na_nu
ดร. สุวรรณา ถาวรรุ่งโรจน์

เนื้อเยื่อขาดเลือด


สมองขาดเลือด

เนื้อเยื่อของคนเราต้องการออกซิเจนและสารอาหารที่มากับเลือด หากเส้นเลือดอุดตัน ฉีกขาดหรือถูกกดทับจนไม่สามารถส่งเลือดมาถึง เนื้อเยื่อจุดนั้นก็จะขาดเลือด หากยังไม่สามารถแก้ไข เหมือนกับก๊อกน้ำที่ยังปิด น้ำก็ไม่ไหลมาที่จุดนั้น เนื้อเยื่อก็ตาย เกิดอะไรขึ้นอีกหละ เนื้อเยื่อตรงนั้นก็ทำหน้าที่ไม่ได้แล้ว แล้วยังมีการอักเสบและบวมอีก ลามต่อไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ จากเนื้อเยื่อก็ใหญ่โตจนถึงอวัยวะ อักเสบบวมทั้งอวัยวะ แล้วอวัยวะนั้นก็แย่

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเนื้อเยื่อส่วนใดที่ขาดเลือดก็ต้องรีบแก้ไข ยิ่งเร็วยิ่งดี พยายามดึงเนื้อเยื่อกลับคืนมาให้มากที่สุด แข่งกับเวลา เนื้อเยื่อที่ขาดเลือดแล้วถึงชีวิตในเวลาอันรวดเร็วเป็นอวัยวะที่ชี้เป็นชี้ตาย นั่นคือสมองและหัวใจ ในปัจจุบัน จึงใช้วิธีการทะลวงด้วยสารพัดวิธี เพื่อจัดการกับตะกังที่อุดท่อ ทำให้น้ำไหลไปได้ ถ้าเป็นหลอดเลือดก็อาจสอดสายเข้าไป ปลายสายมีลูกโป่ง และ/หรือมีขดลวด กดให้สิ่งที่อุดตันให้แบนหรือปั่นให้เละ แล้วกวาดออกมา แต่นั่นใช้เวลามากไป เพราะเรากำลังแข่งกับมัจจุราช ดังนั้นการใช้ยาเข้าไปละลายลิ่มเลือดที่อุดกั้นหลอดเลือดจะเร็วที่สุด แต่ไม่สามารถใช้ในทุกราย เพราะยานี้จะใช้ได้ผลเมื่อเนื้อเยื่อขาดเลือดไม่นาน คือน้อยกว่า 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เริ่มมีอาการจนมาถึงโรงพยาบาล เพราะยาชนิดนี้มีอันตรายมากเช่นกัน เพราะนอกจากละลายลิ่มเลือดแล้วก็ทำให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น เลือดออกง่ายและหยุดยากนั่นเอง ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่ต้องเสี่ยงที่จะให้ยา ดังนั้นความรู้ของประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับอาการสมองขาดเลือดจึงสำคัญมาก เพราะจะรู้ว่าต้องรีบมาโรงพยาบาล ส่วนบุคลากรต้องรู้เช่นกันว่าอาการแบบนี้นะ แล้วรีบเตรียมยามาให้เลย

อาการคร่าวๆ ที่บอกว่าสมองขาดเลือด 1 ปากเบี้ยวทันทีทันใด 2 พูดไม่ปกติ เช่นลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด พูดไม่ออก พูดไม่รู้เรื่อง เกิดขึ้นทันทีทันใด 3 แขนและหรือขา อ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง เกิดทันทีทันใด อาจยังขยับได้แต่หนักๆ ชาๆ  ถ้าพบอาการใดอาการหนึ่งรีบโบกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลทันที แต่ก็ควรเป็นสถานพยาบาลที่มีแพทย์และยาด้วยนะคะ ตรงนี้แหละเป็นจุดอ่อนของวงการสาธารณสุขท่ทำให้อัตราตายและพิการจากโรคสมองยังคงสูงมาก ในเพศหญิงไทย การตายด้วยสาเหตุหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุอันดับหนึ่ง ส่วนเพศชายเป็นอันดับสาม

เมื่อปัญหาใหญ่โตเกินกว่าเราจะแก้ไขได้เอง จึงต้องหันมาช่วยตนเองดีกว่า(อะ ..อย่าคิดเรื่องอื่น) หันมาป้องกันโรคไงหละ เรากินอะไรเราจะรับผลจากสิ่งนั้น เราก็หันมากินสิ่งที่ไม่เป็นโทษต่อเนื้อเยื่อทั้งหลายโดยเฉพาะหลอดเลือดของเรา ด้วยการลดอาหารที่ทำจากน้ำมันจากสัตว์ ลดอาหารหวาน และหยุดเหล้าหยุดบุหรี่ ที่สำคัญมากที่สุดคือการออกกำลังกาย พอพูดถึงออกกำลังกายเราต้องคิดว่าเราต้องใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบ แล้วก็ต้องมีสนาม มีอุปกรณ์กีฬา มีเพื่อน มีทีม และมีเวลา พอคิดแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น เพราะติดขัดไปเสียหมด คิดใหม่ค่ะ...ออกกำลังกายด้วยเสื้อผ้าชุดที่เราใส่อยู่นั่นแหละ ง่ายๆ เลย เดิน เดิน และเดิน แต่เดินให้เร็วกว่าปกติและนานกว่าปกติ รวมทั้งเดินทุกวัน เมื่อไม่เหนื่อยมาก ก็เพิ่มระยะเวลา ระยะทาง เพิ่มความเร็ว เพิ่มจำนวนวัน แล้วทำสม่ำเสมอ ไปจนกว่าจะเจ็บหรือตาย ไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่ม ไม่ต้องอ้างว่าไม่มีเวลา ไหวมั้ยคะ

ในผู้ที่มีเนื้อสมองขาดเลือด ทั้งจากหลอดเลือดสมองตีบหรือหลอดเลือดฉีกขาด จะมีอาการต่างๆ ตามตำแหน่งของโรคบนเนื้อสมอง เพราะสมองแต่ละส่วนทำหน้าที่ต่างกัน เมื่อส่วนนั้นบวมอักเสบก็ทำหน้าที่ไม่ได้เช่นสมองที่ควบคุมการพูด ก็พูดไม่ออก สมองควบคุมแขนขาก็ทำให้ยกแขนขาไม่ไหว สมองที่ควบคุมการทำงานของการกลืนก็ทำให้น้ำลายไหลสอ กลืนไม่ได้แม้แต่น้ำลาย ผู้ที่เป็นโรคสมองมักจะกลืนลำบาก ทำให้ขาดอาหาร ดังนั้นญาติต้องพยายามป้อน โดยอาหารที่เหมาะสมไม่ใช่อาหารน้ำๆ แต่เป็นอาหารเหลวข้น จะได้ไม่สำลัก ก่อนเริ่มอาหารให้ฝึกกลืน โดยให้ผู้ป่วยหายใจเข้า ก้มหน้าคางชิดอก กลั้นไว้ กลืนน้ำลาย ยกคางขึ้นแล้วหายใจออก จนสามารถกลืนน้ำลายได้ จึงเริ่มอาหารนะคะ เมื่อจะป้อน ให้ผู้ป่วยนั่ง ศีรษะตรง ถ้าทำเองไม่ได้ต้องหาอะไรหมุน ป้อนทีละนิดๆ ให้ผู้ป่วยเคี้ยว ก้มหน้าคางชิดอก กลั้นหายใจแล้วกลืน แล้วกระตุ้นให้ไอหลังจากกลืน  นอกจากฝึกการกลืนบ่อยๆแล้ว ยังต้องฝึกความแข็งแรงของลิ้น โดยให้แลบลิ้นยาวๆ กวาดลิ้นไปตามริมฝีปาก ไปมุมปาก แตะกระพุ้งแก้ม และฝึกเคาะลิ้น เพราะลิ้นช่วยการกลืนด้วยค่ะ (แล้วจะกลับมาเพิ่มเติมค่ะ)

หมายเลขบันทึก: 207852เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2008 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 11:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอบคุณสำหรับความรู้ และคำแนะนำ ดีดีค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท