ไปเที่ยวมาค่ะ

ผาหำหด ที่ เทพสถิต

สวัสดีค่ะหายไปนานเลยไม่ได้มาเขียน

บล็อกนานแล้วคิดถึงมากเลยค่ะ..นู๋อุ้มก็ไม่ได้หายไปไหนนะค่ะ..แค่ไปอบรมมาค่ะ..อิอิ คนนิสัยไม่ค่อยดี

เลยได้ไปอบรมแต่ขอบอกว่า..สนุกมากมายเลยค่ะได้ทั้งความรู้และความบันเทิงแถมได้ไปศุดอากาศดีๆใน

ป่าด้วยนะค่ะ

นู๋อุ้มไปเที่ยว..เทพสถิตมาค่ะได้เที่ยว ผาหำหด และน้ำตกไทรทอง และได้ไปดูต้นไม้พันปี..อิอิ ขอหวยมา

ด้วยนะค่ะ..เค้าบอกนู๋อุ้มว่าให้ขูดๆๆแล้วก็เอาแป้งทา..แล้วรอดูว่า..เราจะมองเห็นเลขอาราย..เหอะๆ

มองมะเห็นเลยค่ะ..

นู๋อุ้ม..ได้ไปนั้งถ่ายรูปที่ผาหำหด..ความรูสึกตอนนั้อยากจะบอกว่าทั้งกลัวทั้งกล้าเลยค่ะ..

แงๆๆช่วยนู๋อุ้มทีค่ะเอารูปลงไม่ได้อะอยากจะเอารูปลงให้ดูแต่มันเอาลงไม่ได้อะทำไงดีใครก็ได้ช่วยทีนะ

ค่ะ

ผาหำหด ผาชื่อโดนใจหลายๆคนที่ทั้งสูงและเสียว

แน่นอนว่าพระเอกของอุทยานแห่งนี้ก็คงจะต้องยกให้กับ ดอกกระเจียว(หลัก)ที่ออกดอกสีชมพูเข้มสด (ส่วนดอกกระเจียวที่ป่าหินงามจะมีสีชมพูระเรื่อและไม่สดเข้มเท่าที่ไทรทอง) บานดารดาษเต็มท้องทุ่ง ตัดกับสีเขียวของใบต้นเจียว ทุ่งหญ้า และผืนป่า ส่วนนางเอกของที่นี่ก็คงจะหนีไม่พ้นทุ่งดอกกระเจียวสีขาวที่หาดูได้ยาก แต่ว่าก็มีขึ้นแซมอยู่เป็นจุดๆในอุทยานฯแห่งนี้

ใครที่ตั้งใจไปชมทุ่งดอกกระเจียวยังอุทยานฯไทรทองแล้ว หากจะลงเดินเพียงไม่กี่สิบก้าวแล้วถ่ายรูปคู่กับดอกกระเจียวเพียงดอก สองดอก ผมว่ามันก็ดูจะกระไรอยู่ เพราะไหนๆก็อุตส่าห์ดั้นด้นไปแล้ว ทางที่ทีควรลงเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายชมทุ่งดอกกระเจียวให้ครบทั้งหมดจะดีกว่า เพราะเส้นทางชมทุ่งนั้นก็ไม่ได้ยาวไกลและลำบากยากเย็นเกินไป

เรียกว่าเดินไป ชมไป ก็ให้อารมณ์เพลิดเพลินดีแท้ ยิ่งใครไปเดินกับแฟนหรือเดินกับคนที่รู้ใจก็ยิ่งโรแมนติกเหลือหลาย

สำหรับเส้นทางที่ใช้เดินชมทุ่งดอกกระเจียวนั้น จุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดเป็นคนละจุดกัน โดยเมื่อเริ่มออกเดินไปได้สักพักก็จะพบกับจุดชมวิว“ผาพ่อเมือง”ที่ในวันฟ้าเปิดมองลงไปจะเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของจังหวัดชัยภูมิที่ดูไม่ขี้เหร่เลย แต่ก็ดูเหมือนว่าผาพ่อเมืองจะโดนขโมยซีนไปหมด เพราะใกล้ๆกันนั้นมีหน้าผาที่มีชื่อเสียดแทงใจชายตั้งโดดเด่นอยู่

“ผาหำหด” ...จ๊าก!!! คือชื่อผาที่ถือเป็นหนึ่งในจุดสนใจของเส้นทางนี้และเป็นผาที่ทางอุทยานฯภูมิใจนำเสนอ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับ พี่มานิต เพชรล้ำ อดีตหัวหน้าอุทยานไทรทองที่เป็นคนตั้งชื่อหน้าผาแห่งนี้

โอ้ว...พระเจ้าจอร์จ...ผานี้ไม่เพียงมีชื่อที่โดนใจหรือเสียดแทงใจเท่านั้น แต่บรรยากาศที่ผาแห่งนี้ก็เจ๋งเอาเรื่อง คือเป็นหน้าผาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 860 เมตร และสมบูรณ์ไปด้วยองค์ประกอบของจุดชมวิวริมผา คือมีผาหินตัดเรียบ มีต้นไม้ 1 ต้นขึ้นอยู่ข้างๆ เป็นฉากหน้าในการถ่ายรูป ส่วนฉากหลังก็เป็น ผืนป่าเขียว เป็นเมือง และทิวทัศน์อันกว้างไกลของ อ.ภักดีชุมพล

แต่ที่ถือว่าเสียวโดนใจใครต่อใครก็คือ หากใครได้ไปนั่งหรือยืนบนชะง่อนหินที่ยื่นออกไปแบบคนเดียวโดดเดี่ยว มีเพียงเรากับแท่นหิน(ไม่ควรยืนเกิน 2 คน เพราะว่าชะง่อนผาแคบ) โดยมีเบื้องล่างเป็นเหวลึกนั่นแหละ ถือเป็นสิ่งที่ต้องจดจำไปพักใหญ่ เพราะมันทั้งสูงทั้งเสียว แต่ว่าไอ้ความยิ่งสูงยิ่งเสียวนี่ มันก็เหมือเป็นการกระตุ้นให้คนอยากลองไปนั่ง-ยืน พิสูจน์จิตใจกันไม่น้อย เพราะผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เมื่อขึ้นไปยืนบนชะง่อนผาแล้ว ความรู้สึก ณ อารมณ์นั้นที่สัมผัสได้นอกจากความเสียว ก็คือ “ความหด” ซึ่งช่างสมกับชื่อของผาหำหดจริงๆ

อ้อ!?! สำหรับที่ผานี้ ใครที่เป็นโรคแพ้ความสูง ผมขอแนะนำว่าอย่าเสี่ยงเลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวเกิดไปหน้ามืดตรงชะง่อนผาขึ้นมาแล้วจะยุ่งไม่น้อย ส่วนใครที่ใจกล้าไม่กลัวความสูงก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเหมือนกัน เพราะหากตกลงไปก็จะทำให้อายุของเรานั้นหดสั้นตามชื่อหน้าผาไปด้วย