ผมเคยคุยกับเพื่อน ถึงเรื่องของอาจารย์คนหนึ่ง (คนต่างชาติ) ที่สอนในมหาวิทยาลัยชื่อดังในอเมริกา อาจารย์คนนี้เขาถูกพิจารณาให้ออกจากมหาลัยฯ เนื่องจากไม่ทุ่มเทให้กับการสอน.....ไม่มีการเตรียมการสอน (เน้นนะครับ ไม่ใช่ว่าพยายามแล้วแต่สอนไม่รู้เรื่อง แต่อาจารย์ท่านนี้ไม่เตรียมการสอน) แล้วนักเรียนก็ไม่เข้าใจ ท้ายสุดจึงถูกนักเรียนประเมินผลแย่ๆ ติดกันสองปี และคณะที่เขาสังกัดอยู่พิจารณาให้เขาออกจากงานในที่สุด
ประเด็นสำคัญคือ อาจารย์สอนไม่ดีที่มหาลัยชื่อดังที่อเมริกามีถมไป แต่ไม่มีอาจารย์ที่ไม่ตั้งใจสอน อาจารย์เหล่านั้นไม่สามารถอยู่ได้ (ถูกไล่ออก) ไม่มีอาจารย์ที่ไม่เตรียมการสอน (ยกเว้นอาจารย์ที่รับตำแหน่ง Research Professor ที่ไม่ต้องสอน) ทั้งนี้ผมต้องยอมรับเลย ว่าระบบประเมินผลของที่นี่เขาดีมาก ให้ความรู้สึกว่าบุคคลระดับผู้บริหารลงมารับฟังเสียงวิจารณ์ของนักศึกษาอย่างแท้จริง อะไรที่นักศึกษาบ่นว่าไม่ดี เขาจัดการให้ และจัดการให้ทันทีเสียด้วย
ลองมาเทียบกับบ้านเราดู .... บ้านเรามีอาจารย์ดีๆอยู่หลายคน แต่อาจารย์ไม่ดีก็มีอยู่ (ผมเคยเจอ) คำว่าอาจารย์ไม่ดีไม่ได้หมายถึงคนที่สอนไม่ดี ผมมองว่าอาจารย์ที่สอนไม่ดีแต่ตั้งใจสอนเป็นคนน่านับถือมากซะด้วยซ้ำ คำว่าอาจารย์ไม่ดีของผมหมายถึงคนที่ขาดจรรยาบรรณของการเป็นผู้ให้ความรู้ ไม่มีสำนึกถึงสิ่งที่ตนทำลงไป ลองมาดูตัวอย่างกันครับ
ผมนึกย้อนไปถึงสมัยผมเรียนปริญญาตรีในเมืองไทย มีอาจารย์ท่านหนึ่ง (ขอละชื่อไว้เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของท่านอาจารย์สุดเลิฟของผม) ไม่เข้าสอน 10 คาบ จากคาบเรียนทั้งหมด 15 คาบต่อเทอม และไม่มีการนัดเรียนชดเชย โดยเหตุผลที่ไม่เข้าสอนคือการติดภารกิจ (งานนอกครับ เงินดีกว่า นิสิตไม่ยุ่งมุ่งรวย) เมื่อถึงปลายเทอม ผมกับเพื่อนๆตกลงกันว่าจะเขียนใบประเมินผลแบบแย่ที่สุดให้กับอาจารย์ท่านนี้ แต่แล้วท่านอาจารย์ท่านนี้ก็ยังประพฤติตนแบบเดิมซ้ำกันอีกหลายต่อหลายครั้งติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบันผมไม่อาจทราบได้ว่าอาจารย์ท่านนี้ยังทำแบบนี้อยู่หรือเปล่า แต่....
ระบบประเมินผลไปไหน? ผู้บริหารไปไหน? เงินค่าลงทะเบียนพวกผมไปไหน?
เป็นเรื่องที่น่าคิดจริงๆ ว่า ถ้าประเมินไปแล้วผู้บริหารไม่มีการ take action พวกผมจะกรอกใบประเมินไปทำไม เอากระดาษไปสั่งขี้มูกทิ้งคงจะดีซะกว่า....
สวัสดีครับ
แวะมาเยี่ยมครับ
ตอนนี้หลายๆมหาวิทยาลัยของไทย ก็กำลังดำเนินการประเมินตนเองและเทียบเคียงเพื่อนๆอยู่ บางแห่งจริงจัง บางแห่งเพิ่งเริ่มต้น แต่ก็ยังเป็นการประเมินแบบไทยๆ คือ เอกสารมาก ผลจริงๆ ลงไปลึกๆ คงต้องอาศัยความสามารถของกรรมการประเมินผล
แต่ที่แท้จริงอยู่ที่ความสนใจ ความใส่ใจ รักในการสอน รักในอาชีพ นำงานวิจัยมาใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอน ที่จะทำให้มาตรฐานการศึกษาของเราก้าวไกล ในความคิดเห็นของผมครับ
สวัสดีครับอาจารย์
ขอบคุณที่แวะมาแสดงความเห็นครับ
เหลือเชื่อเลย ไม่สอบ 10 คาบ ยังอยู่รอดได้
:-( สงสาร นศ นะครับ
สวัสดีครับ
คุณ pC: นั่นสิครับ ผมเองยังงงเลยครับ โดนนักศึกษาด่าติดต่อกันหลายรุ่นเลยครับ แต่ยังอยู่ได้ (คือตัวผมเองไม่ได้อยากให้ท่านอาจารย์โดน "ออก" นะครับ แต่ผมอยากให้ท่านปรับปรุงตัว)
ผมอยากให้อาจารย์สุดเลิฟของผมท่านนั้นได้เข้ามาอ่านบล็อกผมจังครับ ท่านคงสะดุ้ง :-)
สมัยเรียนผมเจออาจารย์ประเภทนี้ไม่ต่ำกว่าสามคนครับ แต่สมัยนั้นยังไม่มีการประเมินจากนักศึกษา
สวัสดีครับคุณจารุวัจน์,
สามคนเป็นผมๆคงช็อคตายครับ คนเดียวผมก็จะแย่แล้วครับ เหมือนเป็นความซวยเลยนะครับ ระบบไม่ดี นักศึกษารับเคราะห์
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณอังคณา,
ใช่ครับ ในปัจจุบันยังมีอย่างนั้นอยู่เยอะเหมือนกันนะครับ ไม่เตรียมให้ดี พอสอนผิดแล้วยังไม่ยอมรับอีก
การสอนผิดไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ แต่การไม่กลับมามองข้อผิดพลาดของตนแล้วยังพาลโกรธคนที่ทักท้วง ถือว่าขาดคุณสมบัติของผู้ให้ความรู้ัครับ