ยิงอะตอมให้ชนกันในวันพุธนี้ ไม่ทำโลกหายนะ


10 ก.ย. 51 โลกจะแตกจริงหรือ

ยิงอะตอมให้ชนกันในวันพุธนี้ ไม่ทำโลกหายนะ

นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เครื่องเร่งอนุภาค ซึ่งจะยิงอะตอมให้ชนกันในวันพุธนี้ จะไม่ทำให้เกิดหลุมดำกลืนกินโลกอย่างแน่นอน


มีการร่ำลือวิตกวิจารณ์กันด้วยว่า เครื่องเร่งอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่ หรือแอลเอชซี (LHC-Large Hadron Collider) จะทำให้เกิดอนุภาคประหลาด ซึ่งจะแปรสภาพโลกให้กลายเป็นมวลสารพิลึกกึกกืออะไรสักอย่าง

แอลเอชซีจะสร้างสภาพที่เลียนแบบการชนกันของอนุภาค ซึ่งเกิดขึ้นอยู่แล้วตามธรรมชาติเมื่อโลกเคลื่อนตัวผ่านรังสีคอสมิกพลังงานสูง

นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ธรรมชาติได้ทำให้เกิดการชนกันของอะตอมแบบเดียวกับเครื่องแอลเอชซีประมาณ 1 แสนเครื่องอยู่แล้ว แต่โลกก็ยังอยู่ดี ไม่มีการบุบสลายแปรสภาพ

รายงานการประเมินนี้เป็นของทีมนักฟิสิกส์ 5 คนที่ควบคุมเครื่องแอลเอชซี ขององค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป หรือเซิร์น (CERN) ในกรุงเจนีวา

เซิร์นได้ขอให้นักฟิสิกส์ชุดนี้ประเมินความปลอดภัยตามรายงานของนักวิทยาศาสตร์ของเซิร์นเมื่อปี 2546 ซึ่งได้รับรองว่า โครงการนี้มีความปลอดภัย นำไปสู่การเปิดไฟเขียวให้ทำการทดลองได้

แอลเอชซี ซึ่งตั้งอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินยาว 27 กิโลเมตร บนพรมแดนฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์ จะเริ่มปล่อยอนุภาคโปรตอนในวันพุธนี้ เพิ่งเริ่มกระบวนการทดลอง

ลำอนุภาค 2 ลำ ซึ่งถูกปล่อยสวนทางกัน จะพุ่งเข้าชนกันในอุโมงค์รูปวงแหวนที่ว่านี้ ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง

ตลอดอุโมงค์รูปวงแหวนมีแม่เหล็ก 4 จุด ทำหน้าที่เบี่ยงเบนลำอนุภาค เพื่อให้กลุ่มโปรตอนพุ่งเข้าชนกันในห้องขนาดยักษ์ ซึ่งมีอุปกรณ์ตรวจจับไว้คอยบันทึกผลลัพธ์ ซึ่งจะมีอนุภาคย่อยเกิดขึ้น
อนุภาคจิ๋วซึ่งจะเกิดขึ้นและสลายตัวไปในเวลาชั่วเสี้ยวของเสี้ยววินาทีเหล่านี้ จะช่วยไขปริศนาของสิ่งที่ใหญ่ที่สุด นั่นคือจักรวาล และอาจตอบคำถามด้วยว่า "มิติอื่น" ที่อยู่นอกเหนือมิติของเรามีอยู่จริงหรือไม่

รายงานประเมินความปลอดภัยฉบับนี้บอกว่า ถ้ามีหลุมดำเกิดขึ้นก็จะมีขนาดจิ๋ว และสลายตัวไปในทันที เพราะขาดพลังงานที่จะทำให้มันคงอยู่หรือขยายตัวได้

รายงานฉบับนี้ตีพิมพ์ในวารสารฉบับหนึ่งของสถาบันฟิสิกส์ กรุงลอนดอนที่ผ่านมา ฝรั่งเศสได้ขอให้องค์การความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ช่วยประเมินความปลอดภัยของเซิร์นด้วย

เมื่อ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปในเมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ได้ปฏิเสธคำฟ้องของนักเคลื่อนไหวที่ขอให้หยุดยั้งการทดลองนี้

นักวิทยาศาสตร์กำลังรอลุ้นว่า มนุษย์จะสามารถไขความลับของจักรวาลได้หรือไม่.

ข้อมูล : ไทยโพสต์


การทดลองทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ มันยิ่งใหญ่มาก เป็นสิ่งที่หากทำสำเร็จจะเกิดการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของมนุษย์เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงควรทำศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไว้บ้าง

-LHC ย่อมาจากอะไร
Large Hadron Collider เป็นโครงการทดลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการศึกษาเกี่ยวกับการหาที่มาของต้นกำเนิดจักรวาล

- Hadron คืออะไร
มันคือ สถานะของพันธะชนิดหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวอนุภาค quarks เข้าไว้ด้วยกันซึ่งแรงที่ยึดนี้เป็นแรงแบบ strong nuclear force คล้ายคลึงกับแรง electromagnetic ที่ทำการยึดเหนี่ยว Atom ไว้นั้นเอง
อนุภาคhadrons ที่รู้จักกันดีก็ประกอบด้วย protons และ neutrons

-ขอคำนิยามสั้นๆของเป้าหมายการทดลองนี้
LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาค จุดประสงค์ก็เหมือนเครื่องเร่งอนุภาคอื่นๆ ที่ CERN และ LAB อื่นๆ ทั่วโลก คือ เอาไว้ศึกษา Particle Physics/ High Energy Physics ที่ต้องสร้างเครื่องใหม่ก็เพื่อจะเพิ่มขีดความสามารถให้เร่งอนุภาคได้พลังงานสูงขึ้น

ตามทฤษฏีทางฟิสิกส์อนุภาค ได้ทำนายอนุภาคชนิดใหม่ๆ หรือพฤติกรรมใหม่ๆ ของอนุภาคและแรง ในระดับพลังงานสูงๆ
LHC ก็เอาไว้ทำการทดลองเพื่อทดสอบทฤษฏีพวกนี้

-ทดลองแล้วมีโอกาสเสี่ยงเกิดปัญหาหลุ่มดำไหม

หลุมดำที่ว่าอาจจะเกิด เรียกว่า Primordial Black Holeเป็นหลุมดำขนาดจิ๋ว ที่ไม่เสถียร จะสลายตัวไปในทันทีที่เกิดขึ้นมา และตามทฤษฏีจริงๆ ระดับพลังงานของ LHC ก็แค่ใกล้เคียงระดับที่จะเกิด Primordial BH เท่านั้น (คือเป็นไปได้ว่าจะเกิด)

PBH (หลุมดำจิ๋ว) ตามทฤษฏี Hawking Radiation คำนวนไว้ว่าหลุมดำมีการแผ่รังสีออกมา ยิ่งหลุมดำมวลน้อยๆ ยิ่งแผ่รังสีออกมามาก แผ่ออกมามาก ก็หมายถึงมันสลายตัวไปเร็วไม่เกิดหลุมดำที่เสถียร



- ในวงการวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องน่าสนใจมาก แต่ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วๆเขาควรจะตื่นตัวกับการทดลองนี้ไหม ? มันสำเร็จหรือไม่มันส่งผลยังไงกับเขา?

ทดลองเพื่อทดสอบให้รู้ว่า ทฤษฏีมันถูกต้องหรือเปล่า
ถ้าผิด ก็จะได้ล้มทฤษฏีเดิม หาทฤษฏีใหม่ ถ้าถูก ก็พัฒนากันต่อไป จะออกมาทางไหนก็ไม่เรียกว่า fail
ทุกผลการทดลองหรือคิดค้นสิ่งใหม่ๆของนักวิทยาศาสตร์นั้นส่งผลต่อการดำรงค์ชีวิตของคนเราทั้งนั้น
แต่ว่าจะรู้หรือไม่นั้นก็อีกเรื่องนึง เช่นโทรทัศน์จอคอมที่เราๆท่านๆใช้อยู่ ใครจะคิดละว่าเป็นวิวัฒนาการมาจาก
Physic เรื่อง electromagnetic ทั้งนั้นดังนั้น หากการทดลองนี้สามารถพิสูจน์และไขที่มาของกำเนิดจักรวาลได้ อาจจะเสมือนเป็นก้าวใหญ่ให้มนุษย์เราเรียนรู้ และสามารถพัฒนาเทคโนโลยีในนิยายต่างๆเช่นเครื่อง ย้อนเวลา หรือเครื่องย้ายมวลสารต่างๆก็เป็นได้

-ข่าวล่าสุด (ที่มา - esciencenews.com)

CERN ได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะเดินเครื่องเร่งอนุภาค Large Hadron Collider (LHC) ในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ ข่าวนี้มาพร้อมกับระยะทำเครื่องให้เย็นหลังจาก CERN ได้ประสบความสำเร็จในการข้อสรุปในการเดินเครื่องเร่งอนุภาคตัวใหม่ สถานีโทรทัศน์ได้ทำรายงานครอบคลุมตั้งแต่เการเริ่มเดินเครื่องผ่านทางสถานี Eurovision LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่มีกำลังมากสุดในโลก สร้างลำแสงอิเล็กตรอนที่มีพลังงานมากกว่า 7 เท่าของเครื่องเก่า และมีความเข้มมากกว่า 30 เท่าเมื่อไปถึงประสิทธิภาพที่คาดหวังไว้ในปี 2010 อุโมงค์ขนาด 27 กิโลเมตรที่เป็นท่อลำแสง LHC อิงเทคโนโลยีที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เครื่อง LHC ในปัจจุบันจึงเปรียบเสมือนเครื่องต้นแบบในตัวมันเอง

วงการวิทยาศาสตร์ไม่หยุดยั้งในการคิดค้นจริงๆ และนี่ก็เป็นการทดลองครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของมวลมนุษยชาติ ลองคิดเล่นๆดูสิว่าถ้ามนุษย์สามารถไขความลับของจักรวาลได้อะไรจะเกิดขึ้น รวมลุ้นให้การทดลองครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้ในวันพุธที่ 10 ก.ย. นี้ เริ่มเดินเครื่องทดลอง ในเวลา 15.30 น. เวลาในประเทศไทย แต่ในทางกลับกันถ้าการทดลองไม่ประสบความสำเร็จมนุษย์อย่างเราๆก็คงต้องได้รับผลกระทบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

รูปภาพ LHC จาก CERN

ติดตามรายละเอียดของการทดลองนี้ได้ที่ http://public.web.cern.ch/Public/Welcome.html

 


หมายเลขบันทึก: 207106เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2008 13:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

เป็นความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ที่จะยิ่งค้นสิ่งที่ไกลออกไป  ติดตามอยู่เช่นกันครับ

จำลองกำเนิดจักรวาลบนโลกมนุษย์!

ผมลองค้นดูเพิ่มเติม เห็นเค้าบอกว่าจะถ่ายทอดไปทั่วโลกผ่านทาง webcast.cern.ch ด้วยครับ ถ้าใครอยากดูภาพอุโมงค์ยิงอนุภาคของโครงการ LHC ลองเข้าไปดูที่ cdsweb.cern.ch/record/1112037

อันที่จริง มีโครงการของ CERN ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของโลกใบนี้มาแล้วอย่างคาดไม่ถึง และพวกเราก็กำลังใช้งานมันอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับงานวิจัยอนุภาคโดยตรง นั่นคือ World Wide Web โดย Sir Tim Berners-Lee ผู้ให้กำเนิด World Wide Web และ HTML (ภาษาที่ใช้เขียนเว็บเพจ) เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว

สมองมนุษย์นี่ก็เก่งมากๆเลยเห็นด้วยไหมครับ สุดยอดเลย แต่ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะเอาชนะธรรมชาติได้หรือเปล่า ก็สมควรแล้วแหละ มีเกิดก็ต้องมีดับเป็นธรรมดา

ได้ความรู้มากเลย ขอบคุณนะค่ะที่นำมาเล่าให้ฟังไม่เคยรู้มาก่อนเลย

ในวงการวิทยาศาสตร์ มีเรื่องมากมายน่าสนใจมาก ถ้าเรารู้จักค้นคว้าค้นหา ก็จะได้เจอสิ่งดีๆมากมาย ขอบคุณสำหรับความรู้ดีใหม่ที่นำมาฝากนะครับ

ถ้าความคิดผิดก็ตายสิ

ถ้าสำเร็จก็ดีนะ แต่กล้วไม่สำเร็จจัง แต่ก็ขอให้สำเร็จนะ อย่าทำอะไรผิดพลาดล่ะ

เดี๋ยวจะไม่มีโลกอยู่ เอาใจช่วยนะคะ

อย่างงัยก็ฝากความหวังไว้ด้วยนะค๊ะ เพื่อชาวโลกทุกคน

ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยหรือว่าเกิดแต่เราไม่รู้ ประเภทภัยใกล้ตัวที่เรามองไม่เห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท