เรื่องทั่วไปของในหลวง


หาอ่านได้ไม่ค่อยง่ายนักควรอ่านให้จบค่ะ

นายอนุวรรณ ทองหมู่
>> ผู้วชาญข้อมูล
>> ศูนย์วิจัยธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี
>> มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
>>
>> จดหมายฉบับนี้ยาวมาก หากรัก'พระองค์ท่าน' กรุณาอ่านให้จบด้วย
>> เรื่องของในหลวงที่เรา(อาจ)ไม่เคยรู้
>>
>>
>>
>>
>>
>>
>>
>> 1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น. 2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์
>> ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์ 3.พระนาม 'ภูมิพล'
>> ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
>> 4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
>> 5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
>> 6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา
>> ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H
>> Bhummibol Mahidol'หมายเลขประจำตัว 449
>> 7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่'
>> 8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
>> 9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย
>> เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
>> 10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง
>> แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง
>> ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย
>> ทรงตั้งชื่อให้ว่า'บ๊อบบี้'
>> 12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ
>> เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
>> 13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า
>> โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
>> 14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส
>> แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ 15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้'
>> โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน' เอาไว้
>> หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี' หยอดใส่กระปุกนี้
>> 10%
>> ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร
>> เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
>> 16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
>> เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน
>> ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก
>> ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน' 17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget
>> ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
>> 18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง19.
>> พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น' สมัยทรงพระเยาว์
>> เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง
>> ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ
>> แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
>> 20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย
>> โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ
>> เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด
>> เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
>> แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ บเพลง
>> (แอกคอร์เดียน) 22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา
>> ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น
>> โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
>> 23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
>> 24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา
>> เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด
>> 48 เพลง 25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง
>> บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย
>> อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5
>> เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้' 26.
>> รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ
>> รัชกาลที่5 27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย
>> ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย
>> ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
>> 28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์' และ 'ติโต' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์
>> แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ 29.
>> ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ
>> เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค
>> ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น'กีฬาซีเกมส์') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
>> 30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง
>> และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า
>> เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า
>> ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น
>> แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน31.
>> ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ
>> ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา'
>> เมื่อปี 2536 33.
>> ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน
>> เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า
>> 20 ปีแล้ว 34. องค์การสหประชาชาติ
>> ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26
>> พฤษภาคม 2549
>> เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย
>> โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง35.
>> พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช
>> มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 36.
>> รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์
>> แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า'น่าจะเป็น
>> เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง
>> แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง 37.
>> ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492
>> และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493
>> โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป
>> ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์
>> เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท 37. หลังอภิเษกสมรส ทรง'ฮันนีมูน'ที่หัวหิน 38.
>> ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22
>> ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน 39.
>> ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร
>> สมเด็จพระสังฆราช 40.
>> ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม
>> ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
>> อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น41. เครื่องประดับ :
>> ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น
>> นาฬิกา 42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว :
>> ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร
>> อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล
>> เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ 43. หลอดยาสีพระทนต์
>> ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด
>> ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด
>> ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม 44.
>> วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต
>> มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า
>> พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า
>> สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
>> เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่
>> ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง45.
>> โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ 46.
>> ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ
>> แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป
>> และดินสอที่มียางลบ
>> 47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
>> 48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
>> เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
>> ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น
>> จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม
>> แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน 49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน
>> โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ
>> ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง
>> เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน 50.
>> โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน
>> 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์
>> จากการขายนมวัว
>> ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้51.
>> เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา
>> ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด 52.
>> ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่
>> ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย
>> แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน
>> เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ 53.
>> ทรงนึกถึงแต่ประชาชน
>> แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5
>> ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549)
>> ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้
>> เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์
>> เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น
>> ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา 55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม
>> และตังฉ่าย 56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก 57. ไม่เสวยปลานิล
>> เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย
>> โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง
>> แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง 58. เครื่องดื่มทรงโปรด :
>> โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง 59. ทีวีช่องโปรด
>> ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก 60.
>> ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่
>> จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม
>> ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
>> และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ
>> ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก 62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย
>> เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501
>> เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ
>> จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว 63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม
>> บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ
>> โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์
>> แผนที่ ฯลฯ 64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล
>> ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
>> 65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า
>> 'นายหลวง' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง 66. ทรงวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย
>> ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน 67. อาชีพของในหลวง
>> เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ
>> ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ' 68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา
>> เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์
>> รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
>> ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว
>> ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี 69.
>> ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า
>> แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์
>> ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก
>> ยกไม่ไหวหรอก' 70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง
>> จนกระทั่งกุด71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ
>> ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า
>> ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี 72. รู้หรือไม่ว่า
>> ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง
>> ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์ 73.
>> ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
>> เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค
>> มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน 74.
>> ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29
>> ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3
>> ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด
>> รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน 75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง 76.
>> สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง 77. นั่งรถหารสอง :
>> ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

หมายเลขบันทึก: 212365เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2008 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สำหรับในหลวงแล้ว...การจะบรรยายถึงความรัก

หรือความรู้สึกที่พสกนิกรทุกๆคนเป็นอยู่ขณะนี้นั้น

มันไม่สามารถจะบรรยายเป็นคำพูดใดๆได้...สุดเหลือความสามารถจริงๆค่ะ

แต่คำที่สามารถพูด...แม้ความหมายอาจดูสั้น

แต่ความหมายจริงๆของคำนี้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนพูดมากกว่าค่ะ

คำนั้นคือ "ขอพระอาค์ทรงพระเจริญ"

และสำหรับดิฉันเอง....รักในหลวงมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท