1 สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน (อายุ 2-5
ปี) ควรมีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 6
เมตรพื้นที่ไม่น้อยกว่า 60 ตารางเมตร
ต่อจำนวนเด็กที่เข้าไปเล่นแต่ละครั้งไม่เกิน 20 คน
หรือคิดเป็นเนื้อที่เฉลี่ย 3 ตารางเมตรต่อเด็ก 1
คน
2 สนามเด็กเล่นสำหรับเด็กวัยเรียน (อายุ 6-12 ปี)
ควรมีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 8 เมตร
พื้นที่ไม่น้อยกว่า 80 ตารางเมตร
ต่อจำนวนเด็กที่เข้าไปเล่นแต่ละครั้งไม่เกิน 20 คน
หรือคิดเป็นเนื้อที่เฉลี่ย 4 ตารางเมตรต่อเด็ก 1
คน
โรงเรียนที่ครูดอย.คอมสอนอยู่นะค่ะ
ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทยูลินิเวอร์
(บรีส)สร้างสนามเด็กเล่นให้กับนักเรียน
นักเรียนในโรงเรียนจึงได้มีโอกาสได้เล่นเครื่องเล่นสนามที่มั่นคงแข็งแรง
เมื่อหลายปีก่อนบริษัทยางรถยนต์ก็ได้อนุเคราะห์สร้างเรื่องเล่นจากยางรถยนต์ให้
แต่ตอนนี้เหลือเพียงบางชิ้นเท่านั้นที่พอเล่นได้
หลังจากที่บริษัทยูลินิเวอร์ได้สร้างให้แล้ว
รองศาสตราจารย์ ชัชชัย โกมารทัต แห่งสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลานเล่นกีฬาของเด็กๆที่ถูกหลักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
ว่า
ขนาดของสนามเด็กเล่นที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับจำนวนของเด็กที่เข้าไปเล่น
อายุของเด็ก ชนิดและอุปกรณ์ของสนามเด็กเล่น การบริหารจัดการ
และการควบคุมดูแลเด็กในสนามเด็กเล่น ซึ่งมีความแตกต่างและผันแปรมาก
จึงไม่มีกฏตายตัวว่าขนาดของสนามเด็กเล่นควรเป็นเท่าไร
สนามเด็กเล่นที่ได้มาตรฐานควรประกอบด้วยองค์ประกอบดังนี้
1 พื้นที่สนามต้องราบเรียบ ทำด้วยวัสดุที่สามารถดูดซับพลังงาน
หรือมีความยืดหยุ่นที่ช่วยป้องกันการกระแทก ป้องกันอันตรายจากการตก
หกล้ม โดยเฉพาะบริเวณศีรษะของเด็กได้ดี เช่น พื้นทราย พื้นหญ้า
พื้นยางสังเคราะห์ เป็นต้น
2 มีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนเด็กที่ลงไปเล่น เหมาะสมกับวัย
ไม่หนาแน่น จนอาจเกิดอันตรายจากการชน ปะทะกัน
3 มีระบบระบายน้ำที่ดี น้ำไม่ขัง ไม่ลื่น ไม่อับชื้น
4 การออกแบบสนามเล่น การจัดอุปกรณ์เครื่องเล่น
ต้องเสริมสร้างคุณค่าทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม
และสติปัญญาให้เด็กได้พัฒนาตามวัย
และต้องตอบสนองความต้องการของเด็กตามวัยได้
5 อุปกรณ์เครื่องเล่น
ควรเน้นอุปกรณ์ประเภทที่ส่งเสริมให้เด็กได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างกระตือรือร้น
มากกว่าเครื่องเล่นประเภทเฉื่อยชา
6 อุปกรณ์เครื่องเล่นควรมีความหลากหลาย ทั้งประเภทเครื่องเดี่ยว
(Single) เครื่องชุดรวม (Complex or Multiple)
เครื่องเล่นประเภทส่งเสริมการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน
เครื่องเล่นพื้นบ้าน เครื่องเล่นสมัยใหม่
เครื่องเล่นส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เครื่องเล่นชนิดผจญภัย
เครื่องเล่นชนิดแฟนตาซี เป็นต้น
7 เครื่องเล่นทุกชนิด ต้องมีความปลอดภัยทั้งวัสดุที่ใช้ ขนาด
ลักษณะและวิธีการเล่น การติดตั้งต้องแน่นหนา ไม่เกิดการพลิกคว่ำ เอียง
เลื่อน หรือเคลื่อนตัวที่จะเป็นอันตรายต่อเด็ก
8 ต้องจัดให้มีพื้นที่เพื่อความปลอดภัย เช่นพื้นที่การตก
(Falling Space) ระยะว่างอิสระ (Free Space)
พื้นที่สัญจร (Traffic Space)
และพื้นที่ผ่อนคลาย (Relax Space)
9 จัดให้มีเครื่องหมายแสดงทิศทางการเล่น
ลำดับการเล่นทั้งภายในกลุ่มเครื่องเล่น ระหว่างกลุ่มเครื่องเล่น
และทางเข้า ทางออก อย่างชัดเจน
รวมถึงการจัดทำรั้วกั้นบริเวณพื้นที่สนามเด็กเล่นอย่างเหมาะสม
10 จัดให้มีคำอธิบายวิธีการเล่นง่าย ๆ
พร้อมภาพประกอบเพื่อความเข้าใจง่าย ๆ ข้อควรระวังที่พึงปฏิบัติ
หรือข้อห้ามในบริเวณที่ควรห้ามอย่างเหมาะสม
11 จัดให้มีบริเวณนั่งรอของผู้ปกครอง
ที่สามารถมองเห็นทั่วทุกส่วนของสนามเด็กเล่นได้อย่างทั่วถึงชัดเจน
12 จัดให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องเล่น
สนามเล่นเป็นประจำ ทุกวัน ทุก 3 เดือน
โดยเจ้าหน้าที่ประจำสนาม
และควรมีการตรวจเช็คประจำปีโดยเจ้าหน้าที่เทคนิคผู้ชำนาญด้วย
13 ควรมีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเด็กประจำสนามเด็กเล่น
เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอันตรายจากการเล่นได้ทันท่วงที
อุปกรณ์เครื่องเล่นที่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สนามเด็กเล่นมาตรฐานควรจะมี
ประกอบด้วย
1. อุปกรณ์ปีนป่าย บันได เช่น บันไดโค้ง บันไดลิง บันไดตาข่าย
บันไดโซ่ บันไดยางรถยนต์ ผนังหิน ผนังหน้าผา ผนังโค้ง เสารูด
หรือเสาผจญเพลิง เชือกสำหรับปีนแนวดิ่ง แนวเฉลียง แนวนอน
2 อุปกรณ์ห้อยโหนราว เช่น ราวโหน ห่วงโหน
เชือกโหนแบบทาร์ซาน
3. อุปกรณ์ลื่น กระดานลื่น อุโมงค์ลื่น อุโมงค์ลอด
4. อุปกรณ์ไกว เช่นชิงช้าหมุนรอบแกนเดียว ชิงช้าแกว่งหน้าหลัง
ชิงช้าหมุนรอบตัว
5. อุปกรณ์ทรงตัวเช่น คานไม้ทรงตัว เดินทรงตัว สะพานเชือก
สะพานโซ่ สะพานไม้ท่อนเดียว
6 อุปกรณ์เคลื่อนไหว เช่น แท่นหมุน ม้าหมุน ม้าโยก ไม้กระดก
หรือ กระดานกระดก
แท่นยืนเดินลูกกลิ้ง
7 อุปกรณ์ชุดรวม รวมอุปกรณ์เครื่องเล่นต่าง ๆ
มาจัดรวมกันเป็นชุดเดียว โดยแบ่งแยกตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์
แต่ละชนิดคนละทิศทางโดยใช้สะพาน ทางเดิน ท่อ หรือ ชานพัก
มาเป็นตัวเชื่อมอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
เวลาที่เหมาะสมสำหรับเด็กในการใช้สนามเด็กเล่น
ควรเป็นดังนี้
1. เวลาในชั่วโมงเรียน เช่นชั่วโมงวิชาพลศึกษา กีฬา
กิจกรรมพิเศษ มีครูคอยควบคุมดูแล
มีความปลอดภัยสูงในการเล่น
2. เวลาว่างทั่วไปในวันธรรมดา เช่นตอนเช้าก่อนเข้าเรียน
พักกลางวัน เวลาเย็นหลังเลิกเรียนระหว่างรอผู้ปกครอง ค่อนข้างปลอดภัย
เพราะยังมีครูหรือผู้ใหญ่คนอื่นอยู่ภายในบริเวณใกล้ ๆ
3. เวลาว่างในวันหยุด เช่นเวลาว่างในวันเสาร์-อาทิตย์
ค่อนข้างอันตราย เพราะไม่มีผู้ใหญ่อยู่ดูแล หากจะเล่นควรชวนผู้ปกครอง
ผู้ใหญ่ไปด้วย หรืออย่างน้อยควรมีเพื่อนที่โตกว่าไปด้วย
ประโยชน์ของสนามเด็กเล่น
1. เป็นสถานที่ผ่อนคลายความเครียดให้แก่เด็ก ๆ
2. เป็นสถานที่สร้างเสริมความแข็งแรง
ความสมบูรณ์ทางกายและความฉลาดทางการ เคลื่อนไหวร่างกายแก่เด็ก ๆ
(PQ)
3. เป็นสถานที่สร้างเสริมความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ
การคิดพิจารณา อย่างมีเหตุผล ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางสติปัญญา
(IQ)
4 . เป็นสถานที่สร้างเสริมความกล้า ความพยายาม ความพึงพอใจ
ความสนุกสนาน ช่วย พัฒนาจิตใจ และอารมณ์ของเด็ก (EQ)
5. เป็นสถานที่สร้างเสริมความสัมพันธ์กับเพื่อน ท้องถิ่น ชุมชน
และสังคม
เปิดโลกทัศน์ทางสังคมให้แก่เด็ก
ครูดอย.คอมคิดว่าคามรู้ที่กล่าวข้างต้นคงเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้ที่สนใจไม่น้อยนะค่ะ แสดงความคิดเห็นได้ ยินดีรับฟังค่ะ