เรื่องนี้เริ่มได้จากการไปประชุมสัมมนาเรื่องสถานะการสิทธิมนุษญชนในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2550 เดือนพฤษภาคม ภายหลังจากการประชุมแล้วผมและอ.ฉัตรพรก็ได้ทราบว่าประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้มีความสำคัญมากแล้วก็จะเป็นประเด็นที่ชี้เป็นชี้ตายความสงบสุขของสังคมไทยในอนาคต ด้วยความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้น (ดูรับผิดชอบเยอะจริงๆ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร) ผมก็หวั่นวิตกเรื่องความแตกแยกความคิดของคนในสังคมทั้งเรื่องผลประโยชน์ การเมือง และศาสนา สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดเพื่อจรรโลงสันติภาพในสังคมของเราให้ยืนยาวที่สุดคือการที่เราจะต้องเผยแพร่แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนออกไปยังเยาวชนรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่ผมเอง(อ.จตุภูมิ)ไม่เคยได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบเลย... ทราบแต่เพียงว่าแนวความคิดเรื่องนี้เท่านั้นที่จะทำให้คนเราอยู่กันได้โดยต่างเคารพความเห็นกันและกัน และยอมรับในความแตกต่าง
หลังการประชุมดังกล่าวสักระยะหนึ่ง ผมก็ได้มีโอกาสพบท่านรองศาสตราจารย์ ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร เมื่อคราวที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลกได้กราบเรียนเชิญท่านมาเป็นวิทยากรจัดทำ KM ด้านการวิจัย และในครั้งนั้นเองที่ผมได้มีโอกาสรู้จักตัวจริงของท่านอาจารย์ฯ และได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับอาจารย์
....อาจารย์ครับ ผมกับอุ๋มตั้งใจจะเปิดสอนวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชนครับ แต่ผมยังไม่ฉ่ำทางความคิดครับ ผมเองไม่มั่นใจเลย ผมได้เรียนท่านอาจารย์ไปตรงๆ อย่างที่คิด
.....วิว วิวเป็นคนหรือเปล่า? ถ้าวิวเป็นคนวิวก็ต้องสอนได้ว่าสิทธิอะไรบ้างที่คนเราควรจะมีในฐานะที่เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง... อาจารย์พี่ก็สอนพี่มาอย่างนี้....
หลังจาก KM วันนั้นผมได้มีโอกาสดูภาพวีดีทัศน์ผลงานของลูกศิษย์ของท่านพี่ตุ๊ก+ อ.รัตน์ ที่นำนิสิตลงพื้นที่ศึกษาปัญหาคนไร้สัญชาติที่บ้านดอนโจด จ.อุบลราชธานี ผมก็ได้ก็ได้แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ท่านอาจารย์พันธุ์ทิพย์ ได้แนะนำผมกับ อ.ฉัตรพรให้ลองพานิสิตไปดูสภาพความเป็นจริงในสังคมด้วย ถ้าเด็กที่ไปดูสามสิบคนกลับมาแล้วเกิดอะไรในหัวในทางดีสักคนหนึ่งพี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ... ท่านอาจารย์บอกผมอย่างนั้น
โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน
1. รหัสโครงการ นบ. 110
2. ชื่อโครงการ โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน
3. ผู้รับผิดชอบโครงการ 1 อาจารย์จตุภูมิ ภูมิบุญชู
2. อาจารย์ฉัตรพร หาระบุตร
4. หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันวิชาชีพกฎหมายถือเป็นวิชาชีพที่มีผู้สนใจศึกษาเป็นจำนวนมาก และถูกจัดอยู่ในวิชาชีพที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ ของประเทศไทย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะค่านิยมและกระแสสังคมที่ถือว่าการได้ประกอบอาชีพเป็นผู้พิพากษา ตุลาการและอัยการนั้น นอกจากจะถือเป็นผู้ที่มีเกียรติในสังคมแล้ว ยังได้รับค่าตอบแทนการทำงานที่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในด้านอื่นๆ ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่มุ่งที่จะสอบเข้าศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ในระดับอุดมศึกษา
แนวคิดเช่นว่านี้ทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือการที่ผู้เรียนในสาขาวิชานิติศาสตร์ละเลยที่จะสนใจกับปัญหาสังคมอื่นๆ การเรียนนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของนิสิตหลายๆคน เป็นการศึกษาเพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือ การสอบผ่านการศึกษาในสถาบันการศึกษาที่เรียกว่า “เนติบัณฑิตยสภา” และมุ่งหน้าเข้าสอบแข่งขันเพื่อประกอบอาชีพเป็นตุลาการ ผู้พิพากษาและอัยการ หรือมุ่งหน้ากระโจนเข้าสู่ตลาดแรงงานค่าแรงสูงในภาคธุรกิจต่อไป โดยไม่นำพาต่อจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของวิชานิติศาสตร์ที่มุ่งจรรโลงให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและสร้างความสงบสุขของสังคมโดยรวม
ด้วยเหตุนี้เองโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชนจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยแนวคิดที่มุ่งจะกระตุ้นให้นิสิตตระหนักถึงปัญหาสังคมต่างๆที่มีอยู่รอบๆตัว เปิดมุมมองและสร้างกรอบวิธีคิดอย่างองค์รวมให้แก่นิสิต ตลอดจนเป็นการสร้างความรับผิดชอบ คุณธรรมและจริยธรรมให้กับนิสิตที่กำลังศึกษาในชั้นปริญญาตรีอันถือเป็นรากแก้วของนักนิติศาสตร์ในอนาคต โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระบบและผ่านคณาจารย์และวิทยากรที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการสร้างนิสิตให้เป็นนักนิติศาสตร์อย่างแท้จริง ให้เป็นนักกฎหมายผู้รู้รอบรู้ รู้จริง และมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักกฎหมายมิใช่เป็นเพียง “ผู้ใช้กฎหมาย” เท่านั้น
ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 นี้คณาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการและเป็นแกนหลักในการจัดโครงการนี้ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่าปัญหาที่สำคัญในสังคมไทยปัจจุบันปัญหาหนึ่ง คือปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจากปัญหาสิทธิมนุษยชนนี้เป็นประเด็นปัญหาขั้นพื้นฐานทางสังคมที่อาจนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของสังคมไทยได้อาทิเช่น ปัญหาการไม่ยอมรับและไม่เข้าใจในความแตกต่างของประชาชน และปัญหาการอุ้มฆ่าประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของภาครัฐตั้งแต่อดีตนั้น ได้นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ภาคใต้ของไทยในปัจจุบัน
ด้วยเหตุข้างต้นนี้ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะขุมกำลังทางปัญญาของสังคมจึงได้จัดให้มีโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชนขึ้น
5. วัตถุประสงค์
1. เพื่อปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้แก่นิสิต
2. เพื่อให้นิสิตได้เห็นสภาพปัญหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย
3. เพื่อให้นิสิตได้เห็นภาพกลไก การดำเนินงาน และปัญหาตลอดจนอุปสรรค ของภาครัฐและ
ภาคเอกชนในการพยายามแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
4. เพื่อสร้างกรอบการวินิจฉัยกฎหมายอย่างองค์รวม โดยพิจารณาบริบทของสังคมอย่างรอบด้าน
6. ตัวบ่งชี้สมรรถนะสำคัญ (KPI)
Output ร้อยละของจำนวนนิสิตปริญญาตรีที่เข้าร่วมโครงการ
Outcome มีการนำข้อมูลที่ได้จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มาวิเคราะห์เพื่อหาจุดแข็งและ จุดอ่อนและ นำไปปรับใช้การจัดกิจกรรมเสริมความรู้ให้กับนิสิตอื่นๆในรูปแบบเดียวกันนี้ เพื่อได้สร้างนิสิตที่มีกรอบการวินิจฉัยปัญหาต่างๆ แบบองค์รวมและเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ อย่างถูกต้องตรงความจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้
Impact มีการพัฒนาเสริมทักษะให้กับนิสิตในการเปิดมุมมองและเพิ่มวิสัยทัศน์พร้อมทั้ง
บุคลากรในคณะสามารถนำเอาประสบการณ์และบทเรียนที่ได้จากการจัดโครงการนี้มาประยุกต์ใช้ในการจัดเตรียมโครงงานค่ายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. สถานที่จัดโครงการ
บ้านชมภู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
8. ระยะเวลาจัดโครงการ
วันที่ 30-31 สิงหาคม 2551
9. ผู้เข้าร่วมโครงการ
นิสิตและคณาจารย์คณะนิติศาสตร์
10. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้ตระหนักถึง บทบาท หน้าที่ของตนเองที่มีต่อสังคม และความจำเป็นของสังคมที่จะต้องมีนักกฎหมายที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
2. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้รับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดในสังคมไทย
3. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประชาสัมพันธ์และจุดประกายให้เพื่อนนิสิตคนอื่นๆ ทราบถึงปัญหาสังคมที่อยู่รอบตัว
4. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้รับข้อมูลและทัศนคติใหม่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่างๆในสังคมอันจะทำให้นิสิตรู้จักมองปัญหาต่างๆอย่างรอบด้านมากขึ้น และเป็นผู้มีใจกว้าง รับฟังความเห็นที่ต่างจากความเห็นของตัวเองได้
5. คณาจารย์และนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการได้รับทราบถึง กลไก การดำเนินงานและอุปสรรค ของภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
6. คณาจารย์และผู้จัดกิจกรรมได้มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดและปรับปรุงกิจกรรมครั้งต่อไป
กำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการและลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน
ณ บ้านชมภู ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
30 -31 สิงหาคม 2551
วัน/ เวลา |
กิจกรรม |
หมายเหตุ |
7 - 20 สิงหาคม 2551 |
รับสมัครนิสิตเข้าร่วมกิจกรรม |
ส่งใบสมัครที่ พี่เก๋ ห้องเลขาณุการคณะ ฯ หรือที่box หน้าห้อง อ.ฉัตรพร และอ.จตุภูมิ |
ในกรณีที่มีผู้สมัครเกิน 30 ท่าน คณะกรรมการขอสงวนสิทธิในการคัดเลือกนิสิตเข้าร่วมโครงการโดยพิจารณาจากเรียงความในใบสมัครแทน |
||
21 สิงหาคม 2551 |
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ |
รับจำนวนไม่เกิน 30 คน |
21 สิงหาคม 2551 13.00-16.00 น. |
ประชุมระดมความคิด |
ห้อง 4308 |
28 สิงหาคม 2551 13.00-16.00 น. |
ปฐมนิเทศค่าย |
ห้อง 4308 |
30-31 สิงหาคม 2551 7.00 น. |
ลงพื้นที่ศึกษาปัญหา (ออกค่าย) |
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร |
ถ่ายรูปมาดูกันมากๆ นะคะ
เอาใจช่วยค่ะ
กราบขอบพระคุณครับอาจารย์
อาจารครับ
พวกเราขอ
pointวิชากฎหมายระหว่างประเทศ
ด้วยนะครับ
ครูเอาขึ้นให้แล้วนะครับ ถึง Powerpoint คราวล่าสุด :)
อาจารย์ครับวานฝากเอาข้อมูลโพสต์ในเว็บบอร์ดทีครับ เพือเป็นการกระจายข่าว
ผมแบ่งหมวดรายวิชาไว้ยังไงฝากไฟล์โพสต์ได้นะครับ
ขอบคุณมากครับ
โฟสต์เรื่องค่ายใช่ไหมครับ ? เดี๋ยวครูจะไปPost ให้นะครับ
มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมนะคร๊าบ พี่-น้องนิติศาสตร์
ตัวข้าพเจ้ารอโครงการแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ
อาจารย์ เกือบจะตกข่าวแล้วนะคะเนี๊ย ปีห้าไปได้ไหมคะ.....
ยังไม่ได้ส่งใบสมัครเลยคะ
ไปได้ครับ ถ้าสนใจให้ดาวน์โหลดใบสมัครใน blog นี้ เขียน แล้วส่งมาภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2550 นะครับ ในกรณีที่มีนิสิตสมัครเกิน 30 คน คณะกรรมการขอสงวนสิทธิคัดเลือกจากเรียงความในใบสมัครของนิสิตนะครับ
ประกาศผล รายชื่อนิสิตที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการ ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน 30-31 สิงหาคม 2551
ขอให้นิสิตที่มีรายชื่อดังกล่าวไปรายงานตัวและปฐมนิเทศน์โดยพร้อมเพรียงในวันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม ห้อง 4309 เวลา 17.00-18.00น
ประกาศผล รายชื่อนิสิตที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการ ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน 30-31 สิงหาคม 2551
ขอให้นิสิตที่มีรายชื่อดังกล่าวไปรายงานตัวและปฐมนิเทศน์โดยพร้อมเพรียงในวันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม ห้อง 4309 เวลา 17.00-18.00น
อาจารย์ทำไม วนัสยา สุรัชฎา กมลวรรณ ไม่ได้ไปค่ายหล่ะคะ
ทั้งๆที่ทุกคนที่สมัครไปก็เพราะต้องการไปศึกษาจริงๆ
หนูนึกว่าจะได้ไปกันเป็นทีมซะอีก
พิจารณาใหม่ได้ไหมคะ
ใจจริงผมอยากจะพาเด็กๆทุกคนไปด้วย หากแต่ว่า ด้วยข้อจำกัดด้านที่พัก งบประมาณอาหาร และการเดินทางทำให้ครูไม่สามารถพานิสิตทุกท่านไปได้ ครูทราบว่าทุกท่านมีเจตนาที่ดีที่จะลงไปศึกษาปัญหาในพื้นที่ และรับรู้สิ่งต่างๆ แต่นิสิตทุกหลักสูตรต่างก็มีในส่วนนี้เหมือนๆกัน สิ่งที่ทำได้คือครูและคณาจารย์ท่านอื่นๆ จะต้องตัดสินจากเรียงความที่คณาจารย์ทุกท่านได้เห็น เรียงความที่เขียนดีนั้นย่อมสะท้อนถึงความตั้งใจ ของผู้สมัครที่จะเข้าร่วม ไม่ได้หมายความว่าใครดีกว่าใคร ... นิสิตทุกท่านต่างมีความมุ่งมั่นในสายตาครูทั้งสิ้น หากแต่ว่าครูต้องเลือกเฉพาะบางคนภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ดังนั้นคำแนะนำในขณะนี้คือว่าเมื่อใครได้โอกาสไปแล้วขอให้ใช้โอกาสให้ดีที่สุด แล้วหลังจากกลับจากค่าย ครูจะพยายามจัดกิจกรรมถ่ายถอดประสบการณ์ที่พวกเธอที่ได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมงานครั้งนี้สู่เพื่อนคนอื่นๆ ในคณะต่อไป ครับ...
เว้นในวันที่ 25 สิงหาคมมีนิสิตบางท่านสละสิทธิก็จะได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ปล.นิสิตบางท่าน(ส่วนใหญ่)ไม่ติดรูปถ่ายทำให้คณาจารย์จำหน้าไม่ได้ ดังนั้นแม้เราจะทราบว่านิสิตท่านนี้ชื่อคุ้นๆ และมีความตั้งใจแต่เมื่อเราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เราต้องใช้เรียงความเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินครับ
ใจจริงผมอยากจะพาเด็กๆทุกคนไปด้วย หากแต่ว่า ด้วยข้อจำกัดด้านที่พัก งบประมาณอาหาร และการเดินทางทำให้ครูไม่สามารถพานิสิตทุกท่านไปได้ ครูทราบว่าทุกท่านมีเจตนาที่ดีที่จะลงไปศึกษาปัญหาในพื้นที่ และรับรู้สิ่งต่างๆ แต่นิสิตทุกหลักสูตรต่างก็มีในส่วนนี้เหมือนๆกัน สิ่งที่ทำได้คือครูและคณาจารย์ท่านอื่นๆ จะต้องตัดสินจากเรียงความที่คณาจารย์ทุกท่านได้เห็น เรียงความที่เขียนดีนั้นย่อมสะท้อนถึงความตั้งใจ ของผู้สมัครที่จะเข้าร่วม ไม่ได้หมายความว่าใครดีกว่าใคร ... นิสิตทุกท่านต่างมีความมุ่งมั่นในสายตาครูทั้งสิ้น หากแต่ว่าครูต้องเลือกเฉพาะบางคนภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ดังนั้นคำแนะนำในขณะนี้คือว่าเมื่อใครได้โอกาสไปแล้วขอให้ใช้โอกาสให้ดีที่สุด แล้วหลังจากกลับจากค่าย ครูจะพยายามจัดกิจกรรมถ่ายถอดประสบการณ์ที่พวกเธอที่ได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมงานครั้งนี้สู่เพื่อนคนอื่นๆ ในคณะต่อไป ครับ...
เว้นในวันที่ 25 สิงหาคมมีนิสิตบางท่านสละสิทธิก็จะได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ปล.นิสิตบางท่าน(ส่วนใหญ่)ไม่ติดรูปถ่ายทำให้คณาจารย์จำหน้าไม่ได้ ดังนั้นแม้เราจะทราบว่านิสิตท่านนี้ชื่อคุ้นๆ และมีความตั้งใจแต่เมื่อเราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เราต้องใช้เรียงความเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินครับ