ชีวิตมนุษย์ เริ่มต้นจากสเปิร์มของผู้ชายบวกกับไข่ที่สุกแล้วของผู้หญิงจะเกิดจากความรักหรือไม่รักก็ตาม ไปปฎิสนธิกันในมดลูกของผู้หญิง เป็นเอมบริโอ หลังจากนั้นเซลล์ก็ทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตว์มาเป็น ตา หัวใจ แขนขา และอวัยวะต่างๆของร่างกาย เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ก็ออกมาลืมตาดูโลกที่สดใสสวยงามตามแบบฉบับที่พระเจ้าได้ทรงออกแบบจัดเตรียมไว้ให้มนุษย์ หลังจากนั้นก็เกิดการพัฒนา แบเบาะมาเป็นนั่ง จากนั่งมาเป็นคลาน จากคลานมาเป็นยืน จากยืนมาเป็นเดิน จากเดินมาเป็นวิ่ง และกระโดดตามลำดับ
ในชีวิตแต่งงานนั้นผู้หญิงต้องมีความอดทนสูงไม่เช่นนั้นปัญาหาต่างๆจะตามมาทันที และเป็นต้นเหตุของความสับสนวุ่นวายต่างๆตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าสามีจะหาทางออกโดยการไปมีผู้หญิงอื่น เที่ยว กินเหล้า ซึ่งผู้ชายนั้นไม่สนใจว่าถูกต้องหรือไม่แต่จะคำนึงถึงว่าถูกใจหรือเปล่า นี่แหละเป็นสาเหตุของความอ่อนแอของสังคมล้วนแล้วแต่เริ่มต้นมาจากผู้ชายทั้งนั้น ธรรมชาติของผู้ชายนั้นเขามีความคาดหวังในชีวิตสูงไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในชีวิตหน้าที่การงาน การเงิน อยากรวย บางครั้งก็ใช้วิธีการที่ผิด บางครั้งถึงขั้นเกาะชายกระโปรงผู้หญิง เพื่อหวังสบาย ความรักนั้นก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการมาใช้ชีวิตร่วมกัน แต่เมื่อมาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา สิ่งต่างๆก็จะเปลี่ยนไป แต่นี่ก็เป็นธรรมชาตินะเรียกได้ว่ามันคือพัฒนาการของชีวิตที่เริ่มต้นจากวัยที่รับแต่สิ่งที่ดีๆ(วัยเด็ก) มาเป็นวัยแต่งงานมีครอบครัวและพัฒนามาเป็นวัยของความทุกข์ยากลำบาก ความลำบากนั้นมาจากไหนหละ ก็มาจากที่เมื่อคนสองคนมาอยู่ร่วมกันแล้วก็จะเห็นนิสัยที่ไม่ดีบางอย่างของฝ่ายตรงข้ามแล้วจับมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต ลืมมองส่วนดีของคู่ครอง ซึ่งเมื่อเอามาชั่งน้ำหนักแล้วอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เมื่อต่างคนต่างมองแต่ข้อเสียของกันและกัน ปัญหาต่างๆตามมาทันที เช่น รูปร่างหน้าตา เมื่ออยู่ด้วยกันซักพักก็เอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือ ภรรยาของเพื่อน ความรู้การศึกษาบางคนเมื่อเรียนปริญญาโทภรรยายังอยู่ระดับชั้นปริญญาตรีก็อยากได้ภรรยาที่เรียนสูงกว่านั้น มาดูด้านหน้าที่การงานกันบ้างเมื่อไปถึงที่ทำงานก็เห็นผู้ที่มีหน้าที่การงานดีกว่าก็ชอบพอ ปัญหาชู้สาวในที่ทำงานก็ตามมา บางคนภรรยาเก่งและมีความสามารถมากกว่าก็ไม่พอใจเพราะในใจนั้นตระหนักอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ผู้หญิงต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้ถึงจะไม่ถูกก็ตาม บางคนก็ใช้ภรรยาเยี่ยงทาส สรุปแล้วถ้าผู้หญิงไม่อดทนสังคมก็พัง บางครั้งผู้หญิงก็ต้องไปเป็นที่ระบายอารมณ์ความใคร่ของผู้ชาย ไม่มีงานทำก็ต้องไปเป็นโสเภณี ถ้าผู้ชายมีความพอเพียงในเรื่องกามารมณ์ อาชีพนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
บางครั้งได้รับการปิดกั้นโดยไม่ให้ออกไปทำงานไม่ให้อิสระเสรีภาพในการตัดสินใจ มนุษย์จะรู้ตัวเองว่าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้บ้าง บางคนเหมาะที่จะเป็นแม่บ้าน และบางคนก็ไม่เหมาะที่จะเป็นแม่บ้าน บางคนถนัดงานนอกบ้าน แต่ก็จะมีผู้ชายบางคนที่กีดกั้นไม่ให้ทำเช่นนั้น อ้างว่าต้องดูแลลูก ดูแลบ้าน ที่สำคัญต้อง ดูแลตัวเขานั่นแหละเอง อันที่จริงแล้วควรที่จะให้อิสระภาพซึ่งกันและกันถึงจะถูกต้อง และไม่เอาสิ่งที่ตัวเองพบเจอมาใช้กับคนในบ้าน เช่น ตำรวจทหารที่มีลูกน้องก็เอาระบบนั้นมาใช้กับคนในครอบครัว มันเป็นการบีบบังคับจนเป็นเหตุทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างลำบาก เกิดการไม่เข้าใจกัน บางคนก็เอาญาติติโกโหติกาเข้ามาวุ่นวายในครอบครัวแล้วผลักภาระให้กับผู้เป็นภรรยาเป็นผู้ดูแลทั้งหมด แต่ถ้าญาติพี่น้องรู้หน้าที่ตัวเองว่าต้องทำอะไรบ้างรู้จักช่วยงานบ้างก็จะดีทีเดียว แต่โดยมากมาแล้วมักทำตัวเพื่อเป็นภาระ บางครั้งหยิบจับข้าวของเครื่องใช้ก็เก็บไม่เข้าที่ทำบ้านรกอีกต่างหาก ไม่รู้จักเก็บกวาดช่วยในสิ่งที่ตัวเองทำมีแต่รอให้เจ้าของบ้านมาทำให้
เมื่อรู้สึกหิวก็รอว่าเมื่อไหร่อาหารจะมา สิ่งเหล่านี้ถ้านานๆครั้งก็ไม่เป็นไรถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้านที่จะต้องดูแล แต่ถ้ามาอยู่อาศัยตั่งแต่ 3 วันขึ้นไปถือว่าเป็นการอยู่ชั่วคราว บางครั้งก็มาอยู่เป็นอาทิตยสองอาทิย์ก็ต้องรู้จักที่จะต้องช่วยงานบ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งคุยกันและพูดถึงแต่คนอื่นที่ดีกว่าตัวเองและเอาใปรียบเทียบโดยไม่เห็นคุณค่าของคนที่อยู่ด้วย บางครั้งการพูดพล่อยๆไร้สาระโดยไม่คิดนั้นเป็นสิ่งที่ไปทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยไม่ตั้งใจ อันที่จริงแล้วคนเราไม่ว่าจะเป็นสามีภรรยาหรือญาติพี่น้องก็ต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกันถึงจะอยู่ด้วยกันได้ อย่าผลักภาระให้คนอื่น บางครั้งแม้แต่การเดินทาง ขนของแม้แต่นิดเดียวก็ทำให้เป็นภาระไปหมดซะทุกเรื่อง เพราะไม่อยากหิ้วเองอายคนอื่นไม่รู้จะอายไปทำไม บางครั้งการพูดจะทำอะไรก็ไม่มีความยุติธรรม เอาแต่ฝ่ายพี่น้องญาติของตัวเอง แต่ถ้าเป็นญาติทางฝ่ายตรงข้ามก็จะแสดงความไม่พอใจทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ถือเป็นการคาดโทษ
ผู้หญิงก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านต้องขอเงินสามีใช้วันใดที่ทำอะไรไม่ถูกใจสามีก็จะถูกต่อว่าอย่างไม่ให้เกียรติ คุณผู้ชายก็ถือว่าตัวเองทำงานนอกบ้านเหนื่อยมามากแล้ว ก็คิดว่าผู้หญิงไม่ได้ทำงานเหมือนตัวเอง ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้หญิงทำงานด้วยสิถึงจะถูกต้องศักดิ์ศรีของความเป็นคนก็กลับมา แต่ขณะเดียวกันถ้าผู้ชายคิดว่าผู้หญิงอยู่บ้านทำงานบ้าน บ้านเรือนสะอาด ดูแลลูก ดูแลสามี อาจมีขาดตกบกพร่องบ้างนิดหน่อยให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แบบนี้ก็ทำให้ผูหญิงรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามีศักดิ์ศรีได้เหมือนกัน
มาเยี่ยมคุณครับ....คม...นะครับ
ขอบคุณค่ะ คุณดอกรัก ดอนตรอ เพลงที่คุณแต่งก็สุดยอดนะค๊ะ