ชอง ชาค รุสโซ (Jean Jacques Reusseau) กล่าวไว้ว่า “ จะเริ่มต้นเขียนจดหมายรัก เราต้องเริ่มที่ไม่รู้ว่า เราตั้งใจจะพูดว่าอะไร และจบจดหมายโดยที่ไม่รู้ว่า เราได้เขียนอะไรไป ”๑
กานต์วลี ผมขอบอกกานต์ เป็นครั้งสุดท้ายว่า ผมไม่ได้เขียนจดหมายรัก เพราะความรักของเราถึงเวลาที่จะสิ้นสุดแล้ว เมื่อกานต์ดึงเขาคนนั้นเข้ามาสู่ชีวิตของเรา
ผมเข้าใจดีว่า รูปแบบแห่งชีวิตของคนเรานั้นมีไม่เหมือนกัน กานต์มีโลกอันสดใสของกานต์ ผมก็มีมุมที่เงียบสงบเรียบง่ายของผม ผมอยากจะอธิบายให้กานต์เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างเราสองคน รวมทั้งเขาคนนั้น เพื่อที่จะได้เข้าใจว่า ทำไมผมจึงเดินจากมา
“..ความร่าเริงแห่งความรักของเราสดใสไม่กี่ชั่วขณะ แต่ความปวดร้าวของความรักยืนยาวชั่วชีวิต.”
ผมขอเปรียบเทียบเรื่องของเรา เข้ากับระบบเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจก็มีหลายรูปแบบ กล่าวกันว่ามวลประเทศในโลก มีความแตกต่างกันในด้านการปกครอง สังคม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อ จึงทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจ แตกต่างกันตามความเหมาะสม ซึ่งสามารถแบ่งระบบเศรษฐกิจ ออกเป็น ๔ ระบบ เหมือนกันกับเรื่องของเรา มี ผม กานต์ เขาคนนั้น และทางเลือกสุดท้าย
ผม เปรียบเหมือน เศรษฐกิจแบบแรก ที่เรียกว่า แบบทุนนิยม (Capitalism) หรือแบบเสรีนิยม เป็นแบบเศรษฐกิจที่ให้สิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชนมากที่สุด ในการเลือกและตัดสินใจ ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ประชาชนมีสิทธิในทรัพย์สินต่าง ๆ ที่แสวงหามา โดยรัฐไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือแทรกแซง เหมือนกับผม ผมให้อิสรเสรีทางความคิดแก่กานต์เสมอ ผมไม่เคยบีบบังคับให้กานต์ทำอะไรตามใจที่ผมปรารถนา
ย้อนกลับมาที่ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมกันก่อน กิจกรรมทางเศรษฐกิจดำเนินไปโดยผ่านกลไกของราคา คือราคาเป็นตัวกำหนดบทบาททางเศรษฐกิจ ราคาสูง ผู้ผลิตก็ผลิตสินค้าออกมามาก ขณะที่ราคาตกต่ำก็ลดการผลิตลง ส่วน กิจกรรมทางด้านความรักของผม ดำเนินผ่านหัวใจที่เสรีและซื่อสัตย์ ไม่มีเหตุและผล ซึ่งสมควรแล้วที่ความรักของเราต้องจบลง กานต์วลี เศรษฐกิจแบบนี้จะมีการแข่งขันกันมาก ดังนั้นผู้ผลิตแต่ละรายก็จะพัฒนาคุณภาพและวิธีการผลิตของตนเองอยู่เสมอ ก็ให้เกิดผลดีและเกิดผลเสียตามมา คือ ความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้ ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนมีมากขึ้น ผู้ผลิตรายใหญ่มักได้เปรียบผู้ผลิตรายย่อย นายทุนมุ่งหากำไรเป็นสำคัญ
กานต์วลี ผมกำลังนึกถึงตัวผม การให้อิสรเสรีแก่ความรักของผม กำลังส่งผลที่เลวร้ายต่อผมในวันนี้ แต่ช่างเถอะ มันคงจะจบลงในไม่ช้า
นี่ คือ ผมผู้เสรี ดังระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ส่วนกานต์ล่ะ กานต์วลี
กานต์นั้น เหมือนเศรษฐกิจระบบที่สอง ที่ผมกำลังจะกล่าวถึง คือ ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ (Communism) เป็นระบบเศรษฐกิจที่ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของรัฐ ประชาชนไม่มีสิทธิหรือเสรีภาพในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆ รัฐบาลเป็นผู้วางแผนการผลิตการบริโภค รวมทั้งการตั้งราคา ไม่มีระบบกลไกของราคา ประชาชนถูกจำกัดสิทธิในการประกอบอาชีพ ผลประโยชน์ต่าง ๆ รัฐจะแบ่งปันให้ประชาชน ประชาชนไม่สามารถเลือกได้
กานต์ ระบบนี้ นี่ มันกานต์ ชัด ๆ กานต์รวบอำนาจแห่งความคิด ความรัก และทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่กานต์ โดยไม่รับรู้ถึงความรู้สึก ความต้องการ ของคนที่รักกานต์ มีคนกล่าวว่า
“ ความรักของมนุษย์ มักเป็นการพบปะของความอ่อนแอ ของคนสองคน…”
ความอ่อนแอ อาจจะใช่สำหรับผม แต่คงไม่ใช่สำหรับ กานต์ !
กานต์รู้ไหม ถึงแม้ว่าระบบคอมมิวนิสต์ จะมีส่วนดี เช่น ความเสมอภาค ไม่มีการผูกขาดของผู้ผลิตหรือผู้บริโภค แต่ข้อเสียก็มี เมื่อไม่มีสิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆ ในผลิตผล ก็ขาดแรงจูงใจในการผลิต ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเลือกอาชีพและการบริโภค ไม่มีระบบการแข่งขัน การดำเนินการทางเศรษฐกิจจึงไม่เจริญก้าวหน้า
กานต์เคยนึกถึงข้อเสียของการที่ทุกคนต้องยอมต่ออารมณ์การเปลี่ยนแปรของกานต์ได้หรือไม่ กานต์คงจะไม่เคยรับรู้ ผมจะค่อย ๆ อธิบายให้กานต์ฟัง
ระบบแบบที่สาม ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism) ผมขอเปรียบเทียบกับเขาคนนั้น ของกานต์ เขาคนนั้น คนที่กานต์รักเขาด้วยสมอง ต่างกับผม ที่รักกานต์ด้วยหัวใจ กานต์วลี กานต์ลองมาทำความเข้าใจกับระบบสังคมนิยมก่อนเถอะ ระบบนี้เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขช่องว่างระหว่างความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางด้านรายได้ของคน ซึ่งเป็นผลเสียมาจากระบบทุนนิยมและให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนเพิ่มขึ้นกว่าระบบคอมมิวนิสต์ เหมือนเขาคนนั้น ที่เข้ามาแทรกในช่องว่างระหว่างความรักของสองเรา
ระบบสังคมนิยม รัฐบาลจะเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต เป็นผู้วางแผนและควบคุมการผลิตในกิจการที่สำคัญและนำรายได้มาจัดสรรเป็นสวัสดิการให้แก่ประชาชนในสังคม เช่น ด้านการแพทย์ การศึกษา เป็นต้น ข้อดีก็คือ การกระจายรายได้มีความเป็นธรรม การแข่งขันเพื่อแสวงหากำไรสูงสุดนั้นไม่มี ข้อเสีย ผู้บริโภคมีอิสรภาพไม่เต็มที่ ดำเนินธุรกิจได้เฉพาะกิจการขนาดเล็กเท่านั้น…..หรือที่กานต์ทุ่มเทรักเขา ก็เพียงเพื่อสวัสดิการที่เขาหยิบยื่นให้…
ต่อไป เป็นทางเลือกที่ 4 ที่ผมเคยคิดอยากจะให้กานต์เลือก ในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกว่า ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economic ) เป็นเศรษฐกิจที่รัฐบาลและประชาชนจับมือกัน เป็นการนำเอาลักษณะสำคัญของระบบเสรีนิยมและแบบสังคมนิยม มาใช้ด้วยกัน คืออะไรที่เอกชนทำได้ ก็ให้เอกชนทำ อะไรที่เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัย กระทบต่อส่วนรวม รัฐบาลจะเข้ามาดำเนินการเอง ทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมในการวางแผนประเทศ ข้อดี คือ เอกชนมีบทบาททางเศรษฐกิจ ข้อเสีย เช่น การดำเนินงานของรัฐมักขาดประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นข้อดีข้อเสียได้จากประเทศไทยเรานี่เอง..
อย่างไรก็ตาม… ผมคงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องราวความรักระหว่างเราอีกแล้ว พอกันที
กานต์วลี
“ คุณจะหัวเราะและไร้ความปรานี ในขณะเดียวกันไม่ได้ ”
You cannot laugh and be unkind at the same time.๑
ลืมอดีตเสียให้หมด
อภิษฐา
ขอบคุณคะที่บรรยายแบบว่างงๆ
ขอโทษครับ ที่ทำให้คุณงง
เข้าใจว่าที่งง เพราะคุณวะลิต มาเริ่มอ่านเอาฉบับที่สอง
ความจริงแล้ว กานต์วลีเศรษฐศาสตร์ เขียนเพื่อใช้สอนจริงในวิชาเศรษฐศาสตร์พอเพียง
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ของโรงเรียนสทิงพระวิทยา จังหวัดสงขลา ครับ
เขียนเป็นจดหมายรัก ระหว่างชายหญิง แล้วพยายามสอดแทรกความรู้ทางด้านเศรษฐศาสตร์
และสาระการดำเนินชีวิต เข้าไป
นักเรียนชอบครับ และขอโทษครับที่ทำให้คุณงง