สรุปผลการวิจัย
1. บริบททั่วไปของบ้านเหล่าราษฎร์พัฒนา หมู่ที่ 11 ตำบลประชาพัฒนา เดิมชื่อบ้านหนองเหล่า อยู่ในพื้นที่ปกครองตำบลโพธิ์ชัย อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ต่อมาได้เปลี่ยนตำบล จากตำบลโพธิ์ชัย มาเป็นตำบลประชาพัฒนา ตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ประวัติเดิม คือ ประมาณปี พ.ศ. 2422 พ่อกวนเมืองซ้าย ได้อพยพผู้คนจากบ้านน้ำค้ำมาพบทำเลป่าทึบ มีต้นยางใหญ่ ต้นพันชาดมากมาย มีหนองอยู่ตรงกลาง คือ “หนองเหล่า” มีลำห้วยไหลผ่าน มีปลาอุดมสมบูรณ์จึงตั้งหลักปักฐานโดยนำปู่ตามาตั้งศาลไว้สักการบูชา และเรียกชื่อตามบ้านหนองน้ำคือ “หนองเหล่า” ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2536 หมู่บ้านขยายใหญ่ขึ้นจึงแยกปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านเหล่าราษฎร์พัฒนา หมู่ที่ 11 ด้านประชากรปัจจุบันมีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 74 หลังคาเรือน ประชากร 329 คน แยกเป็น ชาย 172 คน หญิง 157 คน มีการตั้งถิ่นฐานและความเป็นอยู่เหมือนกับชุมชนชนบทอีสานทั่วๆ ด้านเศรษฐกิจประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักทำนา และมีที่ทำกินเป็นของตนเอง ด้านการศึกษาของชาวบ้าน เหล่าราษฎร์พัฒนา มีโรงเรียน 1 แห่ง ซึ่ง เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนในระดับประถมศึกษา สังกัดเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขตที่ 2 มีชื่อว่า โรงเรียนบ้านหนองเหล่า ประชาชนส่วนใหญ่จบการศึกษาภาคบังคับ ด้านศาสนาและวัฒนธรรม ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธและมีการปฏิบัติตามประเพณีอีสานฮีตสิบสอง ครองสิบสี่ ด้านการเมืองการปกครองมีผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันคือ นายเกตุศักดิ์ ชินภักดี และเป็นกำนันตำบลประชาพัฒนาด้วย ซึ่งได้รับคัดเลือกขึ้นมาตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยมีการกระจายอำนาจการปกครองในรูปของคณะกรรมการหมู่บ้าน และในชุมชนยังมีการรวมกลุ่มองค์กรเพื่อดำเนินกิจกรรมร่วมกันที่หลากหลาย เช่น กลุ่มฌาปนกิจศพ กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มเลี้ยงหม่อนไหม กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองเกษตรผสมผสาน กลุ่มกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มร้านค้าชุมชน กลุ่มธนาคารหมู่บ้าน / กองทุนเงินล้านกลุ่มผลิตปุ๋ยชีวภาพ กลุ่มทองทุนแก้ไขปัญหาความยากจน (กข.คจ.) กลุ่มเพาะเห็ด และกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร เป็นต้น และในส่วนบริบทชุมชนที่ส่งผลต่อการดำเนินงานพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง มีขั้นการดำเนินงาน คือ ศึกษาชุมชนและค้นหาทีมแกนนำ ได้กลุ่มเป้าหมายที่แสดงความประสงค์และมีความพร้อมเข้าร่วมโครงการได้แก่กลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร และมีทีมแกนนำเข้าร่วมเป็นทีมวิจัย 20 คน และได้จัดทำแผนการดำเนินงานการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของกลุ่มองค์กรชุมชนในการพัฒนาองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง 1 ปี ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก คือ ด้านการบริหารจัดการกลุ่ม ด้านการผลิต ด้านการตลาด และด้านการเงินการบัญชี ทำให้กลุ่มมีทิศทางการพัฒนาตนเอง และนำไปสู่การจัดทำเครื่องมือตัวชี้วัดความสำเร็จในการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานทำให้กลุ่มองค์กรชุมชนมีตัวชี้วัดความสำเร็จประกอบไปด้วย 1. ด้านการผลิต / คุณภาพผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 2. ด้านการบริหารจัดการกลุ่มและเครือข่าย 3. ด้านการเงินบัญชีและระบบข้อมูล 4. ด้านการตลาด 5. ด้านสิ่งแวดล้อม 6. ด้านสังคมและวัฒนธรรม และ 7. ประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจชุมชน และผลจากประเมินผลกลุ่มองค์กรชุมชนก่อนการดำเนินงาน พบว่าปัจจุบันกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร มีปัญหาคือ กระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพ สาเหตุขาดเครื่องมือและความรู้ทักษะในการผลิต จุดเด่นมีโครงสร้างการบริหารจัดการกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง จุดด้อยกลุ่มยังไม่สามารถขยายตลาดในวงกว้างได้ แนวทางแก้ไข พัฒนากระบวนการผลิตขนมจีนด้วยการฝึกอบรมศึกษาดูงาน และจัดหาเครื่องมือในการผลิต ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้วิจัยจะนำไปวางแผนพัฒนากลุ่มในขั้นตอนต่อไป
2. การพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนในการบริหารจัดการสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง ได้มีการผลักดันให้กลุ่มองค์กรได้นำแผนการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้อย่างจริงจัง โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน คือ สร้างความตระหนักในการดำเนินงาน ด้วยวิธีการจัดกิจกรรมให้กลุ่มองค์กรชุมชนได้ไปศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบในการพึ่งตนเอง เรื่องการทำขนมจีนสมุนไพร ณ ตำบลกะพง จังหวัดระยอง ผลที่ได้จากการดำเนินกิจกรรม สมาชิกกลุ่มมีความรู้ ความเข้าใจรูปแบบการดำเนินงาน กิจกรรมเป็นลักษณะการเรียนรู้แลกเปลี่ยน สอบถามกับวิทยากร ถึงกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการในการทำแป้งหมักขนมจีนสมุนไพร จากการสอบถามสรุปผลจากการศึกษาดูงานของโดยผู้วิจัย พบว่า สมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้และทักษะในการผลิตขนมจีนสมุนไพรมากขึ้น โดยเฉพาะการหมักแป้ง และการนวด การผสมสมุนไพร การโรยเส้น และจากการติดตามผลภายหลังการศึกษาดูงานกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตหลายอย่าง เช่น มีสมาชิกฝ่ายผลิตมาทำงานอย่างต่อเนื่องมากขึ้น กลุ่มได้สร้างเครื่องมือในการโรยเส้นขึ้นใหม่ ได้ทดลองนำสมุนไพรหลายชนิดมาผลิตทำให้สินค้ากลุ่มมีความหลากหลายมากขึ้น หลังจากนั้นผู้วิจัยได้ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ส่งผลให้กลุ่มองค์กรเป้าหมายดำเนินงานได้บรรลุตามเป้าหมายในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะด้านการผลิตกลุ่มสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มีความหลากหลายมากขึ้น และจากการสรุปบทเรียนและทบทวนแผนการดำเนินงาน ณ ศูนย์ข้อมูลหมู่บ้านบ้านเหล่าราษฎร์พัฒนา ตำบลประชาพัฒนา วิธีการดำเนินกิจกรรมผู้วิจัยแบ่งผู้เข้าร่วมออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ให้แต่ละกลุ่มย่อยไประดมสะท้อนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตามประเด็น ผลสำเร็จบทเรียนสำคัญ แนวทางขยายผล ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข พบว่า กลุ่มยังมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องดำเนินการวางแผนแก้ไขเพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้ 1) อบรมและศึกษาดูงานการบริหารจัดการกลุ่ม ณ ศาลาวัดบ้านหนองเหล่า 2) อบรมการทำน้ำยาขนมจีนสูตรมาตรฐาน ที่ทำการกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร 3) โครงการอบรมการตลาด ที่ทำการกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร 4) อบรมการเงินบัญชี ณ ที่ทำการกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร ผลการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมส่งผลให้สมาชิกกลุ่มองค์กรมีความรู้ ทักษะ และนำความรู้ที่ได้ไปปรับปรุงระบบงานของตนเอง ให้มีพัฒนางานที่ดีนำไปสู่การเป็นองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียงอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งผลการประเมินระหว่างดำเนินงาน พบว่า โดยภาพรวมกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพรมีพัฒนาการในการดำเนินงานระหว่างดำเนินการอยู่ในระดับสูง คือ อยู่ในระดับดีมาก โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการกลุ่ม ด้านการตลาด และด้านการเงินบัญชี
3. ผลการประเมินศักยภาพของกลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง
พบว่า โดยภาพรวมกลุ่มองค์กรชุมชนมีความสามารถต่อการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง อยู่ในระดับปานกลาง โดยพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการจัดการทรัพยากร ด้านสุขอนามัยในชุมชน ด้านศาสนาวัฒนธรรมประเพณีโดย ด้านความรู้การเรียนรู้ชุมชน ด้านการบริหารชุมชน/แผนชุมชน ด้านองค์กรชุมชน/กลุ่มอาชีพ
ด้านความรู้ความสามารถผู้นำ ด้านความรู้เด่นในชุมชนและด้านเครือข่ายความร่วมมือ
โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง
อภิปรายผล
จากผลการวิจัยการประเมินโครงการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง บ้านเหล่าราษฎร์พัฒนา หมู่ที่ 11 ตำบลประชาพัฒนา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม มีประเด็นที่น่าสนใจนำมาอภิปรายผลการวิจัยได้ ดังนี้
1. การดำเนินงานพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง มีขั้นการดำเนินงาน คือ ศึกษาชุมชนและค้นหาทีมแกนนำ ได้กลุ่มเป้าหมายที่แสดงความประสงค์และมีความพร้อมเข้าร่วมโครงการได้แก่กลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร และมีทีมแกนนำเข้าร่วมเป็นทีมวิจัย และได้จัดทำแผนการดำเนินงานการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมของกลุ่มองค์กรชุมชนในการพัฒนาองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง 1 ปี ซึ่งประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก คือ ด้านการบริหารจัดการกลุ่ม ด้านการผลิต ด้านการตลาด และด้านการเงินการบัญชี ทำให้กลุ่มมีทิศทางการพัฒนาตนเอง และนำไปสู่การจัดทำเครื่องมือตัวชี้วัดความสำเร็จในการ ประกอบไปด้วยตัวชี้วัดย่อย 8 องค์ประกอบ และผลจากประเมินผลกลุ่มองค์กรชุมชนก่อนการดำเนินงาน พบว่าปัจจุบันกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพร มีปัญหาคือ กระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพ สาเหตุขาดเครื่องมือและความรู้ทักษะในการผลิต จุดเด่นมีโครงสร้างการบริหารจัดการกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง จุดด้อยกลุ่มยังไม่สามารถขยายตลาดในวงกว้างได้ แนวทางแก้ไข พัฒนากระบวนการผลิตขนมจีนด้วยการฝึกอบรมศึกษาดูงาน และจัดหาเครื่องมือในการผลิต จากการศึกษาบริบทชุมชนทำให้พบว่ามีข้อมูลกลุ่มองค์ชุมชนอยู่บ้างแล้วเนื่องจากชุมชนเคยมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้ชุมชนมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริบททั่วไป นอกจากนี้คนในชุมชนยังได้พัฒนาตนเอง และเรียนรู้ในการทำงาน การเป็นผู้ดำเนินรายการ การจัดเวทีชุมชน ส่งผลให้หลายคนสามารถดำเนินการประชุม และจัดระดมสมองกลุ่มย่อย มีความรู้ในการจดบันทึกการประชุม การจับประเด็น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลทำให้การดำเนินงานการพัฒนาองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง
2. การพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนในการบริหารจัดการสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง พบว่า ได้มีการผลักดันให้กลุ่มองค์กรได้นำแผนการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง ไปใช้อย่างจริงจัง โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน คือ สร้างความตระหนักในการดำเนินงาน ด้วยวิธีการจัดกิจกรรมให้กลุ่มองค์กรชุมชนได้ไปศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบในการพึ่งตนเอง ทำให้สมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้และทักษะในการผลิตมากขึ้น และจากการติดตามผลภายหลังการศึกษาดูงานกลุ่มมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตหลายอย่าง เช่น มีสมาชิกฝ่ายผลิตมาทำงานอย่างต่อเนื่องมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มองค์กรเป้าหมายดำเนินงานได้บรรลุตามเป้าหมายในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะด้านการผลิตกลุ่มสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้มีความหลากหลายมากขึ้น และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตามประเด็น พบว่า กลุ่มยังมีปัญหาอุปสรรคที่ต้องดำเนินการวางแผนแก้ไขเพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง โดยการอบรมและศึกษาดูงานการบริหารจัดการกลุ่ม การอบรมการตลาด อบรมการเงินบัญชี
ผลการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมส่งผลให้สมาชิกกลุ่มองค์กรมีความรู้ ทักษะและนำความรู้ที่ได้ไปปรับปรุงระบบงานของตนเอง ซึ่งผลการประเมินระหว่างดำเนินงาน พบว่า โดยภาพรวมกลุ่มแปรรูปขนมจีนสมุนไพรมีพัฒนาการในการดำเนินงานระหว่างดำเนินการอยู่ในระดับสูง คือ อยู่ในระดับดีมากและมีพัฒนาการสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการกลุ่ม ด้านการตลาด และด้านการเงินบัญชี ที่เป็นเช่นนี้เพราะการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนในการบริหารจัดการสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง ใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมโดยผู้วิจัยได้นำเทคนิควิธีการที่หลากหลายมาใช้ และเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการร่วมวางแผน ร่วมการปฏิบัติด้วยการลงมือปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ ร่วมติดตามประเมินผล และร่วมรับผิดชอบ ส่งผลให้การดำเนินงานเกิดการเรียนรู้ร่วมกันจากคนในชุมชน และมีความรู้สึกความเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน เช่น การระดมทุนจากสมาชิก การประชุมประจำเดือน นอกจากนี้การพัฒนาบนพื้นฐานที่เป็นศักยภาพจุดเด่น และความต้องการของชุมชนก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่นำไปสู่บทเรียนการพัฒนาที่ประสบผลสำเร็จ เช่น ในชุมชนมีวัตถุดิบ คือ ข้าว สมุนไพร แล้วนำมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่านอกจากจะเป็นการลดรายจ่ายให้กับสมาชิกกลุ่มแล้ว ยังเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย
3. ผลการประเมินศักยภาพของกลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง
พบว่า โดยภาพรวมกลุ่มองค์กรชุมชนมีความสามารถต่อการพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียง อยู่ในระดับปานกลาง โดยพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการจัดการทรัพยากร ด้านสุขอนามัยในชุมชน ด้านศาสนาวัฒนธรรมประเพณีโดย ด้านความรู้การเรียนรู้ชุมชน ด้านการบริหารชุมชน/แผนชุมชน ด้านองค์กรชุมชน/กลุ่มอาชีพ
ด้านความรู้ความสามารถผู้นำ ด้านความรู้เด่นในชุมชนและด้านเครือข่ายความร่วมมือ
โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้เพราะกลุ่มอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการดำเนินกิจกรรม และแสวงหาองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองจึงส่งผลให้การดำเนินงานของกลุ่มในระยะนี้ยังไม่สามารถพึ่งตนเองได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เช่น วัตถุดิบถึงแม้ว่าในชุมชนจะมีข้าวแต่สมาชิกกลุ่มก็ยังขาดองค์ความรู้ในการทำแป้งหมักขนมจีน และอุปกรณ์ เครื่องมือ จึงส่งผลให้กลุ่มต้องพึ่งการนำเข้าแป้งจากโรงงานที่มีราคาแพงทำให้กลุ่มต้นทุนในการผลิตสูง แต่เมื่อมองถึงเอกสารหลักฐานร่องรอยการปฏิบัติงาน และแผนในการดำเนินงานของกลุ่มองค์กร พบว่า ทุกกิจกรรมล้วนมีเป้าหมายที่จะนำไปสู่การบรรลุตามตัวชี้วัดที่ตั้งไว้ในอีก 1 – 2 ปี ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าหากจะมีการผลักดันให้กลุ่มองค์กรสามารถดำเนินงานพัฒนากลุ่มองค์กรชุมชนแห่งการเรียนรู้สู่เศรษฐกิจพอเพียงได้
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
1.1 ปรับกระบวนทัศน์และสร้างวาทกรรมใหม่ในการพัฒนา โดยใช้ “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง” แนวคิดการพึ่งตนเอง เป็นแนวคิดกระแสหลักในการพัฒนาชุมชน โดยใช้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
1.2 จัดทำสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของชุมชนที่ประสบความสำเร็จเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้รูปแบบและวิธีการพัฒนาชุมชนซึ่งกันและกัน
2. ข้อเสนอแนะด้านวิชาการและการวิจัย
2.1 ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาสมรรถนะทางด้านวิชาการให้แก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ให้มีความรู้ ความสามารถ ในการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) หรือ การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) เพื่อให้สามารถเข้าไปส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ และมีการสรุปถอดบทเรียนเพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน
2.2 ควรมีการวิจัยในเชิงการถอดองค์ความรู้ ปัจจัยเงื่อนไขความสำเร็จในการสร้าง
และพัฒนาหมู่บ้านอยู่ดีมีสุขในต่างชุมชนให้มากขึ้น
3. ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติการ
3.1 การส่งเสริมกระบวนการพัฒนาชุมชน ควรมีการบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชนโดยอยู่บนพื้นฐานความสมัครใจของชุมชน และมีการประสานความร่วมมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุปบทเรียนในการทำงานร่วมกัน โดยการจัดเวทีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
3.2 สนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชนใช้แผนชุมชนเป็นแผนกำหนดทิศทางการพัฒนา
ชุมชนตามวิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์การพัฒนาที่พื้นที่กำหนด และมีการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ
เอกสารอ้างอิง
ฉลาด จันทรสมบัติ. (2547). การสร้างและพัฒนาเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อพึ่งพาตนเอง . มหาสารคาม : ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ฉลาด จันทรสมบัติและคณะ. (2548). รายงานทีมที่ปรึกษาทีมวิจัยสนามระยะที่ 3. มหาสารคาม :
ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้และเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก คณะ
ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
บุญส่ง หาญพานิช. (2546). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการความรู้ในสถาบันอุดมศึกษาไทย.
วิทยานิพนธ์ คด. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเวศ วะสี. (2545). เครือข่ายแห่งปัญญา. กรุงเทพฯ : ดีไซร์.
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม. (2546). การบริหารสังคม : ศาสตร์แห่งศตวรรษเพื่อสังคมไทย
และสังคมโลก. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน).
วิจารณ์ พานิช. (2547). การจัดการความรู้. กรุงเทพฯ : สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม
(สคส.).
เสรี พงศ์พิศ, วิชิต นันทสุวรรณ และจำนงค์ แรกพินิจ. (2544). วิสาหกิจชุมชน แผนแม่บท แนวคิด แนวทางตัวอย่าง ร่างพระราชบัญญัติ. กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญาไท.
ไม่มีความเห็น