เรื่องที่ ๑๐ หลักสูตรการศึกษา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสัตว์ป่าหลายชนิดมาประชุมกันเพื่อจัดตั้งโรงเรียน หลักสูตรของโรงเรียนเหล่านี้ ประกอบด้วยวิชา วิ่งเร็ว ปีนป่าย ว่ายน้ำและฝึกบิน
เมื่อเปิดสอนไปได้ระยะหนึ่ง ก็ปรากฏว่า เจ้าเป็ดน้อยได้เกรด A ในการว่ายน้ำ แต่ทำได้แค่เกรด C ในการวิ่งเร็วและได้คะแนน F (ตก) ในวิชาฝึกบิน ผลของการสอบเทอมต้น ทำให้เจ้าเป็ดน้อยต้องอยู่เย็นหลังโรงเรียนเลิก เพื่อฝึกวิ่งเร็วและฝึกบินสลับกันทุกวันเป็นการติวพิเศษจากครูวิ่ง ครูสอนบิน จนในที่สุดเท้าทั้งสองข้างของมันก็เปื่อยเน่าและพุพองจากการวิ่งและลำตัวก็บอบช้ำจากการตกจากที่สูงบ่อยครั้ง ผลการสอบเทอมปลายมันสามารถทำได้แค่สอบผ่านของวิชาวิ่งเร็วและฝึกบิน
ส่วนเจ้ากระรอกซึ่งเคยได้เกรด A ในวิชาวิ่งเร็วและปีนป่ายต้นไม้ กลับตกไม่เป็นท่าในวิชาว่ายน้ำ การเรียนพิเศษของมันในวิชาว่ายน้ำก็ไม่ได้ช่วยทำให้การว่ายน้ำของมันดีขึ้นมานัก อย่างดีที่สุดมันทำได้ก็คือ เกรด C และเนื่องจากที่มันไปฝึกวิชาว่ายน้ำหนักหน่วงเกินไป จึงทำให้วิชาปีนป่ายต้นไม้ของมันที่เคยได้เกรด A นั้นลดลงมาเพียงได้แค่ C+
ในปลายปี ที่เจ้านกอินทรีซึ่งเคยชนะเลิศในเรื่องของการบิน เมื่อมาถูกฝึกด้านวิ่งเร็วและว่ายน้ำ มันไม่สามารถทำได้ดีเหมือนเรื่องฝึกบิน กลายเป็นสัตว์ที่มีปัญหาขึ้นมาทันที ในการสอบไล่ มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีสักวิชาเดียว มิหนำซ้ำ มันยังกลายเป็ฯนกที่ก้าวร้าวเจ้าอารมณ์ เที่ยวไล่จิกตีสัตว์อื่น เพื่อให้ตัวมันเองกลายเป็นผู้ชนะ ความสุขที่มันเคยได้มีจากการเป็นเจ้าเวหาก็หายไป พร้อมกับความทุกข์ที่มันพยายามจะเอาชนะผู้อื่นในกิจกรรมที่มันไม่ถนัด ก็เข้ามาแทนที่
บันทึกจากคนเล่านิทาน
นักการศึกษาครับ เรื่องนี้สอนอะไรเอ่ย
เราควรเรียนรู้จุดเด่นของตนเองเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น ความสามารถบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเรา ก็ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบคนอื่น ที่สำคัญคือพระเจ้าสร้างเรามาด้วยความหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนใช้ความสามารถของตนเองมาช่วยเหลือกันและกัน ไม่มีใครสามารถอยู่คนเดียวได้
เหมือนนิทานเรื่องนี้ ถ้าสัตว์ต่าง ๆ ร่วมมือกันดูแลกัน (เหมือนในการ์ตูนสมัยเด็กที่สัตว์ป่าร่วมกันปกป้องป่าของตนเอง) ก็จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เดียว จริงมั้ยคะ
เป็นเวลานานมาแล้วครับ ที่พวกเราวางแผนการสอนแบบ "บทเรียนเดียวสอนทุกคน" แล้วเราก็รู้ดีว่าทำให้นักเรียนบางคนเบื่อหน่ายการเรียน ขณะเดียวกัน เราก็ทำให้อีกหลายคนไม่สามารถติดตามบทเรียนได้ทัน แล้วเรายังหวังให้นักเรียนปรับตัวให้เข้ากับบทเรียน แทนที่เราควรจะปรับบทเรียนให้เข้ากับนักเรียน
การปรับบทเรียน ต้องคำนึงถึงความรู้ของนักเรียน
ความรู้ที่นักเรียนเคยเรียนมาก่อน สิ่งที่เขาสามารถทำได้ สิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่เขาต้องการ หรือสิ่งที่เขาชื่นชอบ
บทเรียนก็เหมือนเช่นเสื้อผ้า ขนาดเดียวใช้ไม่ได้กับทุกคน
"เสื้อผ้าขนาดเดียวใช้ไม่ได้กับทุกคน" ฉันใด วิธีการสอนเดียวในชั้นเรียน ย่อมใช้ไม่ได้ผล ฉันนั้น
เราชอบเรียนเพราะยายเราพาเราไปไหว้พระทุกครั้งและขอให้น้าๆที่เรียนอยู่ต่างจังหวัดสอบผ่านกันทุกคนที่มีการสอบ ยายไม่เคยบอกว่าเรียนแล้วได้อะไร แต่พอน้าจบแล้วก็มีงานทำ มีเพื่อนฝูงดีๆ ฐานะที่บ้านก็กระเตืองขึ้นตามลำดับ แม่เราจบแค่ป.4เพราะเป็นลูกคนแรก น้าชายคนแรกจบเกษตรที่มหาวิทยาลัยตามด้วยทุกคนที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจคือตากับยายเลี้ยงลูกไม่เหมือนใคร ตอนนั้นถ้ามีเงินมากคงส่งให้เรียนได้ทุกคน น้าชายเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน น้องสาวคนสุดท้องเป็นพนักงานบัญชีมีโอกาสไปตรวจบัญชีที่บริษัทต่างๆ จนทราบว่าบริษัทขายรถมีกำไรสูงมาก จึ่งตัดสินใจลาออกมาร่วมหุ่นกับพี่น้อง สร้างร้านขายรถขึ้นมา พี่สาวคนโตของเราจบวิทยาศาสตร์ตัดสินใจเปิดร้านขายทอง
ถ้าคนในครอบครัวของเราไม่สนใจและตั้งใจเรียน พวกเราคงไม่มีความรู้ความสามารถมาประกอบอาชีพที่ทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำได้ขนาดนี้ ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทสิ่งต่างๆเพื่อคนรุ่นต่อให้กับวงศ์ตระกูลของพวกเรา
ขอบคุณ คุณแพงทองมากครับ
ที่อ่าน นิทานเรื่องเล่าอย่างมีความสุข
และมีข้อเขียนกลับมาให้ กานท์กวีมีความสุขเช่นกัน
ไม่ได้ส่งข้อความขึ้นมาบนนี้ นานแล้วครับ
กาลเวลาเคี่ยวกรำคนให้อ่อนล้า
ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณแพงทอง