นับถอยหลังงานค่ายสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 1


การประชุมเชิงปฏิบัติการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน

    เรื่องนี้เริ่มได้จากการไปประชุมสัมมนาเรื่องสถานะการสิทธิมนุษญชนในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 2550 เดือนพฤษภาคม ภายหลังจากการประชุมแล้วผมและอ.ฉัตรพรก็ได้ทราบว่าประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้มีความสำคัญมากแล้วก็จะเป็นประเด็นที่ชี้เป็นชี้ตายความสงบสุขของสังคมไทยในอนาคต ด้วยความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองขณะนั้น (ดูรับผิดชอบเยอะจริงๆ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร) ผมก็หวั่นวิตกเรื่องความแตกแยกความคิดของคนในสังคมทั้งเรื่องผลประโยชน์ การเมือง และศาสนา  สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดเพื่อจรรโลงสันติภาพในสังคมของเราให้ยืนยาวที่สุดคือการที่เราจะต้องเผยแพร่แนวคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนออกไปยังเยาวชนรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่ผมเอง(อ.จตุภูมิ)ไม่เคยได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างเป็นระบบเลย... ทราบแต่เพียงว่าแนวความคิดเรื่องนี้เท่านั้นที่จะทำให้คนเราอยู่กันได้โดยต่างเคารพความเห็นกันและกัน และยอมรับในความแตกต่าง

หลังการประชุมดังกล่าวสักระยะหนึ่ง ผมก็ได้มีโอกาสพบท่านรองศาสตราจารย์ ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนจิตรา สายสุนทร เมื่อคราวที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลกได้กราบเรียนเชิญท่านมาเป็นวิทยากรจัดทำ KM ด้านการวิจัย และในครั้งนั้นเองที่ผมได้มีโอกาสรู้จักตัวจริงของท่านอาจารย์ฯ และได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับอาจารย์

....อาจารย์ครับ ผมกับอุ๋มตั้งใจจะเปิดสอนวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชนครับ แต่ผมยังไม่ฉ่ำทางความคิดครับ ผมเองไม่มั่นใจเลย ผมได้เรียนท่านอาจารย์ไปตรงๆ อย่างที่คิด

.....วิว วิวเป็นคนหรือเปล่า? ถ้าวิวเป็นคนวิวก็ต้องสอนได้ว่าสิทธิอะไรบ้างที่คนเราควรจะมีในฐานะที่เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง... อาจารย์พี่ก็สอนพี่มาอย่างนี้....

 หลังจาก KM วันนั้นผมได้มีโอกาสดูภาพวีดีทัศน์ผลงานของลูกศิษย์ของท่านพี่ตุ๊ก+ อ.รัตน์ ที่นำนิสิตลงพื้นที่ศึกษาปัญหาคนไร้สัญชาติที่บ้านดอนโจด จ.อุบลราชธานี ผมก็ได้ก็ได้แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ท่านอาจารย์พันธุ์ทิพย์ ได้แนะนำผมกับ อ.ฉัตรพรให้ลองพานิสิตไปดูสภาพความเป็นจริงในสังคมด้วย ถ้าเด็กที่ไปดูสามสิบคนกลับมาแล้วเกิดอะไรในหัวในทางดีสักคนหนึ่งพี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ... ท่านอาจารย์บอกผมอย่างนั้น 

  ความจริงที่โหดร้ายในสังคมนั้นมีเยอะ ซึ่งบางทีเรารู้สึกว่ามันไกลตัวเราเกินไปและเราไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปยุ่งก็ได้   อาจจะดูเวอร์ และอุดมคติถ้าจะพูดไปว่า "หน้าที่ของนักนิติศาสตร์อย่างหนึ่งคือเราต้องแก้ไขปัญหาให้สังคม "  แต่ถ้าเราลองคิดดูดีๆว่าถ้าพวกเราไม่ร่วมกันรักษาสังคมแล้วเราจะอยู่กันอย่างไร โดยเฉพาะนักกฎหมายที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นวิศวกรสังคม  (แทบไม่ต้องบอกอะไร เวลานี้ดูที่นักกฎหมายในบ้านเมืองแล้วผมสังเวสแทนอาจารย์สอนกฎหมาย ผลผลิตของการให้แต่วิชาการและนับถือความรู้ ตำแหน่ง ปริญญา โดยไม่คิดถึงจริยธรรมมันสะท้อนมาให้เห็นชัดๆ อยู่แล้ว)  ท้ายสุด ผมกับอ.ฉัตรพรซึ่งอยากให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นกับนิสิตของเราที่เรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลกนี้ด้วย ก็ได้ตกลงกันจัดทำแผนการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชนนี้ขึ้นมา โชคดีที่คราวนี้เราได้ท่านอาจารย์นฤมล  เสกธีระ(อาจารย์นก) และ ท่านอาจารย์รัฐศักดิ์ บำรุงสุข(อาจารย์อาร์ท) เข้ามาช่วย หลังจากดูหลายพื้นที่แล้ว ด้วยข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะเวลา พวกเราเลยคิดว่าในปีแรกนี้เราจะลงไปดูกรณีศึกษาชุมชนกับการจัดการทรัพยากรในท้องถิ่น ณ ชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก คือ บ้านชมภู ต.ชมพู  อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก รายละเอียดโครงการมีดังนี้

โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน

 

1. รหัสโครงการ                                   นบ. 110

2. ชื่อโครงการ                                      โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน

3. ผู้รับผิดชอบโครงการ                     1   อาจารย์จตุภูมิ   ภูมิบุญชู

                                                                2.  อาจารย์ฉัตรพร  หาระบุตร

4. หลักการและเหตุผล

                ในปัจจุบันวิชาชีพกฎหมายถือเป็นวิชาชีพที่มีผู้สนใจศึกษาเป็นจำนวนมาก และถูกจัดอยู่ในวิชาชีพที่ได้รับความนิยมในอันดับต้นๆ  ของประเทศไทย เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะค่านิยมและกระแสสังคมที่ถือว่าการได้ประกอบอาชีพเป็นผู้พิพากษา ตุลาการและอัยการนั้น นอกจากจะถือเป็นผู้ที่มีเกียรติในสังคมแล้ว ยังได้รับค่าตอบแทนการทำงานที่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาในด้านอื่นๆ ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่มุ่งที่จะสอบเข้าศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ในระดับอุดมศึกษา 

แนวคิดเช่นว่านี้ทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ หนึ่งในปัญหาที่สำคัญคือการที่ผู้เรียนในสาขาวิชานิติศาสตร์ละเลยที่จะสนใจกับปัญหาสังคมอื่นๆ การเรียนนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยของนิสิตหลายๆคน  เป็นการศึกษาเพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือ การสอบผ่านการศึกษาในสถาบันการศึกษาที่เรียกว่าเนติบัณฑิตยสภาและมุ่งหน้าเข้าสอบแข่งขันเพื่อประกอบอาชีพเป็นตุลาการ ผู้พิพากษาและอัยการ หรือมุ่งหน้ากระโจนเข้าสู่ตลาดแรงงานค่าแรงสูงในภาคธุรกิจต่อไป โดยไม่นำพาต่อจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของวิชานิติศาสตร์ที่มุ่งจรรโลงให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและสร้างความสงบสุขของสังคมโดยรวม  

ด้วยเหตุนี้เองโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชนจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยแนวคิดที่มุ่งจะกระตุ้นให้นิสิตตระหนักถึงปัญหาสังคมต่างๆที่มีอยู่รอบๆตัว เปิดมุมมองและสร้างกรอบวิธีคิดอย่างองค์รวมให้แก่นิสิต ตลอดจนเป็นการสร้างความรับผิดชอบ คุณธรรมและจริยธรรมให้กับนิสิตที่กำลังศึกษาในชั้นปริญญาตรีอันถือเป็นรากแก้วของนักนิติศาสตร์ในอนาคต โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระบบและผ่านคณาจารย์และวิทยากรที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกันในการสร้างนิสิตให้เป็นนักนิติศาสตร์อย่างแท้จริง ให้เป็นนักกฎหมายผู้รู้รอบรู้ รู้จริง และมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นนักกฎหมายมิใช่เป็นเพียง ผู้ใช้กฎหมาย เท่านั้น

ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 นี้คณาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการและเป็นแกนหลักในการจัดโครงการนี้ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่าปัญหาที่สำคัญในสังคมไทยปัจจุบันปัญหาหนึ่ง คือปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน เนื่องจากปัญหาสิทธิมนุษยชนนี้เป็นประเด็นปัญหาขั้นพื้นฐานทางสังคมที่อาจนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกของสังคมไทยได้อาทิเช่น ปัญหาการไม่ยอมรับและไม่เข้าใจในความแตกต่างของประชาชน และปัญหาการอุ้มฆ่าประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของภาครัฐตั้งแต่อดีตนั้น ได้นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ภาคใต้ของไทยในปัจจุบัน

ด้วยเหตุข้างต้นนี้ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะขุมกำลังทางปัญญาของสังคมจึงได้จัดให้มีโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการและการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชนขึ้น

5. วัตถุประสงค์

1.  เพื่อปลูกฝังจิตสำนึก และสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้แก่นิสิต

2.  เพื่อให้นิสิตได้เห็นสภาพปัญหาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย

3.   เพื่อให้นิสิตได้เห็นภาพกลไก การดำเนินงาน และปัญหาตลอดจนอุปสรรค ของภาครัฐและ

     ภาคเอกชนในการพยายามแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย

4.  เพื่อสร้างกรอบการวินิจฉัยกฎหมายอย่างองค์รวม โดยพิจารณาบริบทของสังคมอย่างรอบด้าน

 

6. ตัวบ่งชี้สมรรถนะสำคัญ (KPI)

           Output ร้อยละของจำนวนนิสิตปริญญาตรีที่เข้าร่วมโครงการ

            Outcome    มีการนำข้อมูลที่ได้จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มาวิเคราะห์เพื่อหาจุดแข็งและ จุดอ่อนและ นำไปปรับใช้การจัดกิจกรรมเสริมความรู้ให้กับนิสิตอื่นๆในรูปแบบเดียวกันนี้   เพื่อได้สร้างนิสิตที่มีกรอบการวินิจฉัยปัญหาต่างๆ แบบองค์รวมและเข้าใจสถานการณ์ต่างๆ   อย่างถูกต้องตรงความจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้

Impact                     มีการพัฒนาเสริมทักษะให้กับนิสิตในการเปิดมุมมองและเพิ่มวิสัยทัศน์พร้อมทั้ง
บุคลากรในคณะสามารถนำเอาประสบการณ์และบทเรียนที่ได้จากการจัดโครงการนี้มาประยุกต์ใช้ในการจัดเตรียมโครงงานค่ายอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

7.  สถานที่จัดโครงการ

                บ้านชมภู ต.ชมพู  อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก

 

8. ระยะเวลาจัดโครงการ

                วันที่ 30-31 สิงหาคม 2551

9.  ผู้เข้าร่วมโครงการ

                นิสิตและคณาจารย์คณะนิติศาสตร์

 

10.  ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้ตระหนักถึง บทบาท หน้าที่ของตนเองที่มีต่อสังคม และความจำเป็นของสังคมที่จะต้องมีนักกฎหมายที่มีคุณธรรมและจริยธรรม

2. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้รับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนที่เกิดในสังคมไทย

3. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำข้อมูลที่ได้มาประชาสัมพันธ์และจุดประกายให้เพื่อนนิสิตคนอื่นๆ ทราบถึงปัญหาสังคมที่อยู่รอบตัว

4. นิสิตที่เข้าร่วมโครงการได้รับข้อมูลและทัศนคติใหม่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาต่างๆในสังคมอันจะทำให้นิสิตรู้จักมองปัญหาต่างๆอย่างรอบด้านมากขึ้น และเป็นผู้มีใจกว้าง รับฟังความเห็นที่ต่างจากความเห็นของตัวเองได้

5. คณาจารย์และนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการได้รับทราบถึง กลไก การดำเนินงานและอุปสรรค ของภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย

6.  คณาจารย์และผู้จัดกิจกรรมได้มีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดและปรับปรุงกิจกรรมครั้งต่อไป

กำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการและลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน

 ณ บ้านชมภู ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก

30 -31 สิงหาคม 2551

 

วัน/ เวลา

กิจกรรม

หมายเหตุ

7 - 20 สิงหาคม 2551

รับสมัครนิสิตเข้าร่วมกิจกรรม

ส่งใบสมัครที่ พี่เก๋

ห้องเลขาณุการคณะ ฯ หรือที่box หน้าห้อง อ.ฉัตรพร และอ.จตุภูมิ

 

ในกรณีที่มีผู้สมัครเกิน 30 ท่าน คณะกรรมการขอสงวนสิทธิในการคัดเลือกนิสิตเข้าร่วมโครงการโดยพิจารณาจากเรียงความในใบสมัครแทน

 

21 สิงหาคม 2551

ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ

รับจำนวนไม่เกิน 30 คน

21 สิงหาคม 2551

13.00-16.00 น.

ประชุมระดมความคิด

ห้อง 4308

28 สิงหาคม 2551

13.00-16.00 น.

ปฐมนิเทศค่าย

ห้อง 4308

30-31 สิงหาคม 2551

7.00 น.

ลงพื้นที่ศึกษาปัญหา         (ออกค่าย)

คณะนิติศาสตร์

มหาวิทยาลัยนเรศวร

ใบสมัครเข้าร่วมโครงการ

หมายเลขบันทึก: 200522เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2008 00:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

ถ่ายรูปมาดูกันมากๆ นะคะ

เอาใจช่วยค่ะ

กราบขอบพระคุณครับอาจารย์

อาจารครับ

พวกเราขอ

pointวิชากฎหมายระหว่างประเทศ

ด้วยนะครับ

ครูเอาขึ้นให้แล้วนะครับ ถึง Powerpoint คราวล่าสุด :)

อาจารย์ครับวานฝากเอาข้อมูลโพสต์ในเว็บบอร์ดทีครับ เพือเป็นการกระจายข่าว

ผมแบ่งหมวดรายวิชาไว้ยังไงฝากไฟล์โพสต์ได้นะครับ

ขอบคุณมากครับ

http://www.lawnu.co.cc/

โฟสต์เรื่องค่ายใช่ไหมครับ ? เดี๋ยวครูจะไปPost ให้นะครับ

มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมนะคร๊าบ พี่-น้องนิติศาสตร์

ตัวข้าพเจ้ารอโครงการแบบนี้มานานมากแล้วค่ะ

อาจารย์ เกือบจะตกข่าวแล้วนะคะเนี๊ย ปีห้าไปได้ไหมคะ.....

ยังไม่ได้ส่งใบสมัครเลยคะ

ไปได้ครับ ถ้าสนใจให้ดาวน์โหลดใบสมัครใน blog นี้ เขียน แล้วส่งมาภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2550 นะครับ ในกรณีที่มีนิสิตสมัครเกิน 30 คน คณะกรรมการขอสงวนสิทธิคัดเลือกจากเรียงความในใบสมัครของนิสิตนะครับ

ประกาศผล รายชื่อนิสิตที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการ ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน 30-31 สิงหาคม 2551

ขอให้นิสิตที่มีรายชื่อดังกล่าวไปรายงานตัวและปฐมนิเทศน์โดยพร้อมเพรียงในวันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม ห้อง 4309 เวลา 17.00-18.00น

ประกาศผล รายชื่อนิสิตที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการการประชุมเชิงปฏิบัติการ ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาสิทธิมนุษยชน 30-31 สิงหาคม 2551

ขอให้นิสิตที่มีรายชื่อดังกล่าวไปรายงานตัวและปฐมนิเทศน์โดยพร้อมเพรียงในวันจันทร์ ที่ 25 สิงหาคม ห้อง 4309 เวลา 17.00-18.00น

อาจารย์ทำไม วนัสยา สุรัชฎา กมลวรรณ ไม่ได้ไปค่ายหล่ะคะ

ทั้งๆที่ทุกคนที่สมัครไปก็เพราะต้องการไปศึกษาจริงๆ

หนูนึกว่าจะได้ไปกันเป็นทีมซะอีก

พิจารณาใหม่ได้ไหมคะ

ใจจริงผมอยากจะพาเด็กๆทุกคนไปด้วย หากแต่ว่า ด้วยข้อจำกัดด้านที่พัก งบประมาณอาหาร และการเดินทางทำให้ครูไม่สามารถพานิสิตทุกท่านไปได้ ครูทราบว่าทุกท่านมีเจตนาที่ดีที่จะลงไปศึกษาปัญหาในพื้นที่ และรับรู้สิ่งต่างๆ แต่นิสิตทุกหลักสูตรต่างก็มีในส่วนนี้เหมือนๆกัน สิ่งที่ทำได้คือครูและคณาจารย์ท่านอื่นๆ จะต้องตัดสินจากเรียงความที่คณาจารย์ทุกท่านได้เห็น เรียงความที่เขียนดีนั้นย่อมสะท้อนถึงความตั้งใจ ของผู้สมัครที่จะเข้าร่วม ไม่ได้หมายความว่าใครดีกว่าใคร ... นิสิตทุกท่านต่างมีความมุ่งมั่นในสายตาครูทั้งสิ้น หากแต่ว่าครูต้องเลือกเฉพาะบางคนภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ดังนั้นคำแนะนำในขณะนี้คือว่าเมื่อใครได้โอกาสไปแล้วขอให้ใช้โอกาสให้ดีที่สุด แล้วหลังจากกลับจากค่าย ครูจะพยายามจัดกิจกรรมถ่ายถอดประสบการณ์ที่พวกเธอที่ได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมงานครั้งนี้สู่เพื่อนคนอื่นๆ ในคณะต่อไป ครับ...

เว้นในวันที่ 25 สิงหาคมมีนิสิตบางท่านสละสิทธิก็จะได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ปล.นิสิตบางท่าน(ส่วนใหญ่)ไม่ติดรูปถ่ายทำให้คณาจารย์จำหน้าไม่ได้ ดังนั้นแม้เราจะทราบว่านิสิตท่านนี้ชื่อคุ้นๆ และมีความตั้งใจแต่เมื่อเราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เราต้องใช้เรียงความเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินครับ

ใจจริงผมอยากจะพาเด็กๆทุกคนไปด้วย หากแต่ว่า ด้วยข้อจำกัดด้านที่พัก งบประมาณอาหาร และการเดินทางทำให้ครูไม่สามารถพานิสิตทุกท่านไปได้ ครูทราบว่าทุกท่านมีเจตนาที่ดีที่จะลงไปศึกษาปัญหาในพื้นที่ และรับรู้สิ่งต่างๆ แต่นิสิตทุกหลักสูตรต่างก็มีในส่วนนี้เหมือนๆกัน สิ่งที่ทำได้คือครูและคณาจารย์ท่านอื่นๆ จะต้องตัดสินจากเรียงความที่คณาจารย์ทุกท่านได้เห็น เรียงความที่เขียนดีนั้นย่อมสะท้อนถึงความตั้งใจ ของผู้สมัครที่จะเข้าร่วม ไม่ได้หมายความว่าใครดีกว่าใคร ... นิสิตทุกท่านต่างมีความมุ่งมั่นในสายตาครูทั้งสิ้น หากแต่ว่าครูต้องเลือกเฉพาะบางคนภายใต้ข้อจำกัดที่มีอยู่ ดังนั้นคำแนะนำในขณะนี้คือว่าเมื่อใครได้โอกาสไปแล้วขอให้ใช้โอกาสให้ดีที่สุด แล้วหลังจากกลับจากค่าย ครูจะพยายามจัดกิจกรรมถ่ายถอดประสบการณ์ที่พวกเธอที่ได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมงานครั้งนี้สู่เพื่อนคนอื่นๆ ในคณะต่อไป ครับ...

เว้นในวันที่ 25 สิงหาคมมีนิสิตบางท่านสละสิทธิก็จะได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ปล.นิสิตบางท่าน(ส่วนใหญ่)ไม่ติดรูปถ่ายทำให้คณาจารย์จำหน้าไม่ได้ ดังนั้นแม้เราจะทราบว่านิสิตท่านนี้ชื่อคุ้นๆ และมีความตั้งใจแต่เมื่อเราไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ เราต้องใช้เรียงความเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท