การถูกล่วงละเมิดทางเพศ
สังคมไทยนับวันยิ่งเกิดปัญหาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดูได้จากหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน หรือนิตยสารต่างๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาในปัจจุบันหรือเหตุการณ์ต่างๆที่ทั้งสะเทือนขวัญและไร้ซึ่งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี รวมทั้งข่าวเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นก็มีเกิดขึ้นมากมาย บ้างก็อุกอาจสะเทือนต่อจิตใจและกระทบต่อศีลธรรมอันดี บ้างก็เป็นข่าวเพียงเล็กน้อยหรือบางเรื่องก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก จนเห็นเป็นเรื่องปกติไปเเล้ว
สำหรับปัญหาความรุนแรงใน ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีเพิ่มมากขึ้น เพราะจากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ในการเฝ้าระวังการบาดเจ็บในโรงพยาบาล 21 แห่ง ในปี 2544 พบว่าผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายและต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยวันละ 1 คนต่อ 1 โรงพยาบาล และในจำนวนนั้นเสียชีวิตปีละ 3 คนต่อ 1 โรงพยาบาล และร้อยละ 71 ของสถานที่ที่เกิดการทำร้ายร่างกายคือบ้านของผู้ถูกกระทำ ในปี 2545 พบว่าผู้หญิงถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเฉลี่ยวันละ 12 คน โดยมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเฉลี่ยวันละ 2 คน นอกจากนี้จากงานวิจัยพบว่าหญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 12 ถูกกระทำรุนแรงทางร่างกาย และร้อยละ 23 ถูกกระทำรุนแรงทางจิตใจจากคู่ชีวิต ความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขและสิทธิมนุษยชน ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิงและเด็ก โดยมีการประมาณว่าตลอดช่วงชีวิตของผู้หญิง 1 ใน 5 คน ตกเป็นเหยื่อของการถูกข่มขืนหรือพยายามข่มขืน และผู้หญิง 1 ใน 3 คน มีประสบการณ์ถูกทำร้ายทุบตี ทำร้ายจิตใจ หรือบังคับให้มีเพศสัมพันธ์โดยสมาชิกในครอบครัวหรือผู้ที่คุ้นเคย และอาจรวมไปถึงการถูกล่วงเกินทางเพศโดยสายตา การกระทำหรือคำพูดจากผู้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงาน ซึ่งผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศมีความเสี่ยงสูงที่จะตั้งครรภ์ นำไปสู่การทำแท้ง ติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคทางเพศสัมพันธ์ และมีผลเสียต่อสุขภาพอนามัยการเจริญพันธุ์และความเป็นอยู่โดยทั่วไปสิทธิความเป็นคนของผู้หญิงเป็นสิทธิมนุษยชนบนฐานคิดเรื่องความแตกต่างระหว่างเพศ โดย “ภาวะความเป็นหญิง” ทั้งในด้านชีวภาพ และทางด้านสังคม ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้หญิงในหลากหลายแง่มุมที่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติ การเอารัดเอาเปรียบ การกระทำความรุนแรง และการละเมิดความเป็นมนุษย์ “กฎหมาย” นับเป็นกลไกสำคัญที่จะขจัดความไม่เป็นธรรมเหล่านี้ได้ แต่ในหลายกรณี กฎหมายกลับกลายเป็นเครื่องมือที่ละเมิดสิทธิความเป็นคนของผู้หญิงเสียเอง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากกฎหมายอาญา มาตรา 276 ฉบับเดิมที่ระบุว่า ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตนเป็นความผิด ซึ่งมีนัยว่า ภรรยาไม่ได้รับความคุ้มครองจากการถูกข่มขืนโดยสามี สถาบันครอบครัวทำให้ผู้หญิงตกเป็น “วัตถุ” เป็น “สมบัติ” อย่างหนึ่ง ซึ่งเจ้าของนั้นจะกระทำอย่างไรตามใจ ไม่เว้นแม้แต่การกระทำนั้นคือการข่มขืนกระทำชำเรา
ด้วยความพยายามอย่างหนักขององค์กรผู้หญิงและคณะอนุกรรมาธิการด้านสตรีในคณะกรรมาธิการเด็ก เยาวชน สตรีฯ ของ สนช. ในการผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายที่ยังเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิ ง (CEDAW Committee) ของสหประชาชาติที่เสนอแนะให้ประเทศไทยเร่งแก้ไขมาโดยตลอด ตามที่ได้มีพันธะสัญญาไว้กับประชาคมโลก สถาบันนิติบัญญัติจึงได้แก้ไขกฎหมายหลายฉบับให้คุ้มครองและส่งเสริมสิทธิความเป็นคนของผู้หญิงมากขึ้น และยังขยายความคุ้มครองแก่คนทุกเพศด้วย เช่น กฎหมายอาญา มาตรา 276 ที่แก้ไขจาก “ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภริยาของตน” เป็น “ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น” หมายความว่า ไม่ใช่แค่ภรรยาจะได้รับการคุ้มครองจากการข่มขืนเท่านั้น แต่ขยายการคุ้มครองคนทุกเพศด้วย เพราะการข่มขืนมิได้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์แบบหญิงกับชายเท่านั้น แต่เกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์ที่หลากหลายรูปแบบด้วย เช่น คนรักเพศเดียวกัน (homosexual relationship) ผู้แทนจากสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวได้รายงานผลการแก้ไขกฎหมายในการสัมมนาสิทธิความเป็นคนของผู้หญิง: พันธกรณีระหว่างประเทศ กฎหมายและข้อถกเถียง จัดโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ
ตัวอย่างคดีถูกละเมิดทางเพศ........ลวงข่มขืนสาวม.1 หินทุบหน้า หวังฆ่าปิดปาก ( จากหนังสือพิมพ์ )
กรณีเหตุนักเรียนหญิงถูกข่มขืนและถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสเหยื่อกามเล่าว่าลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง จากนั้นได้แสดงความอำมหิต หยิบก้อนหินขนาดใหญ่ทุบใบหน้าและศีรษะหลายครั้ง ด.ญ.แป๋ม (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ย่านคลองสาม ในสภาพร่ำไห้เป็นที่น่าเวทนา ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าชุดนักเรียนเปื้อนเลือด ตามเนื้อตัวเปื้อนขี้ดิน ศีรษะมีบาดแผลแตกเลือดไหลโกรก โหนกแก้มซ้ายบวมช้ำ ดวงตาซ้ายปิดสนิท ลำคอมีรอยถูกบีบอย่างแรง พบแพทย์ให้การปฐมพยาบาล โดยต้องเย็บบาดแผลที่ใบหน้าและศีรษะรวมหลายสิบเข็ม อาการค่อนข้างสาหัส
จากเหตุการณ์ข้างต้น......ด.ญ.แป๋ม (นามสมมติ) ถูกลวงไปข่มขืนแล้วหวังฆ่าปิดปาก เป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกายซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างหนึ่ง กล่าวคือมนุษย์ทุกคนมีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของตน ซึ่งตามหลักสิทธิมนุษยชน “บุคคลจะต้องไม่ถูกทำให้เสียชีวิตโดยอำเภอใจ “ จากกรณีที่ลวงนักเรียนสาวไปข่มขืนแล้วหวังฆ่าปิดปาก คนที่ลวงไปข่มขืนแล้วหวังจะฆ่าหญิงสาวไม่มีสิทธิที่จะทำให้บุคคลอื่นเสียชีวิตตามอำเภอใจ
แนวทางแก้ไขและการป้องกัน
ทุกวันนี้ผู้หญิงถูกลวนลาม-ข่มขืนมีอยู่แทบทุกวัน ที่สำคัญสถิติเริ่มพุ่งสูงขึ้น โดยพบว่า 30% ของผู้ถูกข่มขืน อายุต่ำกว่า 20 ปี ในแต่ละวันมีทารกถูกทิ้งวันละ 8 คน ในแต่ละปีวัยรุ่นทำแท้งกว่า 3 แสนราย โดย 13.3% ผู้ติดเชื้อ HIV อายุ 15-24 ปี ซึ่ง 28.7% เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การลวนลามทางเพศส่วนใหญ่ เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา อย่างการแซวกันไปมา สุดท้ายอาจลงเอยด้วยการขืนใจ และใช้ความรุนแรง ดังนั้นภัยใกล้ตัวสำหรับผู้หญิงมันมากกว่าที่คุณคิดไว้ จากสถิติที่ได้กล่าวมาดังข้างต้นนั้น เป็นสถิติที่เกิดขึ้นจริง แค่ถ้าไม่อยากให้ตัวเองต้องเข้าไปเป็นหนึ่งในสถิติที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ก็ควรจะเพิ่มความระมัดระวังให้ตัวเอง คือ
1. ไปเป็นกลุ่ม
2. คนไม่น่าไว้วางใจอย่าให้เข้าบ้าน เพราะบ้านอาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอย่างที่คิด
3. ถ้าต้องไปในที่เปลี่ยว อย่าใจลอย มีสติกับเหตุการณ์ตรงหน้า และเดินอย่างมาดมั่น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าได้ง่าย
4. ถ้ารู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้เชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง และรีบเดินให้ทันคนข้างหน้า หรือเปลี่ยนเส้นทางเดินไปเลย
5. พกสิ่งของถ่วงเวลา เช่น สเปรย์พริกไทย หรือถ้าจะพกอาวุธ เช่นคัตเตอร์ มีด กรรไกร ต้องมั่นใจว่ามันจะไม่กลายเป็นอาวุธของคนร้ายในที่สุด
ถึงแม้ 5 วิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดความเสี่ยง เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคุณผู้หญิงได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ภัยใกล้ตัว “คุณผู้หญิง ใกล้กว่าที่คุณคิด”
สิ่งที่เราสามารถช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาการข่มขืนได้ โดยให้ความรู้แก่เด็กผู้หญิง และสตรี หรือคนใกล้ตัวคุณอย่างน้อยที่สุด เราสามารถช่วยผู้หญิงเหล่านั้นได้
- เหล้าเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรุนแรง
- ทันทีที่ถูกข่มขืน อย่าชำระล้างร่างกาย เก็บเสื้อผ้า และ หลักฐานต่างๆ ไว้ และรีบแจ้งความทันที
- อย่าเก็บเรื่องไว้คนเดียว คนที่คุณไว้ใจได้ หรือติดต่อองค์กรที่ให้ความช่วยเหลือผู้หญิง เช่น มูลนิธิต่างๆ
การข่มขืน เป็นปัญหาสังคมที่ทุกคมต้องร่วมกันแก้ไขและป้องกัน อย่ารอให้มันเกิดขึ้น หรือคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ข้อมูลอ้างอิง www.watta.co.th , www.yenta4.com , www.oknation.net
ไม่มีความเห็น