เด็กคือ อนาคตของชาติทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคำกล่าวในเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงโดยแท้และในปัจจุบันนี้เด็กต้องได้
รับการคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
เด็ก หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส
พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มีหลักการสำคัญ คือ การระดมทรัพยากรทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมดูแล ปกป้อง คุ้มครองเด็ก โดยอาศัยการดำเนินงานแบบสหวิชาชีพเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก กฎหมายฉบับนี้ได้วางระบบการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และการส่งเสริมความประพฤติของเด็กนักเรียนและนักศึกษา และส่งเสริมหน้าที่ความรับผิดชอบของครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ในการร่วมมือกันคุ้มครองเด็ก โดยไม่พึ่งทรัพยากรจากภาครัฐแต่เพียงฝ่ายเดียว
หัวใจของกฎหมายนี้อยู่ที่มาตรา 23
กล่าวคือ ผู้ปกครองต้องให้การอุปการะเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองของตนสมควรแก่
ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น แต่ทั้งนี้ต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความ
ปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ
............อย่างไรก็ตามกฎหมายนี้มีมาตรฐานการเลี้ยงดูเด็กขั้นต่ำออกมา โดยมีหลักการ ดังนี้
1. ด้านกฎหมาย เด็กได้รับการจดทะเบียนเกิด มีผู้ปกครองตามกฎหมายต้องได้เรียนหนังสือภาคบังคับ
2. ด้านสภาพแวดล้อมทางสังคม เด็กต้องอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ของชุมชนและสังคมนั้น
3. ด้านสภาวะของเด็ก
เด็กต้องได้รับการเลี้ยงดูให้มีสุขภาพที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจรวมถึงได้เรียนรู้ด้านจริยธรรม
............พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ไม่ใช่กฎหมายเพื่อลงโทษผู้ปกครอง แต่มีเจตนาสนับสนุนให้ผู้ปกครองเลี้ยงดูบุตรได้ โดยไม่ขัดต่อประเพณีปฏิบัติอันดีงาม โดยรัฐพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวเมื่อจำเป็น กฎหมายนี้จึงเป็นเสมือนคู่มือสะท้อนให้ผู้ปกครองตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และสิ่งอันควรปฏิบัติ เพื่อสามารถเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพและปลอดภัย........
อนาคตของเยาวชนอยู่ในกำมือของพวกเราเหล่าครูครับ หากครูชี้ทางไปที่ถูก นักเรียนก็เดินทางไปเจาอนาคตที่สดใสครับ MoRnIng ครับ พี่ขวัญ