"ความสุขของชีวิตไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่จับต้องได้เท่านั้น"
...........
........
........
.......
ดีโมครีตุส (460 - 370 ปี ก่อนคริสตศักราช) นักปรัชญาชาวกรีกอาจจะเป็นคนแรกๆ ที่พูดถึงความคิดในส่วนนี้ เขาเป็นนักปรัชญาก่อนยุคของโสเครติส (จริงๆแล้วเขามีชีวิตอยู่ในช่วงเดียวกับโสเครติส แต่ว่าความคิดของเขาส่วนใหญ่จะคล้ายกับพวกยุคก่อน) คำกล่าวของเขาที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆคือ
I would rather discover a single cause than become king of the Persians
ฉันเลือกที่จะค้นหาสาเหตุ (ของปรากฏการณ์ธรรมชาติ) มากกว่าจะเป็นกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
แน่นอน เขาไม่ได้พูดคำนี้เพราะว่าเขาเป็นรัชทายาทของเปอร์เซียที่สละบัลลังค์ให้น้องชาย เขาเป็นคนธรรมดา หากแต่นี่เป็นการเปรียบเทียบของเขา ว่าสำหรับเขาแล้ว ชื่อเสียง เงินทอง และอื่นๆ ไม่ได้มีความสำคัญกับเขาเท่ากับสิ่งที่เขาชอบทำ (ค้นหาความจริงของธรรมชาติ) แล้วชีวิตเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้พ่อของเขาเป็นคนที่ร่ำรวยมาก ทิ้งมรดกไว้มากมาย แต่ดีโมครีตุสใช้เงินมรดกทั้งหมดไปกับการท่องเที่ยวไปทั่วโลกเพื่อเดินทางไปพบกับนักคณิตศาสตร์ และนักปรัชญาโด่งดังในยุคของเขา และถกปัญหากับผู้รู้เหล่านั้น .... เขากระหาย "ความรู้" มากกว่า "เงินทอง"
แน่นอนว่าพวกเราหลายคนอาจจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง "สิ่งที่ชอบ" และ "เงินทอง" อย่างน้อยตัวผมเองก็ประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้ว และการเลือกทำสิ่งที่ชอบอาจจะหมายถึงการขัดสนของเงินทอง สองสิ่งนี้มักจะขัดแย้งกันเองเสมอ บางครั้งเราอาจจะเลือกแล้วกลับมาเสียใจทีหลัง ไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ตาม คนบางคนถือเป็นคนมีบุญมาก เพราะชอบทำในสิ่งที่ได้เงินทอง ทำแล้ว ทั้งสบายใจ ทั้งได้เงิน ถือว่าโชคดีไป คนบางคนซวยหน่อย ชอบทำสิ่งที่ทำแล้วเงินน้อย อาจจะมีความสุข หรือไม่มีความสุขก็ได้
... หลายครั้งที่ผมเริ่มรู้สึกว่าผมเลือกทางผิด ผมจะกลับมาอ่านประโยคนี้ของดีโมครีตุส แล้วผมก็รู้สึกมีกำลังใจที่จะทำสิ่งที่ผมทำอยู่ต่อไป ....
:-)
เข้ามาอ่านเก็บความคิดคม ๆ ครับ
ผมว่าจะหลบไปนั่งเขียน Paper
แต่เมื่อเข้ามาติดตามกระทู้เรื่องการเมือง ของคุณ small man
เลยเพลินมาจนป่านนี้เลย :-)
สวัสดีครับ
สำหรับผม บางครั้งก็ต้อง "เจ็บปวด" จากการทำในสิ่งที่ชอบ เพราะ "สิ่งที่ผมชอบ" มักจะสวนทางกับ "ชื่อเสียง และ เงินทอง"
นั่นคือ ลึกๆแล้ว ผมเองก็ยังต้องการ "ชื่อเสียง และ เงินทอง"
แต่เมื่อเลือกเส้นทางการกระทำเพื่อ "สิ่งที่เราชอบ"
ก็คงต้อง "ทำใจ" กับชื่อเสียงและเงินทองครับ
คงจะต้องร้องเพลงของคุณอัสนี โชติกุล
" ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง เลือกเดินบนทางสักทางได้ใหม"
ขอบคุณครับ
อย่างน้อยเงินทอง+ชื่อเสีย เอ้ยชื่อเสียง ก็ซื้อ ความรู้ ได้ง่ายขึ้นนะครับ
หลายคนเลือกทางชีวิตตามๆบรรพบุรุษเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตโดยคิดว่าเป็นเส้นทางดำเนินที่ถูกแล้ว
แต่บางคนบอกว่าทางชีวิตตามเส้นทางของบรรพบุรุษยังไม่ถูกต้องเหมาะสมในการดิ้นรนเอาตัวรอดจากกองทุกข์
จึงเริ่มเดินทางค้นหาเส้นทางสายใหม่อันมีน้อยคนที่เคยเดินทางล่วงหน้าไปก่อนแต่ไม่มีโอกาสย้อนกลับมาบอกถึงความสำเร็จ ณ เบื้องปลายเส้นทางได้ซึ่งเป็นเพียงตำนานเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น
ด้วยเวลาที่มีจำกัดเปรียบได้กับวลีที่ว่า "ชีวิตนี้ช่างสั้นนัก ชีวิตนี้ชั่วฟ้าแลบ ชีวิตนี้ชั่วกระพริบตา" ซึ่งมิอาจเลือกสองทางเดินในช่วงเวลาหนึ่งชีวิตนี้ได้
คนบางคนจึงตัดสินใจเดินในที่มืดเพียงหวังพบแสงสว่าง ณ ปลายทางเพื่อปลดเปลื้องกองทุกข์ที่เป็นเงาคอยติดตามข้ามภพข้ามชาติมาตลอด
มีหลายๆท่านตกอยู่ในสถานการณ์เช่นท่านที่ต้องเลือก ขอเป็นกำลังใจในการเลือกทางเดินชีวิตที่ท่านได้เลือกแล้ว
สวัสดีครับคุณ pC,
ขอให้โชคดีกับการส่งเปเปอร์ครับ จริงๆวันนี้ผมควรจะตั้งใจทำงานเหมือนกันครับ แต่ดันติดพันอยู่กับกระทู้นั้น
ผมได้แต่หวังว่าผมจะมีเปเปอร์ได้ส่งบ้างเร็วๆนี้ครับ :-)
สวัสดีครับคุณ small man,
ผมเองก็ยังตัดไม่ขาดเช่นกันครับ ... มักจะหวนกลับไปนึกถึงทางเลือกอีกทางหนึ่งที่เคยมี
แต่อีกด้านหนึ่งพอนึกว่าถ้าผมมีเงิน แต่จะไม่มีเวลามานั่งวิเคราะห์ปรัชญา (ผมชอบพวกปรัชญาวิทยาศาสตร์ครับ) นั่งพิสูจน์ทฤษฎีที่ผมชอบ ผมก็ใจหายนะครับ เลยต้องมานั่งทำอยู่อย่างทุกวันนี้ มีความสุขมากเลยครับ แต่เงินไม่ค่อยมี :-)
สวัสดีครับคุณกวิน,
ยินดีที่ได้รู้จักครับ .... ถูกของคุณครับ เงินทองซื้อความรู้ได้จริงๆ อย่างน้อยก็สามารถใช้เงินไปเรียนหลักสูตรแพงๆได้ บินไปหาอาจารย์เก่งๆได้
สวััสดีครับ คุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง,
ขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจครับ