Umesh Vazirani (อูเมช วาสิรานี) นักวิทยาการคอมพิวเตอร์แห่งมหาวิทยาลัยเบิร์คลีย์ เลือก "ตกเครื่องบิน" ดีกว่าเสียเวลา.....(ไม่ใช่เครื่องบินตกนะครับ ท่านผู้อ่านอย่าเข้าใจผิด)
เขามักจะมีคำพูดติดปากว่า
"If you never miss a flight, you are spending too much time in the airport"
(ใครที่ไม่เคยตกเครื่องบิน คนๆนั้นเสียเวลาที่สนามบินมากเกินไปแล้ว)
คนทั่วไปมักจะกลัวการตกเครื่องบินมาก หากต้องบิน มักจะไปถึงสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อยเป็นชั่วโมงกันเสมอ..... แต่วาสิรานีมีคติประจำใจว่า คนเราไม่สามารถทำทุกอย่างพร้อมกันได้ ให้ลงแรงไปทำสิ่งที่สำคัญที่สุดมากที่สุด ....
จากข้อความข้างบน เขาต้องการสื่อว่า
อย่าไปให้ความสำคัญมากกับทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำให้สิ่งที่สำคัญที่สุดเราทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
โดยเขาเปรียบเทียบให้คนอื่นฟังเทียบกับเรื่องของเครื่องบิน เขาเปรียบเทียบว่า หากเราพยายามให้ความสำคัญกับการขึ้นเครื่องบินให้ทันเวลาทุกครั้ง เวลาที่เสียไปทั้งหมดรวมกันน่าจะได้อย่างน้อยหลายสิบชั่วโมงทีเดียว.....เอาไปเพิ่มให้เวลาทำงานอย่างอื่นที่สำคัญมากๆดีกว่า (เขาคงพูดบ้าๆไปแบบนั้น ผมเดาว่าชีวิตจริงของเขาอาจจะไม่เคยตกเครื่องบินจริงๆหรอกครับ)
ลูกศิษย์ของวาสิรานี ชื่อ Scott Aaronson (สก็อต อาร์รอนสัน) ได้นำคำพูดของอาจารย์เขามาถ่ายทอดให้คนอื่นๆได้รับทราบ และ เขาตั้งชื่อประโยคประชดประชันของอาจารย์เขาว่า Umeshism (อูเมชชิสซึม-- ประมาณว่า "ลัทธิของอูเมช") สก็อตได้จัดการแข่งขันประกวดแต่งประโยคอูเมชชิสซึมขึ้นมา มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการแข่งขันหลายสิบคน แต่ส่วนใหญ่จะแต่งประโยคแนวกวนประสาทกันน่ะครับ เช่น
If you’ve never been robbed, you’re spending too much time locking doors.
(ถ้าคุณไม่เคยถูกปล้น คุณเสียเวลาล็อกประตูมากเกินไปแล้ว)
If you’ve never hit the ground while skydiving, you’re opening your parachute too early.
(ถ้าคุณไม่เคยกระแทกพื้นตอนโดดร่ม คุณกระตุกร่้มเร็วเกินไปแล้ว)
If all your students graduate, then you’re spending too much time in your office.
(ถ้านักศึกษาที่คุณเป็นที่ปรึกษาทุกคนเรียนจบ คุณใช้เวลานั่งออฟฟิศนานเกินไปแล้ว)
สวัสดีค่ะ
ใช่ไหมคะ
สวัสดีครับครู้อ้อย :)
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ ... ผมเองก็เป็นคนแบบนั้นครับ ผมพยายามให้ความสำคัญกับทุกสิ่งที่ผมทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ....
แต่ในปัจจุบันมีคนดำเนินชีวิตตามแนว Umeshism เยอะมากนะครับ เช่น อาจารย์บางคนอาจจะเน้นหาเงินมากจนไม่ทุ่มเทให้กับการสอน ซึ่งผมเขียนด่าไปแล้ว :P
ผมไม่เห็นด้วยกับ Umeshism เท่าไหร่นักครับ :)
น้องชาย ปริญญา
ขอบคุณค่ะ ที่แวะไปเยี่ยมในบันทึกครูอ้อย
ครูอ้อยครับ,
Umeshism ก็คือสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อในบันทึกนี้ครับ มันคือหลักการที่ว่า "ให้ลงแรงให้มากที่สุดกับสิ่งที่สำคัญที่สุด" โดยเหตุผลคือ ถ้าเราพยายามที่จะทำทุกอย่างให้ดีมากๆ จะกลายเป็นว่า สิ่งที่สำคัญกับเรามากที่สุด เราอาจจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หลักการนี้เลยบอกว่า อะไรที่สำคัญน้อยกว่า ทำให้ดีเท่าที่พอจะผ่านไปก็พอแล้ว ... เช่นที่เขาเปรียบกับการขึ้นเครื่องบินไงครับ เจ้าของหลักการเขามองว่า หากเราให้ความสำคัญกับการพยายามขึ้นเครื่องบินให้ทัน 100% เราก็จะเสียเวลาไปมาก ตรงกันข้าม หากเราพยายามไปขึ้นให้ทันแค่ 95% (ไปก่อนครึ่งชั่วโมง) เราก็จะเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรอย่างอื่นที่สำคัญกว่าได้ครับ
แต่ผมไม่ได้ใช้ชีวิตตามหลักนี้หรอกนะครับ ....(ผมเกือบตกเครื่องบินหลายครั้งแล้ว แต่เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวมากกว่า .... ผมชอบไปสาย)
ส่วนเรื่องเรียนพิเศษ ....
สมัยผมเด็กๆ ผมเรียนพิเศษเยอะมากเลยครับ ถูกแม่บังคับให้ไปเรียน ...
แต่ตอนนี้ผมกลับเห็นด้วยกับหลักการของ "ค้นคว้าด้วยตนเอง" นะครับ ผมรู้สึกว่า เราเข้าใจเนื้อหามากที่สุดคือตอนที่นั่งคิด นั่งทำความเข้าใจด้วยตนเองนี่แหละครับ