ความสมหวังของพ่อ (ตอนที่ 2)


ความหวังดีเป็นการให้ที่ไม่เน้นหนักถึงการได้รับหรือได้คืน มันเป็นสิ่งที่สร้างความปิติและอิ่มเอมใจแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับ

ในตอนที่แล้วผมได้เกริ่นนำ และกล่าวถึงมุมมองของผมต่อ ความหวัง หรือ ความคาดหวัง ไปแล้ว อาจจะงงว่าแล้วไอ้ความสมหวังของผมมันอยู่ตรงไหน อดใจรอ อีกนิดนะครับ ขอผมได้กล่าวถึง ความหวังดี ซักหน่อย

ผมว่าความหวังดีเป็นปฐมบทแรกของการเป็นผู้ให้ที่ดีครับ เป็นการให้ที่ไม่มีข้อแม้ ที่ไม่ว่าจะเป็นในแง่รูปธรรม หรือ นามธรรมที่ก่อเกิดแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับก็ล้วนสร้างความปิติและอิ่มเอมใจแก่ทั้งสองฝ่าย โดยละวางการหวังผลตอบแทนหรือประโยชน์ หรือการเติมเต็มฝันส่วนตัวได้อย่างดี

จำตัวอย่างตอนที่แล้วที่ผมกล่าวถึงการทำบุญโดยการให้เงินแก่ขอทานหรือผู้ด้อยโอกาสได้ใหมครับ ลองเปลี่ยนมุมมองว่าถ้าผู้ที่มีโอกาสมากกว่า มีความหวังดีปรารถนาดีแก่ผู้ด้อยโอกาส บางครั้งการยิ้มให้ การทักทาย การให้โอกาสก็เป็นสิ่งที่สร้างความอิ่มเอมใจแก่ทั้งผู้ที่หวังดี และผู้ที่จะรับ ผมว่าการให้กำลังใจในบางโอกาสก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันอันเข็มแข็งแก่ชีวิตมนุษย์ได้มากโขเชียวหละ

เราเห็นความหวังดีได้ในทุกนาทีครับตั้งแต่ การช่วยเปิดประตูให้เมื่อมีคนถือของหนัก พาคนแก่หรือเด็กข้ามถนน เปิดประตูลิฟท์รอผู้ที่จะร่วมทางด้วย คุณย่าดันก้นเด็กน้อยตอนพยายามปีนขึ้นเก้าอี้  ป้าสมรขายของหน้าปากซอยแถมกล้วยแขกให้ 2 ชิ้นไปฝากเจ้าลูกชาย หรือแม้กระทั่งพี่ยามเป่านกหวีดเสียงดังเวลามีคนถอยรถจะไปทับแมว (แม้ว่าตามธรรมดาแกจะชอบนั่งสัปหงกอยู่บ่อยๆก็ตามที)

ผมโชคดีที่มีคนหวังดีอยู่รอบๆข้างเสมอตั้งแต่เด็กครับ จำได้ว่าตอนเหยียบแผ่นดินอเมริกาครั้งแรกก่อนคริสต์มาสไม่กี่วันเมื่อกว่า 15 ปีที่แล้ว ผมติดอยู่ที่เมืองออลันโด้แบบกระเหรี่ยงดอยติดเกาะ หอพักมหาวิทยาลัยที่จองไว้ก็ยังไม่เปิดจนกว่าหลังปีใหม่ เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยก็กลับบ้านหมดติดต่อใครไม่ได้ ส่วนเมืองออลันโด้ก็อยู่ห่างจากจากเมืองที่มหาวิทยาลัยผมอยู่ ภาษาอังกฤษก็ยังแตกฉานไม่เท่ากับเส้นผมที่แตกปลายของผมเลย ผมได้แต่นอนหง่าวอยู่แต่ในห้อง เมืองออลันโด้ (ซึ่งภายหลังก็พบว่าเมืองส่วนใหญ่ในอเมริกาถ้าไม่ใช่เมืองใหญ่มากๆก็จะเป็นเช่นเดียวกัน) มันกว้างและการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมันช่างต่างกับการที่ผมสามารถเดินหาบะหมี่เกี้ยวกินหน้าปากซอย ซ้อนมอเตอร์ไซด์ไปธุระ หรือโหนรถเมล์สาย 206 กลับบ้านที่กรุงเทพฯลิบลับ

ผมเดินมาคุยกับพนักงานโรงแรมที่เคาท์เตอร์ (เพราะไม่รู้จะทำอะไร) ผมได้สัมผัสกับความหวังดีหลังจากปล่อยภาษาอังกฤษแบบพี่ไทย สำเนียงฝรั่งต้องปรับความถี่หูไปซักพัก เค้าถามว่าอยากพบคนไทยบ้างใหม เค้ารู้จักร้านอาหารไทยอยู่ร้านหนึ่ง เดี๋ยวเขาติดต่อให้ แล้วเค้าก็ขับรถไปส่งผม ผมเชื่อว่าพนักงานคนนั้นคงไม่ได้คาดหวังอะไรจากการช่วยเหลือผมหรอกครับ เป็นความหวังดีที่มนุษย์มีต่อกัน และผมก็ไม่เคยได้เจอเค้าอีกเลย

คุณอาเจ้าของร้านไทยก็เปี่ยมไปด้วยความหวังดีครับ ให้ผมพักพิงที่บ้านแก (เพื่อประหยัดเงิน) จนกว่าจะเปิดเทอม และอนุญาติให้ผมช่วยงานร้านแกแก้เบื่อ แถมแกยังหาคนไทยที่อยู่ที่เมืองที่ผมจะไปจนเจอแล้วฝากผมติดรถไปด้วย ผมเชื่อเช่นเดียวกันครับว่า คุณอาแกไม่ได้มีความคาดหวังอะไร นอกจากความหวังดีที่มีต่อเพื่อนร่วมชาติ คุณอาท่านนามสกุล "ตู้จินดา" ครับ

เห็นหรือไม่ครับ ความหวังดีนำมาสู่ความอิ่มใจทั้งผู้ให้ และผู้รับ ทำให้โลกอุดมด้วยความเอื้ออาทรและจรรโลงจิตใจของทุกฝ่าย

เอาหละครับ ตอนหน้าผมจะมาพูดถึงความสมหวังในเรื่องที่สำคัญที่สุดของผมจากเจ้าหนูนาโน

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 20454เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2006 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 09:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
คุณปรองหายไปนานแล้วนะคะ รออ่านเรื่องหนูนาโนอยู่ค่ะ 3 ตอนแล้วยังไม่รู้จักเลย
คุณปรองหายไปเลยนะครับ รออ่านอยู่นะครับ กำลังเพลินเลย อ่านไป คิดตามไปด้วย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท