เรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างมีวิจารณญาณ
สายพิน แก้วงามประเสริฐ
กระแสความคิดที่จะรื้อฟื้น และให้ความสำคัญกับวิชาประวัติศาสตร์กำลังอยู่ในความสนใจของสังคมอยู่ไม่น้อย อีกทั้งเป็นนโยบายแรกๆของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ที่จะให้ความสำคัญกับการสอนวิชาประวัติศาสตร์ แม้ไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะทำเป็นรูปธรรมอย่างไร
นอกจากนี้คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การศึกษา วุฒิสภาได้จัดเสวนาเรื่องวิชาประวัติศาสตร์กับ การศึกษา ซึ่งผู้ร่วมเสวนาได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนประวัติศาสตร์ไว้หลากหลาย ทั้งเห็นว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่มีความสำคัญทำให้รู้จักตนเองเพื่อจะได้อยู่กับปัจจุบันและอนาคตได้อย่างมีความสุข และเห็นว่าการเรียนประวัติศาสตร์ไม่สามารถเรียนเนื้อหาที่มีอยู่ทั้งหมด เพราะไม่อาจยกเลิกวิชาอื่นแล้วขยายเวลาเรียนวิชาประวัติศาสตร์ได้ ดังนั้นควรเน้นแค่การฉายหนังตัวอย่าง และควรสอนวิธีเรียนเพื่อให้เด็กได้ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม
ที่ประชุมเสวนายังเสนอว่า วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ต้องเรียนเพื่อให้เด็กเป็นคนดี รักชาติบ้านเมืองและท้องถิ่น จะได้เป็นพลเมืองดี
จากแนวคิดของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ด้วยการสอนประวัติศาสตร์ เพียงแค่ฉายหนังตัวอย่าง และให้เด็กค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองนั้น อาจทำให้เด็กไม่เข้าใจ ไม่เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้จริงๆ หากเรียนแล้วเด็กไม่เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ ที่อาจเป็นบทเรียน แง่คิดที่จะทำให้เกิดความระมัดระวังป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ที่เป็นความผิดพลาดในอดีตเกิดได้อีกนั้น เพื่อให้สามารถอยู่กับปัจจุบันได้อย่างมีความสุข และเพื่ออนาคตที่มั่นคง ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากการเรียนประวัติศาสตร์ด้วยการฝึกให้เด็กรู้จักการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
การเรียนด้วยการฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณ คือการเรียนเพื่อให้เด็กรู้จักคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แยกแยะข้อเท็จจริง ความคิดเห็นออกจากกันได้ สามารถตั้งสมมติฐานเพื่อหาหนทางแก้ไข และสรุปประเด็นสำคัญโดยใช้เหตุผล เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจอย่างรอบคอบและรอบด้านมากขึ้น
ดังนั้นหากนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเน้นการรวบรวมหลักฐานอย่างหลากหลาย และรอบด้าน พร้อมทั้งวิพากษ์ความน่าเชื่อถือของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แล้วจึงอธิบายเรื่องราวเหตุการณ์โดยไม่พยายามนำทัศนคติ อคติ และความเชื่อส่วนตัวมาปะปนกับคำอธิบายนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและอธิบายปรากฎการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นได้ว่า เพราะเหตุใดเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้น
นอกจากนี้หากนำวิธีการทางประวัติศาสตร์มาประกอบกับการสอนโดยเน้นการฝึกทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณให้กับเด็กแล้ว การเรียนวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพียงเรียนเพื่อให้รู้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์นั้น ๆ เป็นบทเรียนที่ควรค่าแก่การจดจำ ทบทวน นำไปสู่การแก้ไขปัจจุบัน ให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ไม่ใช่แค่ในสังคมเดียวกันเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องเรียนเพื่อให้อยู่ร่วมกับสังคมโลกได้อย่างเป็นสุขอีกด้วย
ดังนั้นหากเรียนประวัติศาสตร์เพียงเพื่อให้เกิดความรักชาติ รักท้องถิ่นมากเกินไป จนกลายเป็นความคลั่งชาติ แล้วทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมโลก หรือสังคมท้องถิ่นอื่นได้ การเรียนประวัติศาสตร์ย่อมไม่เกิดประโยชน์อันใด
อีกทั้งการเรียนประวัติศาสตร์อาจไม่เกิดประโยชน์เลย หากเพียงเรียนเพื่อให้เข้าใจตนเอง กลับไม่เคยเข้าใจคนอื่น ไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การเรียนนั้นย่อมไม่เกิดประโยชน์สักเท่าไร แต่หากได้นำทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณมาใช้ประกอบการเรียนประวัติศาสตร์ ย่อมทำให้รู้จักการใช้หลักฐาน ใช้เหตุผลอย่างรอบคอบด้วยการฝึกคิดไตร่ตรองอยู่เสมอแล้ว วิชาประวัติศาสตร์ก็น่าจะเป็นวิชาที่มีชีวิตจิตใจ สอนให้รู้จักการให้อภัย รู้จักทบทวนตัวเองอยู่เสมอ ย่อมเป็นวิชาที่นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
รวมทั้งยังเป็นการฝึกให้ผู้เรียนมีใจคอกว้างขวาง ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากตนได้ ความแตกแยกในสังคมที่แบ่งเป็นฝักฝ่าย หากใครคิดไม่เหมือนตนเองย่อมไม่ใช่คนดีเช่นตัวเรา สมควรขับไล่ไสส่งให้ไปยืนอีกมุมหนึ่งในสังคม สภาพเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น หากการเรียนการสอนในโรงเรียน สามารถใช้ทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลอมเข้ากับการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ จัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีแล้ว ย่อมทำให้การรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนมีความหมาย มากกว่าสักแต่ได้ชื่อว่าบรรจุวิชาประวัติศาสตร์ไว้ในโรงเรียนเท่านั้นเอง
แวะมาอ่านข้อคิดดีๆค่ะ ครูเล็ก
สวัสดีครับ นี่คุณสายพิณจริงเหรอครับ ได้ยินชื่อมานาน ดีใีที่ได้อ่านบล็อกครับ อิอิ
ประเทศเราก็อย่างนี้แหละครับ แล้วแต่ผู้มีบารมีจะชักจูง พวกไพร่ก็อย่าได้คิดมากนัก เลียๆเข้าไปเด๋วก็ดีเอง
ยิ่งเรียนปวส.มาก ท่องกันเข้าไป ซาบซึ้งกันเข้าไป ก็จะได้ให้เชื่อโพรพากันด้าได้ง่าย อิอิ
ขอบคุณค่ะครูต้อย และคุณสยาม ที่เข้ามาอ่าน
-สวัสดีค่ะ วันนี้ต้องการเข้ามาอ่านอีกครั้งเพื่อกระตุ้นความคิด
-เห็นด้วยกับหลักการนี้ของครูเล็กค่ะ"การเรียนการสอนในโรงเรียน สามารถใช้ทักษะกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณหลอมเข้ากับการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ จัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดีแล้ว ย่อมทำให้การรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนมีความหมาย "
-มีสิ่งหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ว่า ยังมีผู้สอนให้เด็กคิด และถ้าคิดไม่เหมือนตำรา ก็จะถูกมองข้าม อันนี้น่าจะเป็นการสกัดกั้นต่อมความคิดเห็น ต่อไปเด็กก้ไม่กล้าคิดนอกตำราอันนี้ ต้องหันมามองด้วย
งั้นๆแหละมีแต่คนแก่
รำคาญ.........................