การทำแบบฝึกเสริมทักษะเรื่องตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด
วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อสร้างยุทศาสตร์ การทดลองใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
2. เพื่อทดลองใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
3. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) ทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สมมุติฐานของการศึกษาค้นคว้า
ความเข้าใจในการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ของนักเรียน หลัง
ได้รับการฝึกสูงกว่าก่อนได้รับการฝึก
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวนนักเรียน 31 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 คน โรงเรียนบ้านหนองซอ ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2
เนื้อหาที่ใช้ในการทดลอง
คำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ดังนี้ จ , ศ , ษ , ส , ต , ติ , ตุ , ตร , ช ชร , ท , ธ , ฑ ฒ , ฐ , ฎ ฏ , ถ รถ
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
1. แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เรื่องคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด
วิธีดำเนินการทดลอง
ในการศึกษาผลการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนทักษะการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา แม่กด สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 ผู้วิจัยได้ใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงมาตราแม่กด กับกลุ่มตัวอย่าง ใช้เวลาในการสอนวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 16 วัน โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ผู้วิจัยชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงจุดประสงค์รายละเอียดขั้นตอนต่างๆในการฝึกให้นักเรียนทราบพร้อมกันทุกคน
2. นำแบบทดสอบ ไปทดสอบกับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 จำนวน 31 คน แล้วบันทึกคะแนนไว้เป็นผลการทดสอบก่อนการฝึก
(Pre – test)
3. ทำการฝึกโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา แม่กด ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยมีขั้นตอนดังนี้
3.1 ผู้วิจัยแจกแบบฝึกให้นักเรียนทุกคน พร้อมทั้งอธิบายถึงขั้นตอนการทำแบบฝึกอย่างละเอียด พร้อมยกตัวอย่างที่กำหนดให้ประกอบการอธิบาย เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถามจนกระทั่งนักเรียนทุกคนเข้าใจการทำแบบฝึก และให้นักเรียนเริ่มทำแบบฝึก
3.2 ให้นักเรียนลงมือทำแบบฝึก โดยทำแบบฝึกตามลำดับขั้นตอนที่กำหนดให้ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
4. เมื่อดำเนินการฝึกครบทุกแบบฝึกเสร็จแล้ว นำแบบทดสอบทักษะการเขียนตัวสะกดไม่ตรงมาตรา แม่กด ฉบับเดิมมาให้นักเรียนทำ (Post – test) แล้วบันทึกคะแนนที่ได้สำหรับวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อตรวจสอบการพัฒนาความเข้าใจของนักเรียนโดยวิธีทดสอบค่าที (t-test Dependent)
สรุปผลการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้สรุปผลได้ดังนี้ แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
1. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) ทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลปรากฏว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์หลังเรียน (Post-test) เพิ่มขึ้น
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กดในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่ง มีผลการเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
อภิปรายผลการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้เป็นการทดลองการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหนองซอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต2 อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน(Pre-Test) และหลังเรียน (Post – Test) หลังการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ที่สร้างขึ้นผลปรากฏว่าหลังเรียนมีคะแนนสูงกว่าก่อนเรียนดังนี้
จากผลการเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน(Pre-Test) และหลังเรียน (Post – Test) หลังการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด พบว่านักเรียนมีค่าเฉลี่ยของคะแนนเพิ่มขึ้นจาก 20.68 เป็น 34.97 ค่าผลต่างเท่ากับ 14.29 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนลดลงจาก 6.13 เป็น 3.99 นั่นคือผลสัมฤทธิ์หลังจากใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด สูงขึ้นกว่าก่อนการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่าหลังการใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด นักเรียนมีทักษะการเขียนสะกดคำแม่กดสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากแบบฝึกที่มีการฝึกจากง่ายไปหายาก มีรูปภาพประกอบ มีความหมายของคำ มีการประสมคำ จึงทำให้นักเรียนมีทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด สูงขึ้น และความเข้าใจในการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ของนักเรียน หลังได้รับการฝึกสูงกว่าก่อนได้รับการฝึก เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
ข้อสังเกตจากการวิจัย
จากการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้พบข้อสังเกตพอสรุปได้ดังนี้
นักเรียนสนใจในการทำแบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ทุกชุด นักเรียนทุกคนจะมีความกระตือรือร้นและชอบทำหน่วยที่1 ขีดส้นโยงคำกับรูปภาพมากที่สุด เนื่องจากในหน่วยที่ 1 จะให้นักเรียนโยงเส้นคำกับรูปภาพให้สัมพันธ์กัน จะมีรูปภาพประกอบที่สื่อความหมายให้เข้าใจได้ง่าย หน่วยที่ 2 เป็นการประสมคำโดยใช้ภาพ นักเรียนส่วนใหญ่สนใจทำกิจกรรมได้ดี เนื่องจากในกิจกรรมมีรูปภาพประกอบให้นักเรียนประสมเป็นคำ จึงทำให้นักเรียนระบายสีรูปไปด้วย หน่วยที่ 3 การเขียนคำจากคำอ่าน นักเรียนทำกิจกรรมได้ดี หน่วยที่ 4 การเติมประโยค นักเรียนบางคนยังสับสน ผู้วิจัยต้องคอยชี้แนะ หน่วยที่ 5 การแต่งประโยค เป็นกิจกรรมที่นักเรียนต้องใช้ความคิดอย่างมาก ผู้วิจัยต้องคอยให้คำปรึกษาและชี้แนะอยู่เสมอ
ผู้วิจัยจึงมีความเห็นว่า แบบฝึกทักษะที่มีรูปประกอบมากๆ จะทำให้นักเรียนสนใจ และประสบผลสำเร็จในการจัดการเรียนการสอน
ข้อเสนอแนะทั่วไป
1. ผลการวิจัยพบว่า การใช้แบบฝึก ช่วยให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยมีผลการเรียนสูงขึ้นกว่าก่อนการเรียนโดยการ Pre-Test และ Post-Test ดังนั้นครูผู้สอนภาษาไทยควรใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด ซึ่งช่วยให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ได้เพิ่มขึ้น เพื่อสะดวกและประหยัดเวลา
2. ครูผู้สอนควรใช้ภาพและคำสั่งสั้นๆ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจง่ายในการทำแบบฝึก และควร
แจ้งผลการทำแบบฝึกให้นักเรียนทราบทันที่และทุกครั้ง เพื่อให้นักเรียนได้แก้ไขและจำคำที่ถูกต้อง จะทำให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะการเขียนได้ดียิ่งขึ้น
3. ควรนำหลักการทางจิตวิทยาหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการทำแบบฝึกมาใช้ประกอบในการ
สร้างแบบฝึก จะทำให้แบบฝึกมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับนักเรียน
ข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรศึกษาหาผลสัมฤทธิ์การเรียนต่อวิชาภาษาไทยโดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มี
ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตรา แม่กด เป็นรายบุคคล
2.การวิจัยครั้งต่อไป เพื่อให้ผลการวิจัยเป็นสากล และเป็นตัวแทนของการเรียนรู้ ควรใช้กลุ่ม
ตัวอย่างมากๆ จากหลายๆโรงเรียน และในท้องถิ่นต่างกัน
3. ควรมีการติดตามผล เพื่อนำมาปรับปรุงเอกสารประกอบการสอนให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น
4.การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยใช้แบบฝึกทักษะการเขียนคำที่มีตัวสะกดไม่ตรงตาม
มาตรา แม่กด จะสัมฤทธิ์ผลได้เมื่อผู้สอนเตรียมพร้อมในบทบาทของตน เช่น สื่อ ชุดแบบฝึกทักษะ ฯลฯ
ดีมากค่ะ
very good