วันที่เรารักลูก วันที่ลูกไม่รัก


ม่านขาวบังตาไม่ให้เห็น

                    สวัสดีครับ

ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านนับเป็นเวลานานหลายวันมาก

ที่ผมไม่ได้เขียนหนังสือมาให้ท่านได้อ่านกันเลย ผมบอกเลยว่าผมคิดถึงท่านผู้

อ่านมากวันไหนไม่ได้เข้ามาดูการเขียนของผม ว่ามีผู้อ่านเข้ามาอ่านบ้างไหม ถ้ามี

ผู้อ่านน้อยผมยิ่งไม่สบายใจมากเลยว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร ท่านผู้อ่านจึงไม่

ชอบการเขียนของเราแล้วหรือ แต่จะด้วยเหตุอะไร ผมก็ขอฝากเนื้อฝากตัวและ

งานเขียนของผมให้กับท่านผู้อ่านไว้ด้วยนะครับ ถ้าวันไหนเกิดยามเหงาขึ้นมาก็

ขอให้นึกถึงงานเขียนของชายคนหนึ่งที่ชื่อ แก้ว สาริกา ด้วยนะครับ แหมวันนี้ผม

ฝากเนื้อฝากตัวเหมือนกับนักร้องเลยทีเดียว

                 วันนี้ผมขอเล่าเรื่อง สองเรื่อง ไว้ในเรื่องเดียวกันนะครับเป็นเรื่องดีและ

เรื่องไม่ดีไปพร้อมกัน ก็เป็นเรื่องที่ผมได้ไปได้ยินเขาพูดคุยให้ฟังขณะที่ผมรอรถ

โดยสารต่างจังหวัดเพราะช่วงนี้ผมไม่มีรถขับเลยต้องใช้บริการรถประจำทางเพื่อ

เดินทางไปหาโฆษณามาลงในรายการวิทยุของผมครับ ลองอ่านกันนะครับ ขณะที่

ผมฟังมาทั้งสองเรื่องและนำมาเขียนให้ท่านได้อ่านกันผมยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ใน

ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ครับ ก็ ก็ ลอง ลอง อ่านนะครับ

                 เรื่องแรก มีครอบครัวหนึ่งร่ำรวยที่นามาก คือมีอาชีพทำนานั่นเองก็ส่ง

ลูกร่ำเรียนจนจบมหาวิทยาลัยทุกคน ขายไร่ขายนาส่งลูกไปเรียนถึงเมืองนอก ที่

ไร่นาเป็นร้อยไร่ ก็หมดแล้วลูกก็เรียนจบพอดีลูกทุกคนมีงานการทำดีทุกคนเงิน

เดือนมากทุกคน ลูกทุกคนนึกในบุญคุณของพ่อมาก ที่ไร่ ที่นา ที่พ่อเคยขายให้

คนอื่นไปนั้นลูกทุกคนก็เก็บเงินไปขอซื้อคืนมาให้พ่อจนครบและเลี้ยงดูพ่อแม่เป็น

อย่างดี แต่ระยะต่อมาลูกสาวมีสามี (ลูกเขย)ได้ขายที่ไร่นาของพ่อตาแม่ยายจน

หมด และพ่อก็จบชีวิตลง แต่ก็ยังดีที่น่าภูมิใจได้ส่งลูกเรียนจนจบดีๆทุกคน ส่วนที่

หมดไปนั้นเป็นเพราะความใจอ่อนของพ่อเองลูกๆก็ไม่ได้ว่าอะไรพ่อ แต่ก็ทำในสิ่ง

ที่พ่อได้ตั้งใจสำเร็จด้วยดีทุกอย่างก็น่าชื่นใจดี

               เรื่องที่สอง เรื่องนี้ผมฟังแล้วผมเสียน้ำตา แต่ไม่ให้ใครได้เห็นเพราะ

เขาเล่าให้ฟังตอนเช้าๆยังไม่มีคนที่ท่ารถมากนัก ขณะที่ผมเขียนนนี้ผมก็เสียใจ

น้ำตาก็ไหลด้วย เพราะผมเป็นคนใจอ่อน ได้ยินเรื่องเศร้าๆไม่ค่อยได้เป็นต้อง

กังวลและเสียน้ำตาด้วยเป็นประจำ คืออย่างนี้ครับ ครอบครัวนี้มีพ่อ แม่ลูกๆ อยู่

ด้วยกันมาตามอัตภาพ ฐานะครอบครัวหาเช้ากินค่ำ แต่ก็อยู่กันมาเลี้ยงลูกจนเติบ

ใหญ่ และมีครอบครัวกันไป ต่อมาพ่อได้เสียชีวิตลงอยู่แต่แม่คนเดียว ลูกๆ ก็ไม่

เคยส่งเสียให้แม่กินเลย แม่ต้องหาเลี้ยงตัวเองหาเช้ากินค่ำมาตลอด บางมื้อก็มี

ข้าวกินบ้าง บางมื้อก็ไม่มีข้าวกิน ขาก็เดินไม่ดีอายุมาก พอไม่มีทุนทำกินก็ต้องทำ

งานโดยไม่ต้องลงทุน คือต้องเดินทางนั่งรถประจำทางไปเส้นทางเดียวกับผมแต่

นั่งกันคนละที่แกนั่งเบาะท้ายรถส่วนผมนั่งเบาะหน้า คือไปนั่งขอทานที่จังหวัดผม

ขออนุญาติไม่บอกว่าที่จังหวัดไหนนะครับ แต่ถ้าจะได้ข้อมูลจริงผมยินดีให้ครับ

บางวันก็นั่งขอทานได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าได้เงินมากก็ได้กลับบ้าน เพราะมีเงินให้ค่า

รถเขา ถ้าวันไหนขอทานเขาไม่ได้คือไม่ได้พอค่ารถก็ไม่กลับบ้านนอนริมฟุตบาท

ทางเท้าในจังหวัดนี่เป็นเรื่องจริงที่ผมได้ฟังที่ท่ารถเขาเล่าให้ผมฟัง ผมตื้นตันใจ

มากครับ สงสารก็สงสารแต่จะทำอย่างได้ผมก็คนจนเหมือนกันแต่ยังมีโอกาสที่ดี

กว่าผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น สิ่งที่ผมจะทำได้ก็มีอย่างเดียวคือตั้งใจเก็บข้อมูลที่เขา

เล่าให้ฟังมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ฟังกันเพื่อที่จะได้เป็น อุธาหรณ์ เล่าต่อไปยังบุตร

หลานของท่านจงช่วยกันสอนว่าให้รักบูชาผู้มีพระคุณ อย่าได้ทอดทิ้งให้เขาหว้า

เหว่ หรือ เหม่อลอยอยู่ผู้เดียวต้องช่วยกัน เพื่อคนในสังคมจะได้ไม่มีใจคับจนเกิน

ไป อย่างเข่นคนในปัจจุบันนี้ ขอให้มองต่ำลงมาบ้างอย่ามองแต่จะขึ้นที่สูงอยู่อย่าง

เดียว เห็นไหมเราเคยเห็นคนปีนขึ้นไปบนต้นตาลได้ไต่ไม่เคยเห็นใครปีนไปถึง

ยอดตาลได้เลย จงช่วยกันนะครับ สิ่งที่เรามองขึ้นไปสูงเป็นความฝันชั่วระยะเวลา

หนึ่งเท่านั้นไม่มีใครยั่งยืนอยู่ได้ตลอดเวลาแน่นอนเชื่อผมเถอะ นี่ผมต้องหยุด

เขียนชั่วขณะเพราะผมนั่งร้องไห้คืออยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมาเพราะความสงสาร

เขาผู้หญิงคนนั้นว่าทำไมลูกๆไม่ดูแลพ่อแม่ให้ดี ผมขอให้ข้อคิดนะครับ เปรียบ

ประดุจว่าสักวันหนึ่ง ถ้าเรามีลูกขึ้นมาสักคนหรือกี่คนก็แล้วแต่เรารักลูกไหม ถ้าเรา

รักลูกมากขนาดไหน นั่นแหละใจพ่อใจแม่ก็รักเราซึ่งเป็นลูกเขามาก่อนมากมาย

ขนาดไหนก็เฉกเช่นเดียวกัน แต่ถ้าใครคิดไม่ได้ก้ถือว่าเป็นกรรมของพ่อแม่ผู้นั้น

เป็นพอก็แล้วกันที่เกิดมาชาตินี้ทำไมต้องมาได้ลูกใจดำหินชาดเช่นนี้ก็ให้คิดเสีย

ว่าเราได้สร้างบุญกันมาแค่นี้ก็แล้วกัน ผู้ที่ประสบปัญหาอย่างผมได้บรรยายมานี้ก็

คงไม่ได้อ่านการเขียนของผมแน่คงจะรู้ ผู้ที่มีโอกาสได้อ่านก็ช่วยบอกต่อด้วยนะ

ครับ การเขียนของผมจะไม่ใช่อย่างมืออาชีพ แต่เขียนมาจากใจที่ชอกช้ำจาก

การฟังมาให้อ่านครับ ถ้าใครทำดีกับพ่อแม่และผู้มีพระคุณขอให้เกิดในโลกที่ดีถ้า

ดับจากโลกนี้แล้วเมื่อได้เกิดใหม่ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันและกระทำความดีอยู่ก็

ขอให้ความดีนั้นคุ้มครองขอให้คุณพระคุ้มตลอดเวลาที่มีลมหายใจอยู่ ขอให้พบ

แต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต แต่ถ้าใครยังไม่เคยทำความดีต่อผู้มีพระคุณไม่เคยดูแล

เหลียวแล ก็ยังมีเวลานะครับ คนเราจะสร้างความดี ไม่มีคำว่าเริ่มต้นวันไหนขอให้

นึกทำเถอะเวลาไหนได้ทั้งสิ้น ไม่มีการกำหนดเวลาของการทำดี ผมเคยเขียนและ

บอกตลอดเลยว่า ผืนฟ้าให้เปรียบแผ่นกระดาษ น้ำในมหาสมุทรเปรียบน้ำหมึก

พื้นพสุธาเปรียบเหมือนแท่งดินสอ สิ่งสามสิ่งคนโบราณหรือพระท่านเทศน์ไว้ว่า

เขียนและบรรยายให้หมดของทั้งสามสิ่งนี้ก็ยังพรรณาพระคุณของพ่อแม่และผู้มี

พระคุณยังไม่หมด ก็ขอให้คิดเอาก็แล้วกัน ส่วนผมพ่อและแม่ได้เสียชีวิตหมดแล้ว

ผมยังเสียใจเลยว่าทดแทนบุญคุณกับท่านยังไม่ดีเท่าที่ควรท่านก็ต้องมาจากเรา

ไปก่อน แต่ตอนที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่เราก็ดูแลตามอัตภาพครับ คือฐานะเรา

ไม่ค่อยดี แต่ก็ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดีก็พอใจแล้วครับ

               อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะอะไร ในเวลานี้สักวันหนึ่ง เราก็

ต้องได้อยู่ในสถานะนั้นเดียวกันเช่นกัน เหตุเพราะว่า เมื่อก่อนเราเป็นลูกเขามา

เขาดูแลเรามา เมื่อวันใดเราเติบใหญ่ขึ้นมา เมื่อออกเรือนไปแล้ว การมาแทนที่ก็

มาถึงเราทันที ถ้าเราเคยทำความดีกับผู้ที่มีพระคุณกับเราไว้เช่นไร เมื่อถึงวันนั้น

มาถึง เราก็จะได้รับสิ่งเช่นนั้นเฉกเช่นเดียวกัน หาได้เปลี่ยนไปไม่ นอกจากวันและ

ระยะเวลาเท่านั้น ที่ต่างกันไป ประดุจดั่งเราตักน้ำใส่ตุ่มเท่าไร ก็จะได้น้ำเท่านั้น

หาใช่ตักน้ำมาแล้วน้ำนั้นได้กลายเป็นอย่างอื่นก็หาไม่ หรือเราปลูกต้นไม้ เพื่อต้อง

การผลไม้ เราก็ ก็จะได้ผลตามที่เราปลูกไว้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่นอน ก็ขอ

ให้เข้าใจในวันนั้น ต้องมาถึงเราเช่นเดียวกัน แล้วเราจะมัวช้ำที่จะรีบทดแทนพระ

คุณต่อผู้มีพระคุณเดี้ยวนี้เลยไม่ดีกว่าหรือ วันเวลาทุกวันมี เวลาเท่าเดิม แต่วัน

เวลาของมนุษย์เปลี่ยนไปตลอดเวลาไม่เหมือนเดิมแน่นอน ถึงเราจะหยุดหลับนอน

พักผ่อน แต่ร่างกายและจิตไม่เคยหยุดนอนเลย

                สำหรับผมขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ

               สุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกท่านที่กำลังอ่านเรื่องที่ผมเขียนจงมีความสุขทุก

ท่านครับ ขอให้ช่วยกันสร้างความดีกันไว้ให้มากๆนะครับ และช่วยดูแลคนรอบข้าง

ด้วย สังคมเป็นสุขเราก็เป็นสุขด้วย สังคมที่บ้านอยู่ดีมีสุขเข้าใจกันเห็นใจกันรักกัน

เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เมื่อสังคมอยู่ดีมีสุข คนในสังคมของประเทศ

ของเราก็เป็นสุข ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเข้มแข็งและมีคุณภาพ

สวัสดีครับ

จากแก้ว สาริกา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท