กฏหมายระหว่างประเทศ
- อนุสัญญา ว่าด้วยการปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก (ค.ศ.1921)
- อนุสัญญาเพื่อการปราบปรามการค้าบุคคล และการแสวงประโยชน์ จากการค้าประเวณีของผู้อื่น (ค.ศ.1933)
- อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (ค.ศ.1997)
- ฯลฯ
แนวทางการยุติความรุนแรงต่อสตรีของไทย
1. การปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางกฎหมาย เช่น การเพิ่มโทษ และการฝึกอบรมตำรวจ แพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ อัยการ ผู้พิพากษา ให้มีความเข้าใจในเรื่องความรุนแรง เข้าใจปัญหา รวมทั้งวิธีการให้ความยุติธรรม กับผู้ที่ถูกกระทำ ทำให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมายและการคุ้มครองด้ผลที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นตามลำดับ
2. การให้ข้อมูลข้อสนเทศแก่ประชาชนเกี่ยวกับหน่วยงาน ที่จะติดต่อเมื่อมีการกระทำรุนแรง ทำให้มีการรับรู้การกระทำที่รุนแรงต่อสตรีในวงกว้าง ทำให้ผู้ถูกกระทำได้รับความคุ้มครองและได้การรับการเยียวยาที่ดีขึ้นและรวดเร็วไม่เป็นปัญหาสะสมต่อไป
3. ดำเนินการให้มีแผนระดับชาติ และกลไกการประสานงาน และดำเนินงานให้ได้ผลและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้มีกระบวนการที่เข้ามาดูแล คุ้มครองที่เป็นระบบ
4. ส่งเสริมสถาบันครอบครัว โดยให้ความรู้เรื่องครอบครัวศึกษา สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก วิธีการแก้ความขัดแย้ง โดยไม่ใช้ความรุนแรง และการดำรงชีวิตตามหลักศาสนา เพื่อสร้างความตระหนักในสิทธิของตนเองและผู้อื่นทำให้มีผลต่อการเข้าใจของการก่อความรุนแรงทั้งโทษในการสร้างความรุนแรงและประโยชน์เมื่อลดความรุนแรง ทำให้บุคคลเข้าใจถึงสิทธิตามกฏหมายและสร้างความสงบสุขได้
5. สนับสนุนให้มีการทำงานจัดการปัญหาด้านความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในกลุ่มต่าง ๆ เพิ่มขึ้น และเป็นประเด็นที่ทำงาน ให้ต่อเนื่อง ทั้งภาคธุรกิจองค์กรเอกชนอื่น ๆ สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ และรายการ ทำให้ลดความรุนแรงในด้านต่างๆลง ให้มีการช่วยเหลือกัน พัฒนาสังคมให้ปราศจากความรุนแรงได้
การร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถหยุดยั้งความรุนแรงได้ การสร้างจิตสำนึกให้ผู้ชายบางคน ที่คุณรู้ว่าใคร อาจเป็นการเริ่มต้นแห่งยุคที่ไร้ซึ่งความรุนแรง จงสอนให้เขาอย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจกระทำต่อสตรีในรูปแบบต่าง ๆ และคอยดูแลสอดส่องซึ่งกันและกัน จงมาช่วยกันรักษาความสุขสันติปราศจากความรุนแรงนั่นเอง
ไม่มีความเห็น