หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

สะท้อนความในใจ(3)


“ในพื้นที่ใดก็ตามที่ไม่มีพื้นที่ให้ ความคิดที่แตกต่าง สามารถดำรงเคียงข้างอยู่ได้ มองเห็นว่าความคิดที่แตกต่างคือทางตันที่ไม่มีทางออมชอม มีแต่ตนเองที่ไม่ต้องการแตกหัก แต่คนอื่นต้องการแตกหักและคนอื่นนั้นพยายามทำลายความเชื่อที่ไม่เหมือนของตนเอง การอยู่ร่วมกันในพื้นที่เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้”

ขอบอกตามตรงว่า ฉันไม่มั่นใจว่า เธอจะกรุยผ่านความกดดันในด้านการทำงานที่เธอมีอยู่ไปได้ ด้วยดูเหมือนว่าสภาวะจิตของเธอมองปัญหานี้เป็นอุปสรรคนิรันดร์ ที่มีขนาดเท่าภูเขามหึมา ไม่มีแม้ทางที่จะอ้อมปีนไป  มันดูเหมือนว่าเมื่อเธอหาทางปีนข้ามไป และลองปีนดูแล้วตกลงมาจนเกิดความเจ็บ ก็เกิดความกลัว จนไม่ยอมใช้ปัญญาค้นหาแม้แต่ร่องรอยเล็กๆที่จะขุดอุโมงค์หรือช่องทางปีนใหม่ที่จะข้ามไปได้ง่าย  เพื่อที่จะได้ก้าวปีนต่อไปให้ก้าวข้ามสำเร็จ มันดูเหมือนว่าความกลัวทำให้เธอมองเห็นไปว่า ความช่วยเหลือที่ได้ส่งมาให้แล้วนั้น เป็นอาวุธที่กำลังทำลายล้างเธอ ในขณะที่ผู้ส่งความช่วยเหลือมาให้นั้นมีเจตนาที่จะให้ความช่วยเหลือเพราะรู้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือจึงยินดีที่จะทำให้การอยู่ร่วมเพื่อช่วยเหลือเป็นไปได้  เหตุการณ์ที่คุณหมอให้เธอลาป่วยยาวนานนั้นเล่า มันทำให้เกิดภาพสะท้อนว่า ผู้ช่วยเหลือที่เข้ามา เป็นผู้ร้ายที่ทำให้เธอเกิดปัญหา การเข้ามาอยู่ร่วมนั้นเพื่อทำร้ายเธอมิใช่เพื่อช่วยเหลือเลย 

แล้วฉันก็พบคำตอบที่ฉันกำลังค้นหาอยู่ที่ทำให้เกิดความเข้าใจในเหตุการณ์ที่มองเห็นอยู่  คำตอบนั้นมีว่า

ในพื้นที่ใดก็ตามที่ไม่มีพื้นที่ให้ ความคิดที่แตกต่าง สามารถดำรงเคียงข้างอยู่ได้ มองเห็นว่าความคิดที่แตกต่างคือทางตันที่ไม่มีทางออมชอม มีแต่ตนเองที่ไม่ต้องการแตกหัก แต่คนอื่นต้องการแตกหักและคนอื่นนั้นพยายามทำลายความเชื่อที่ไม่เหมือนของตนเอง  การอยู่ร่วมกันในพื้นที่เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้

ฉันว่ามันถึงเวลาที่ฉันคงต้องยอมรับว่า หากจะให้เธอกลายเป็นนักรบในอุดมคติได้ ฉันจำเป็นต้องปล่อยให้เธอมีประสบการณ์กับ อุดมคติ นั้นซะแล้ว แม้ว่าจะรู้ว่า ประสบการณ์ที่เธอจะพบเจอมันจะเข้มข้นไปด้วยความบีบคั้นและกดดันอย่างแรง และไม่มีความช่วยเหลือไว้ช่วยกำบังอีกแล้ว ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว ฉันก็ต้องปล่อยให้เธอได้ค้นหาตัวเองจนเจอว่า สภาวะจิตของเธอนั้นเป็นทุกข์เรื่องอะไร ทำไมเธอจึงทุกข์กับมัน เธอกำลังค้นหาคำตอบอะไรให้กับตัวเองหรือ

ฉันเองก็คงต้องเตือนตัวเองให้ปล่อยวางและมองแบบแขวนไว้ ฟังแบบแขวนไว้ ในเรื่องใดๆที่ จะเจอและเรียนรู้ต่อไป เพื่อจะได้เข้าใจในความเป็นคนได้มากขึ้น  ขอบคุณบันทึกที่ช่วยให้ฉันได้เจอกับคำตอบในรุ่งเช้าของวันใหม่   ซึ่งทำให้นอนหลับตาลงได้โดยดี

ฉันว่าฉันยังมีเรื่องที่ต้องค้นหาคำตอบต่อไปให้กับตัวเองเกี่ยวกับความรู้สึกบางอย่างที่มันรับแรงสะเทือนของคลื่นความรู้สึกของคนที่กำลังคุยอยู่ต่อหน้าได้ทุกครั้งในทีเผลอของฉันว่า  มันเป็นกลไกของอะไรกันแน่ ไอ้เจ้าความรู้สึกที่ว่านี้มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดด้วยความไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร  มันไม่ได้มีอะไรมาปรุงแต่งให้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ว่าหน่อย แล้วทำไมอยู่ดีๆมันก็แวบมาให้รับรู้ พอตั้งใจจับจ้องดูมันกลับแล่นหนีหลบไป  ที่ต้องการค้นหาเพื่อทำความรู้จักมันในฐานะที่มันแวบมาหาบ่อยซะจนอึดอัดๆๆๆๆๆพิกล  จะได้ทำให้มันเป็นเพื่อนที่เมื่อได้อยู่ใกล้กันแล้วมันเกิดความผ่อนคลาย

11 ก.ย.2551

หมายเลขบันทึก: 208280เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2008 10:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

มาอ่านต่อและส่งกำลังใจให้ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท