โดยส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น ให้คณะกรรมการสนับสนุนและประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้องค์กรดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ โดยให้ได้รับค่าใช้จ่ายจากกองทุน
จากข้อบัญญัติของกฎหมายต่าง ๆ ข้างต้น จะเห็นได้ว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำเป็นต้องมีบทบาทและต้องสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการจัดการสุขภาพ ในท้องถิ่นของตน
๔. สถานการณ์การจัดการสุขภาพของท้องถิ่นในจังหวัดชุมพร
๔.๑ การจัดการสุขภาพของประชาชน นั้นได้มีประชาชนส่วนหนึ่งที่ดำเนินการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เช่น การรณรงค์ป้องกันโรคของ อสม. , การใช้สมุนไพรพื้นบ้านของภูมิปัญญาท้องถิ่น , การแพทย์แผนไทยที่ได้ดำเนินการอยู่หลายพื้นที่ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม การปลูกพืชผักปลอดสารพิษ เป็นต้นดังนั้นจึงมีเพียงคนกลุ่มน้อยของสังคมที่รู้และเข้าใจต่อการจัดการสุขภาพ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพของตน ของครอบครัว และชุมชน ไปในแนวทางทางที่ดีและถูกต้อง แต่ยังมีผู้คนส่วนใหญ่ของสังคมที่ขาดความรู้ความเข้าใจต่อการจัดการสุขภาพ ติดกับวังวลกระแสบริโภคนิยมหรือการรู้ไม่เท่าทันสถานการณ์ เช่น อาหารฟาสฟูด , น้ำอัดลม เป็นต้น
การปฏิบัติการนำร่องการสร้างสุขภาวะเชิงพื้นที่ ของโครงการดับบ้านดับเมือง เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้ผ่านกิจกรรมพัฒนายกระดับแหล่งเรียนรู้ชุมชน การเสริมศักยภาพแกนนำ การจัดทำแผนสุขภาวะ และพัฒนากลไกการทำงานของตำบล ในพื้นที่ห้าตำบลได้แก่ ต.นากระตาม ,ต.ตะโก ,ตะพะโต๊ะ ,ต.นาขา และ ต.ละแม ซึ่งมีตัวอย่างรูปธรรมการดำเนินงานการจัดการสุขภาพทางสังคม
การจัดกระบวนการเรียนรู้ ผ่านเวทีประชาธิปไตยชุมชน การจัดทำแผนที่ยุทธศาสตร์จัดการสุขภาพ ผ่านเวที mapping สุขภาพ หรือ เวทีสมัชชาสุขภาพ และการสังเคราะห์บทเรียนองค์ความรู้ในการจัดการสุขภาพ อาทิ สร้างสุขที่นากระตาม , ศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองหลังสวน , ขับเคลื่อนสุขภาวะท้องถิ่นละแม
เป็นต้น ซึ่งจะใช้เป็นฐานในการขับเคลื่อนการจัดการสุขภาพของท้องถิ่น
๔.๒ การจัดการสุขภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้นมีการดำเนินการที่เป็นกรณีศึกษาดังนี้
กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ ของจังหวัดชุมพร ซึ่งมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการกองทุนฯ แล้ว จำนวน ๑๔ อปท. และ สมัครเข้าร่วมในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ จำนวน ๑๖ อปท. และจากการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนฯ พบว่า ๑) บทบาทในการบริหารจัดการกองทุนส่วนใหญ่ยังอยู่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือสถานีอนามัย ประชาชนที่เข้าร่วมเป็นกรรมการยังมีบทบาทน้อยถึงไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ๒) การดำเนินงานของกองทุนฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้กำหนดทิศทาง เป้าหมายแผนงานการจัดการสุขภาพอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับภาวะสุขภาพในท้องถิ่น และบางพื้นที่ใช้งบประมาณโดยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสุขภาพ ๓) ความตระหนักต่อบทบาทหน้าที่ของผู้บริหารท้องถิ่นต่อการดำเนินงานของกองทุนฯ หรือการจัดการสุขภาพท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้บริหารท้องถิ่นยังไม่ให้ความสำคัญหรือมีทัศนคติเป็นเพียงภารกิจเสริม ๔) การรับรู้เข้าใจและการเข้าถึงกองทุนสุขภาพฯ ของประชาชนยังอยู่ในวงจำกัด เป็นต้น แต่จากการปฏิบัติการเสริมหนุนการดำเนินงานกองทุนฯ โดยใช้การพัฒนาทักษะแกนนำ การจัดการความรู้ การใช้แผนที่ยุทธศาสตร์จัดการสุขภาพ การใช้แผนสุขภาวะ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และการดำเนินงาน พบว่า การดำเนินงานของกองทุนฯ มีทิศทางที่ถูกต้องตรงเป้าหมายที่วางไว้และสอดคล้องกับภาวะการณ์สุขภาพของท้องถิ่น และได้สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการสุขภาพ
การจัดบริการสุขภาพ หรือ งานด้านสาธารณสุขขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น การจัดซื้อเครื่องมือคุรุภัณฑ์ให้แก่สถานนีอนามัย , การฉีดพ่นวัคซีน , การสนับสนุน อสม. เป็นต้น แต่เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนการใช้งบประมาณด้านอื่น ๆ การบริการสุขภาพยังอยู่ในเกณฑ์ ๕ - ๑๐ % ของงบประมาณที่ใช้ไปแต่ละปี และโครงการส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ตอบสนองการเสริมสร้างสุขภาพแก่ประชาชนอย่างแท้จริง
๔.๓ การจัดการสุขภาพของรัฐ และสถานบริการสาธารณสุข
การดำเนินงานจัดบริการสุขภาพของภาครัฐหรือ สถานบริการสาธารณสุขในจังหวัดชุมพรทั้งภาครัฐและเอกชน มีทั้งหมด ๒๓๒ แห่ง จำนวนประชากรจังหวัดชุมพร 482,251 คน แต่อัตราส่วนบุคลากรทางสาธารณสุขในจังหวัด ยังมีจำนวนน้อยกว่าสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วนในระดับประเทศ เช่น จำนวนแพทย์ของจังหวัดชุมพร 1: 6445 คน / ระดับประเทศจำนวนแพทย์ 1:3305 คน ,พยาบาลวิชาชีพของจังหวัดชุมพร 1:714 คน เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้การเข้าถึงการบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานและเท่าเทียมกันของประชาชนนั้นเกิดขึ้นได้ยาก แม้นว่าจะมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ขณะเดียวกันอัตราการเพิ่มขึ้นของประชาชนในจังหวัด ต่อปี จำนวน 12.83 ต่อประชากรพันคน และภาวะการเจ็บป่วยและตายของประชาชนในจังหวัด จากโรคระบบหายใจและโรคความดันโลหิตสูง และตายด้วยโรคมะเร็ง โรคระบบหายใจ โรคความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดตีบในสมอง ภาวะการเกิดโรคต่าง ๆ เหล่านี้มาจากสาเหตุของพฤติกรรมการการบริโภคของประชาชนและระบบอาหารที่ริโภคเป็นปัจจัยหลัก
ฉะนั้นการจัดการสุขภาพจึงมิควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มิใช่หน้าที่บุคลากรทางสาธารณสุข หรือ บุคลากรท้องถิ่น หรือ ของประชาชน แต่ทุกฝ่ายต้องมีหน้าที่ในการพัฒนาระบบการจัดการสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน จึงจะทำให้เกิดระบบจัดการสุขภาพที่พึงประสงค์
๕. ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการจัดการสุขภาพของท้องถิ่น
๑. ควรมีการส่งเสริมสนับสนุนวัฒนธรรมการเรียนรู้ในชุมชน อาทิ เช่น การจัดระบบข้อมูลสุขภาวะของชุมชน , การจัดกระบวนการเรียนรู้สุขภาวะชุมชน , การจัดให้มีศูนย์เรียนรู้ หรือ แหล่งเรียนรู้ ของชุมชน , การจัดทำแผนสุขภาวะ , การรณรงค์เผยแพร่ความรู้ในการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสม , การเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิของการคุ้มครองผู้บริโภค
๒. ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพที่ถูกต้อง เช่น การบริโภคอาหารเป็นยา , การลด ละ เลิก อาหารที่เสี่ยงต่อสุขภาพ อาทิ อาหารรสหวานหรือเค็มจัด อาหารที่ทอดด้วยน้ำมันใช้แล้วซ้ำหลายครั้ง การสูบบุหรี่หรือดื่มสุรา
๓. ควรมีการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันภาวะสุขภาพของตน เช่น การตรวจคัดกรองเบาหวาน ,ตรวจวัดความดัน , ตรวจมะเร็งปากมดลูก , ตรวจสายตา ฯลฯ
๔. ควรเข้ามามีส่วนร่วมอย่างมีศักดิ์ศรีและรู้เท่าทันในการจัดการสุขภาพกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ สถานบริการสุขภาพ ในระดับต่าง ๆ
๕. ควรจัดระบบการจัดการสุขภาพภายในชุมชน เช่น จัดให้มีระบบสวัสดิการในชุมชน ( กองทุนสวัสดิการวันละบาท , กองทุนสวัสดิการจากดอกผลของกองทุนการเงิน ) กองทุนการช่วยเหลือ หรือ ดูแล ผู้ด้อยโอกาส เด็ก คนชรา สตรี , กองทุนสิ่งแวดล้อม , กองทุนสุขภาพ
๑. อปท. ควรจัดทำข้อมูลสถานการณ์สุขภาพและการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ และการกำหนดนโยบายสาธารณะจัดการสุขภาพ และการจัดทำแผนสุขภาวะ หรือ แผนที่ยุทธศาสตร์จัดการสุขภาพ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น
๒. อปท. ควรส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แก่ประชาชนในการจัดการสุขภาพ หรือการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการสุขภาพ และส่งเสริมสนับสนุนการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
๓. อปท. ควรจัดให้มีการดำเนินงานจัดการสุขภาพโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน อาทิ เช่น กองทุนสุขภาพ หรือ กองทุนหลักประกันสุขภาพ และ กองทุนสวัสดิการตำบล และกองทุนสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
๔. อปท. ควรเร่งผลิตและพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสาธารณสุข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสุขภาพ และรองรับการถ่ายโอนภารกิจงานสาธารณสุข (ถ่ายโอนสถานีอนามัย) เช่น การสนับสนุนการผลิตพยาบาลชุมชนโดยการให้ทุนในการศึกษา , การเพิ่มทักษะบุคลากรทางสุขภาพในท้องถิ่น
๕. อปท. ควรออกระเบียบ ข้อบังคับที่เอื้อต่อการจัดการสุขภาพและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เช่น มีเทศบัญญัติท้องถิ่น ในการควบคุม กำกับ ดูแล ป้องกัน การจัดการสุขภาพท้องถิ่น ( ความสะอาดเรียบร้อยของตลาดสด / อาหารที่ปลอดภัย ) , กำหนดมาตรการห้ามจำหน่ายสินค้าที่เสี่ยง และ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ , การกำกับ ควบคุม
........พร้อมกันนี้ผมได้แนบไฟล์บทเรียนสร้างสุขภาวะเชิงพื้นที่ ของจังหวัดชุมพรไว้สองพื้นที่ตำบล เชิญอ่านและคอมเมนต์เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาต่อไปครับ ขอขอบคุณอย่างยิ่ง ....
...........................................................................................................................................................
แวะมาติดตามความเคลื่อนไหวครับผม
ขอบคุณครับ
รักคนพิมพ์
เกียดคนอ่าน
คนหน้าด้าน
อ่านอยู่ได้
อายกให้คนเข้ามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นง ชั้น ทรง อึ่ง
โก๋ทรู 3/2ผมเก๋ามีไรปะ
ถ้ามีปัญหาโทมมา 0811155222