หนังสืออ่านเพิ่มเติม กีฬาพื้นบ้านไทยชุดนี้ มีจำนวน ๓ เล่ม ได้แก่ การเล่นสลับ การเล่นเต้นขาเดียว และการเล่นเป่าปี่ตี่จับ ผู้เขียนได้จัดทำขึ้นสำหรับใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ สาระที่ ๓ การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม และกีฬาสากล ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านโพนทอง และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
กีฬาพื้นบ้านไทย “เล่นสลับ” ภาคเหนือเรียกว่า “หลิ่น” ภาคอีสานเรียกว่า “เล่นเตย” และในท้องถิ่นจังหวัดเลยก็เรียก “เล่นเตย” เช่นเดียวกับภาคอีสาน แต่ในท้องถิ่นอำเภอปากชม จะเรียกว่า “เล่นสลับ” ซึ่งแตกต่างจากท้องถิ่นอื่น อาจเป็นเพราะเวลาวิ่งผ่านเส้นกั้น ที่ผู้เล่นฝ่ายกั้นคอยเฝ้าอยู่ จะต้องหลอกล่อและวิ่งหลบหลีกเปลี่ยนทิศทางกะทันหันเพื่อให้ฝ่ายกั้นถลำ จนสามารถวิ่งผ่านไปได้สำเร็จ และเรียกการวิ่งดังกล่าวเป็นภาษาพื้นบ้านว่า “วิ่งสลับ” ดังนั้น จึงพากันเรียกการเล่นชนิดนี้ว่า “เล่นสลับ”
กีฬาพื้นบ้านไทย “เต้นขาเดียว” ในท้องถิ่นจังหวัดเลยแต่ละเขตอำเภอจะเรียกไม่เหมือนกัน บางอำเภอจะเรียกว่า “เต้นสักกะเดี้ยว” บางอำเภอจะเรียกว่า “เต้นสักกะแนง” หรืออาจจะเรียกทั้งสองอย่างก็มี แต่เฉพาะในท้องถิ่นอำเภอปากชม จะเรียกว่า “เต้นขาเดียว” เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากท้องถิ่นอื่น เป็นการเรียกชื่อให้ตรงกับอากัปกริยาขณะที่ผู้เล่นกำลังเต้นเคลื่อนที่ไปด้วยขาเพียงข้างเดียง ส่วนอีกข้างหนึ่งจะยกคู้เอาไว้ไม่ให้แตะพื้น เรียกว่า “เต้นขาเดียว” ซึ่งไม่สลับซับซ้อน และเข้าใจง่าย
กีฬาพื้นบ้านไทย “เป่าปี่ตี่จับ” เป็นการนำเอาการเล่น “ตี่จับ” หรือที่ภาคอีสานเรียกว่า “หมากอี่” ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านไทยที่นิยมเล่นกันมากทั่วทุกภาค ในอดีต ซึ่งมีกติกาบางประการที่สร้างความขัดแย้งให้กับผู้เล่นโดยเฉพาะการเปล่งเสียง “ตี่” หรือ “อี่” ของผู้เล่นที่ค่อยลงขณะที่ผู้เล่นกำลังจะหมดการกลั้นลมหายใจ ผู้เล่นด้วยกันจะไม่ได้ยิน เลยตัดสินว่าผู้เล่นคนนั้นหยุด “ตี่” หรือ “อี่” แล้วต้องตกเป็นเชลย จึงเกิดการถกเถียงกันจนการเล่นหมดความสนุก บางครั้งถึงกับต้องเลิกเล่นไปเลย ดังนั้น ผู้เขียนจึงนำมาประยุกต์ใหม่ให้มีกติการัดกุมแต่จะเพิ่มความชัดเจนในกติกาการเล่น และสร้างความสนุกสนานมากขึ้น โดยใช้ “ปี่” หรือ “นกหวีด” มาเป่าแทนการเปล่งเสียง “ตี่” หรือ “อี่” จึงไดตั้งชื่อการเล่นกีฬาพื้นบ้านไทยชนิดนี้เสียใหม่ว่า “เป่าปี่ตี่จับ”
ในอดีต การเล่นกีฬาพื้นบ้านไทย นิยมเล่นกันมากในเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลขึ้นปีใหม่ เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมายให้ยุ่งยาก แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่มากมายเด็กและเยาวชนจึงไม่นิยมเล่น ทั้งที่เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ในการช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างความสนุกสนาน ความสามัคคี รู้จักการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ ปฏิบัติตัวเป็นผู้นำ ผู้ตามที่เหมาะสม รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กและเยาวชนให้มีไหวพริบปฏิภาณ ให้มีร่างกายที่แข็งแรง เกิดทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ดี มีความอดทน ความมั่นใจในตนเอง มีเหตุผล รู้จักคิดไตร่ตรอง มีพัฒนาการด้านอารมณ์ และสุนทรียภาพที่ดี ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงนำมาจัดทำเป็นหนังสืออ่านเพิ่มเติมประกอบการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทีดีต่อไป
ขอขอบคุณร้านแม็กดีไซท์ ในการวาดภาพประกอบ ขอขอบคุณนายไพฑูรย์ หงษ์แพง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยพิชัย นายดำรงศักดิ์ สอนสีดา ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านห้วยทราย นางนัทธมน ราชพัฒน์ ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านห้วยอาลัย นางธมนลักษณ์ บุญโสม ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษโรงเรียนร่มเกล้าบ้านชมเจริญ และนายประจักษ์ ราชภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโพนทอง ที่กรุณาตรวจสอบ และ ให้คำแนะนำ เพื่อปรับปรุงให้หนังชุดนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสืออ่านเพิ่มเติมนี้จะเป็นประโยชน์ในการการเรียนรู้สำหรับนักเรียน ครู และผู้อ่านทุกคน
สุริยน คำเขียว
ครูชำนาญการโรงเรียนบ้านโพนทอง
ขอเชิญทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับปรุงนวัตกรรมต่อไป และ download รูปเล่มนวัตกรรมได้ที่
เล่มที่ 1 หนังสืออ่านเพิ่มเติมเรื่อง..กีฬาพื้นบ้านไทย..เต้นขาเดียว Download ได้ที่ http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=43BE09EBAFW366LYCRZ4L2TEG9[4W8 เล่มที่ 2 หนังสืออ่านเพิ่มเติมเรื่อง..กีฬาพื้นบ้านไทย..เล่นสลับ Download ได้ที่ http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=43BE09EBB0XCWQ7B6J5QFHQRLRKU[C เล่มที่ 3 หนังสืออ่านเพิ่มเติมเรื่อง..กีฬาพื้นบ้านไทย..เป่าปี่ตี่จับ Download ได้ที่ http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=43BE09EBB0MJC2V1NRVR6OYB3S4YVP
ไม่มีความเห็น