แม่น้ำโขงเริ่มล้นตลิ่งไหล


แม่น้ำโขง

สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.เลย แม่น้ำโขงเริ่มล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนไร่นาของประชาชนเขต อ.เชียงคาน อ.ปากชม แล้วกว่า 10 หมู่บ้าน เสียหายนับ 100 ไร่ โรงเรียนจำนวน 5 แห่ง ต้องปิดเรียน เนื่องจากครูไม่สามารถเดินทางไปสอนได้ นอกจากนั้นยังท่วมขังถนนสายเชียงคาน-ปากชม เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลเชียงคาน ต้องนำเรือ ท้องแบนไปคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สัญจรไปมา.

คำสำคัญ (Tags): #แม่น้ำโขง
หมายเลขบันทึก: 200979เขียนเมื่อ 14 สิงหาคม 2008 20:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 10:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (14 ส.ค.) ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังไม่ทุเลา เนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำโขงยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ จ.มุกดาหาร ผู้ประกอบการร้านค้าตลาดอินโดจีนเริ่มขนย้ายสินค้าหนีน้ำกันแล้ว หลังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยที่ชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร และเหลืออีกเพียง 7 เซนติเมตรก็จะถึงระดับวิกฤติที่ 12.50 เมตร ขณะที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร นำรถออกประชาสัมพันธ์เตือนชาวบ้านให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และเข้าช่วยเหลือประชาชน กรณีต้องอพยพสิ่งของอย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในจ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้ลำน้ำปาว ลำน้ำพานและลำน้ำชี เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในต.ลำชี อ.ฆ้องชัย และต.โพนงาม อ.กมลาไสย นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า ที่ จ.นครพนม ลำห้วยสาขาต่างๆ ในพื้นที่เริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากน้ำไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วนับแสนไร่ ถนนและคอสะพานหลายแห่งถูกกระแสน้ำพัดเสียหาย โรงเรียนในอำเภอบ้านแพงต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด ล่าสุดจังหวัดประกาศให้พื้นที่ 12 อำเภอ 80 ตำบล 722 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในอ.เชียงแสน จ.เชียงรายคลี่คลายแล้ว

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=100578

ติดต่อโฆษณา นสพ.ไทยรัฐออนไลน์ โทร 0-2636-0726

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

น้ำท่วมนครพนมวิกฤติ ผู้ว่าฯประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ [14 ส.ค. 51 - 09:01

สื่อข่าวรายงานวันนี้ (14 ส.ค.) ว่า สถานการณ์น้ำท่วมจ.นครพนมยังวิกฤติ ล่าสุด นายบุญสนอง บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศให้พื้นที่ 12 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองนครพนม เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อเตรียมระบายน้ำบริเวณด่านศุลกากรจ.นครพนม หลังระดับน้ำในแม่น้ำโขง เพิ่มสูงขึ้นใกล้ถึงจุดวิกฤติ พร้อมทั้งจัดเวรยามเฝ้าระวังเตรียมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่พื้นที่รอบนอกหลายอำเภอ น้ำจากแม่น้ำโขงไหลทะลักเข้าลำน้ำสาขา จนเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านและพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ศรีสงคราม และบ้านแพง ล่าสุด นายบุญสนอง บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางอุทกภัยใน 12 อำเภอ 80 ตำบล และ 722 หมู่บ้าน และเร่งออกสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือเป็นการด่วน

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=100576

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (14 ส.ค.) ว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังไม่ทุเลา เนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำโขงยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่ จ.มุกดาหาร ผู้ประกอบการร้านค้าตลาดอินโดจีนเริ่มขนย้ายสินค้าหนีน้ำกันแล้ว หลังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยที่ชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร และเหลืออีกเพียง 7 เซนติเมตรก็จะถึงระดับวิกฤติที่ 12.50 เมตร ขณะที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร นำรถออกประชาสัมพันธ์เตือนชาวบ้านให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และเข้าช่วยเหลือประชาชน กรณีต้องอพยพสิ่งของอย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในจ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้ลำน้ำปาว ลำน้ำพานและลำน้ำชี เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะในต.ลำชี อ.ฆ้องชัย และต.โพนงาม อ.กมลาไสย นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานต่ออีกว่า ที่ จ.นครพนม ลำห้วยสาขาต่างๆ ในพื้นที่เริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากน้ำไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วนับแสนไร่ ถนนและคอสะพานหลายแห่งถูกกระแสน้ำพัดเสียหาย โรงเรียนในอำเภอบ้านแพงต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด ล่าสุดจังหวัดประกาศให้พื้นที่ 12 อำเภอ 80 ตำบล 722 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในอ.เชียงแสน จ.เชียงรายคลี่คลายแล้ว

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=100578

ติดต่อโฆษณา นสพ.ไทยรัฐออนไลน์ โทร 0-2636-0726

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

น้ำท่วมนครพนมวิกฤติ ผู้ว่าฯประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ [14 ส.ค. 51 - 09:01

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศประจำวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2551 เมื่อเวลา 04:00 น. ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง แต่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยของภาคเหนือกับลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำสาขาต่างๆ ยังต้องระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งต่อไปอีกในวันนี้ (15 ส.ค.)

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย น่าน พิษณุโลก สุโขทัย และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ40 ของพื้นที่โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย เลย สกลนคร อำนาจเจริญ อุบลราชธานีและนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี และลพบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

น้ำโขงเอ่อท่วมเขตเทศบาลเชียงคานเมืองเลย

เลย -ระดับน้ำโขงเชียงคานวิกฤต เพิ่มสูงกว่าระดับปกติร่วม 2 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาเอ่อท่วมเขตเทศบาลแล้ว อบต.-นรข.เร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 6 อ.เชียงคาน จ.เลย ระบุว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น.ของวานนี้(12 ส.ค.) เพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 15.97 เมตร โดยสูงขึ้นจากระดับวิกฤตประมาณ 2 เมตร โดยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยชั่วโมงละ 3-4 เซนติเมตร

จากข้อมูลระดับน้ำดังกล่าว ศูนย์ได้โทรศัพท์แจ้งเตือนไปยังจังหวัดหนองคาย ให้เตรียมรับมือ กับสภาวะน้ำล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่องไปอีก 3-4 วัน เนื่องจากพื้นที่ภูมิประเทศของจังหวัดเลยอยู่ในระดับสูงกว่าจังหวัดหนองคาย

ทั้งนี้ ระดับน้ำโขงที่สูงขึ้นได้ส่งผลให้แม่น้ำฮวย ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาบริเวณเขตเทศบาลตำบลเชียงคาน ได้เริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งบ่อปลา และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายหลายร้อยไร่

ด้าน เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงคาน เทศบาลตำบลเชียงคาน และกำลังพลจากหน่วย นรข.เชียงคานได้ออกให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนแล้ว โดยนำกระสอบทรายมาวางเป็นคันกั้นน้ำ ไม่ให้ไหลเข้าท่วมถนนสายเชียงคาน-ปากชม เพื่อให้รถผ่านไปมาได้ตามปกติ

ขณะเดียวกันได้ มีรายงานจากเมืองหลวงพระบาง ส.ป.ป.ลาว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก อ.เชียงคานประมาณ 300 กิโลเมตร ว่าขณะนี้ระดับแม่น้ำโขงยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=esanhotnews&topic=43&Cate=2

นายศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ แจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมรับสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจากลำน้ำโขง ในพื้นที่ลุ่มต่ำตลอดลำน้ำโขง โดยเฉพาะบริเวณบ้านสบกก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตลอดอำเภอเชียงคานและบริเวณบ้านธาตุ ตำบลธาตุ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย อำเภอศรีสงคราม อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม และตลาดอินโดนีเซีย อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เนื่องจากการที่กรมทรัพยากรน้ำได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในลำโขงอย่างต่อเนื่อง พบว่าในขณะนี้ที่สถานีเชียงแสนมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีระดับน้ำอยู่ที่ 8.67 เมตร คาดว่าในวันที่ 11 สิงหาคม 2551 น้ำจะขึ้นถึงระดับ 8.90 เมตร ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำสูงสุดที่สถานีเชียงคาน จะอยู่ที่ระดับ 15.7 เมตร ในวันที่ 12 สิงหาคม 2551 สถานีหนองคาย ระดับน้ำจะอยู่ที่ 12.6 เมตร ในวันที่ 13 สิงหาคม 2551 ระดับน้ำที่สถานีนครพนม จะอยู่ที่ 12.8 เมตร และในวันที่ 14 สิงหาคม 2551 ระดับน้ำที่สถานีมุกดาหาร จะอยู่ที่ 12.9 เมตร

ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว เพื่อให้ช่วยแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่วิกฤตดังกล่าว เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมที่กำลังจะเกิดขึ้น และกรมทรัพยากรน้ำจะเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำโขงอย่างต่อเนื่องต่อไป

เซ่นน้ำท่วม2ศพ จว.ริมโขงวิกฤต นครพนมประกาศ 12อำเภอภัยพิบัติ

ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน จ.นครพนม ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเกินจุดวิกฤติ ล้นประตูป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมเขตเทศบาล ล่าสุดบ้านเรือนกว่า 100หลังคาเรือนและพื้นที่การเกษตรกว่า 50,000ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหาย ซึ่งหลายจังหวัดริมแม่น้ำโขงต่างตกอยู่ในสภาพเดียวกัน

สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ยังไม่ทุเลา เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขง สูงขึ้นอยู่ที่ 13.53 เมตร สูงกว่าคืนวันที่ 13 สิงหาคม ถึง13 เซนติเมตร ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะที่ อ.รัตนวาปี กระแสน้ำได้ตัดขาดเส้นทางบ้านท่าม่วง-ตาลชมและเอท่วมหมู่บ้านตาลชม มีผู้เสียชีวิต 1คน คือ ด.ช.สหรัฐ เวียงคำ อายุ 9 ขวบ ซึ่งจมน้ำขณะลงเล่นน้ำในถนนกลางหมู่บ้าน ส่วนเทศบาลเมืองหนองคาย ถนนริมโขงระดับน้ำท่วมสูงขึ้น เทศบาลเมืองหนองคายต้องนำกระสอบทรายไปขวางกั้นตามซอยต่างๆ ที่เป็นที่ลุ่ม สูงประมาณ 1เมตร เพื่อป้องกันน้ำโขงทะลักเข้าท่วมตัวเมือง

ต่อมา นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำของพระราชทาน 1,000ชุด ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรประสบภัยน้ำท่วมในอำเภอเมืองและอ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย หลังแม่น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ ร้านค้าต้องปิดชั่วคราว เช่นเดียวกับ อ.ศรีเชียงใหม่ บ้านเรือนราษฎรและสถานที่ราชการถูกน้ำท่วม ขณะที่ รพ.ศรีเชียงใหม่ เร่งนำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำ โดย จ.หนองคาย สรุปพื้นที่น้ำท่วมเบื้องต้น 508 หมู่บ้าน 11อำเภอ ราษฎรกว่า 40,000ครัวเรือน หนักสุดที่ อ.เซกาและอ.บึงกาฬ

ที่ จ.มุกดาหาร ผู้ประกอบการร้านค้าตลาดอินโดจีน เริ่มขนย้ายสินค้าหนีน้ำกันแล้ว หลังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยที่ชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร และเหลืออีกเพียง 7เซนติเมตร จะถึงระดับวิกฤติที่ 12.50เมตร ขณะที่เทศบาลเมืองมุกดาหาร นำรถออกประชาสัมพันธ์เตือนชาวบ้านให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24ชั่วโมงและเข้าช่วยเหลือประชาชน กรณีต้องอพยพสิ่งของอย่างเร่งด่วน

สำหรับฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องใน จ.กาฬสินธุ์ ส่งผลให้ลำน้ำปาว ลำน้ำพานและลำน้ำชี เอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะใน ต.ลำชี อ.ฆ้องชัยและต.โพนงาม อ.กมลาไสย นาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นบริเวณกว้าง

นายเดชา ตันติยวรงค์ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ทุกพื้นที่ของ จ.กาฬสินธุ์ ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากในปีนี้ เขื่อนลำปาวได้ดำเนินการปรับปรุงก่อสร้างเสริมพนังกั้นน้ำ และได้มีการระเบิดพื้นที่บางส่วนเพื่อดำเนินการก่อสร้างซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ และหากมีน้ำไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากก็จะทำให้ปริมาณน้ำป่าไหลออกเท่ากับจำนวนน้ำที่ไหลเข้าตัวเขื่อน ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายน้ำต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ส่วนที่ จ.นครพนม ลำห้วยสาขาต่างๆ ในพื้นที่เริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากน้ำไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำโขงได้ และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วนับแสนไร่ ถนนและคอสะพานหลายแห่งถูกกระแสน้ำพัดเสียหาย โรงเรียนในอำเภอบ้านแพงต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวโดยไม่มีกำหนด ล่าสุด จังหวัดประกาศให้พื้นที่ 12อำเภอ 80ตำบล 722 หมู่บ้าน เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว

ด้าน นายบุญสนอง บุญมี ผวจ.นครพนม กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้เริ่มรุนแรงยิ่งขึ้น หลังน้ำโขงสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เลยจุดวิกฤติ ล่าสุดวัดได้ 12.60เมตรและล้นตลิ่งสมทบกับน้ำป่าหนุนเนื่องเข้าตามลำหวยสาขาตามแนวลำน้ำโขง ตั้งแต่เขต อ.บ้านแพง ท่าอุเทน อ.ธาตุพนมและอ.เมือง เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน ถนนและพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่ 12อำเภอ หนักสุดคือ อ.ศรีสงคราม ท่าอุเทน บ้านแพงและอ.เมือง โดยมีผู้เสียชีวิตจมน้ำตาย 1คน คือ นายไซ ปากดี อายุ 40 ปี ชาว อ.โพนสวรรค์ เหตุเกิดขณะออกหาปลาแล้วถูกน้ำป่าพัดจมน้ำจนเสียชีวิต เบื้องต้นทางจังหวัดและนายกเหล่ากาชาด มอบงิน 2หมื่นบาท พร้อมถุงยังชีพจำนวนหนึ่งแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ล่าสุดที่ อ.ท่าอุเทน สถานการณ์น้ำท่วมถึงขั้นวิกฤติ เนื่องจากเป็นที่ลุ่ม โดยน้ำโขงล้นตลิ่งสมทบน้ำป่าทะลักบ้านเรือนประชาชน 15หลังคาในชุมชนตะวันเบิกฟ้าหมู่ 3 เทศบาลท่าอุเทนและวัดไตรมิตรนำทะลักท่วมทั้งลานวัด ตลอดจนเมนเผาศพพระและสามเณรต้องอยู่บนกุฏชั้น2

น้ำโขงวิกฤติ! ระดับน้ำสูงล้นตลิ่งเริ่มทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ไร่นาเสียหายแล้วนับพันไร่ พ่อเมือง-นายกเทศมนตรี สั่งระดมช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน ช่วยอพยพหนีน้ำ พร้อมใช้กระสอบทรายกั้นปากน้ำห้วยมุก หวั่นทะลักท่วมย่านเศรษฐกิจสำคัญ

วันนี้ (15 ส.ค.) นายปราณีต บุญมี ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวภายหลังการประชุมส่วนราชการเพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร จากกรณีระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มระดับสูงขึ้น ว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ล่าสุดระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นถึงจุดวิกฤติ 12.60 เซนติเมตร และน้ำได้ไหลทะลักเข้าสู่ห้วยมุก ซึ่งเป็นแม่น้ำสาขา เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วม ที่ราบลุ่มในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร โดยเฉพาะชุมชนร่วมพัฒนาศรีมงคล มีบ้านเรือนราษฎร ถูกน้ำท่วมขังแล้วประมาณ 50 หลังคาเรือน โดยระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร และปริมาณน้ำมีระดับเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ย 2 เซนติเมตรต่อชั่วโมง ส่วนพื้นที่รอบนอก เช่น พื้นที่ตำบลป่งขาม ตำบลหว้านใหญ่ ตำบลชะโนด ตำบลบางทรายน้อย อำเภอหว้านใหญ่ น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ่อปลา ไร่นา ของราษฎร ได้รับความเสียหายประมาณ 500 – 700 ไร่ นอกจากนั้นมีพื้นที่ตำบลบางทรายใหญ่ ตำบลมุกดาหาร ตำบลนาสีนวล อำเภอเมืองมุกดาหาร พื้นที่ตำบลโพธิ์ไทร อำเภอดอนตาล พื้นที่เกษตรถูกน้ำท่วมขังแล้วประมาณ 1,200 ไร่

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวต่อว่า ด้านการช่วยเหลือ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเทศบาลเมืองมุกดาหาร และอำเภอที่ได้รับความเสียหาย ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยเป็นการเร่งด่วนแล้ว และให้เร่งสำรวจความเสียหายทันที หลังน้ำลด

นายสัมฤทธิ์ โภคสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พนักงานเทศบาลเมืองมุกดาหาร และเจ้าหน้า อปพร.ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร จำนวนกว่า 100 คน พร้อมด้วยเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ ออกช่วยเหลือขนย้าย สัตว์ สิ่งของ ให้กับประชาชน ที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมขัง ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันได้สั่งการให้นำกระสอบทรายปิดกั้นริมฝั่งบริเวณปากห้วยมุก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนสมุทรศักดารักษ์ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจและการค้าแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองจังหวัด พร้อมทั้งได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อระบายน้ำออกจากถนน หากระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีระดับสูงขึ้นจนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนสายดังกล่าว เพื่อไม่ให้การสัญจรติดขัดและร้านค้าที่อยู่ในย่านดังกล่าวได้รับความเสียหาย.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท