3 อย่างนี้หากมีในครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา และผู้เกี่ยวข้อง ย่อมเยี่ยมที่สุด
ด้านหนึ่งครูอาจารย์ : กระหายสอนในขณะที่อีกด้านหนึ่งนักเรียนนักศึกษา : กระหายเรียนกระหายศึกษา ก็จะเกิดผลดีต่อทั้งคู่ แต่หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้นที่กระหายก็ย่อมล้มเหลว หรือระดับความกระหายที่แตกต่างกันในระหว่างทั้งสองก็เช่นกัน และย่อมรวมถึงคุณภาพของความกระหายด้วย แต่หากทั้งคู่ไม่มีความกระหายเลยอันนี้น่ากลัว
ด้านหนึ่งครูอาจารย์มีวิธีการจัดการในสิ่งที่จะสอน : ในขณะที่อีกด้านหนึ่งนักเรียนนักศึกษามีวิธีในการจัดการในสิ่งที่จะเรียนจะศึกษา หากการจัดการของทั้งสองส่วนมีคุณภาพ และสอดรับกันซึ่งน่าสนใจมาก และหากว่าครูอาจารย์รู้วิธีการจัดการความรู้ของผู้ที่เขาจะสอน และนักเรียนนักศึกษาก็รู้วิธีการจัดการความรู้ของผู้ที่จะสอนเขา ก็จะยิ่งน่าสนใจใหญ่
ด้านหนึ่งครูอาจารย์เชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลากับความรู้และอัพเดตเสมอ : ในขณะที่นักเรียนนักศึกษาก็เชื่อมต่อกับความรู้และพร้อมเสมอสำหรับการอัพเดต
ครูอาจารย์กับนักเรียนนักศึกษาเปรียบกับเครื่องรับเครื่องส่งที่หากปรับจูนให้เข้ากันอย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะสามารถสื่อสารกันได้อย่างดีเยี่ยม
สวัสดีค่ะ อาจารย์
อิอิ โปรดฟังอีกครั้ว...ทุกเรื่อง เลยค่ะ
จริงครับ..บางทีครูกระหายสอน..เด็กหายอยากที่เรียน...แต่อย่างไรครูกระหายสอนไว้ก่อนแหละดี.....กลัวแต่ครูหายสอนเท่านั้นแหละที่เด็ก..จะแย่
ผมว่าผู้สอนเป็นแกนหลักว่า จะมีวิธีการอย่างไรให้เด็กไม่หาย ที่เด็กหายส่วนใหญ่เพราะเขาไม่ชอบวิธีการสอนแบบเดิมๆมากกว่า ผมว่าครูลองปรับวิธีการสอนดูแล้วจะรู้ว่าอาชีพนี้มันมีความสุขมากเมื่อเด็กแย่งกันเข้าเรียน (ประสบการณืของตัวเองครับ)อย่าไปโทษเด็กเลยครับ วัลลอฮฺอะลัม
ครูอาจารย์กับนักเรียนนักศึกษาเปรียบกับเครื่องรับเครื่องส่งที่หากปรับจูนให้เข้ากันอย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะสามารถสื่อสารกันได้อย่างดีเยี่ยม
.....
อืม ก็เห็นด้วยนะคะ
แต่บ่อยครั้ง ที่ปรับจูนยังงัยก็ไม่เข้ากันอยู่ดี เพราะครูเป็นคลื่นในระบบ FM ในขณะที่นักเรียนเป็นคลื่นในระบบ AM :-)
สวัสดีค่ะ
* เข้ามายกมือเห็นด้วยค่ะ
* ครูก็ทำหน้าที่คล้ายแพทย์นะคะ
* ผู้ป่วยไม่ดูแลตัวเองผู้รักษาก็ต้องหาวิธีโน้มน้าวใจ
* ครูตั้งใจดีแล้ว...เด็กๆ ก็จะตามมาค่ะ
* ขอบคุณมากค่ะ
ครับ เป็นวิธีการที่ครูทุกคนต้องคำนึง
และตัวอย่างที่ดีที่สุดในการสอนให้ถูกต้อง ต้องดูแบบอย่างจากนบี(ศ็อลฯ)
ครั้งหนึ่ง นบีสอนบรรดาเศาะฮาบะฮฺ เรื่องอิสลาม อิมาน และวันกิยามัต
เวลาเริ่มต้น
ต้องจูน..คนฟังกับคนพูด
ด้วยการให้คนฟังมีแรงจูงใจพอในการสนใจสิ่งที่จะพูด
ด้วยการ เป็นชายแปลกหน้า น่าสนใจ
แล้วเรื่องราว ทำเป็นแบบมาถามนบี
เรื่องนี้ผมได้เขียนมาหลายรอบแล้วครับ ...
เมื่อกี้เห็นเมล์มีคนถามผ่าน learners.in.th ก็เลยไปตอบเขาหน่อย
จริงๆแล้วเรื่องที่เขียนไม่เกี่ยวกับที่เขาถาม.. แต่โดยรวมๆแล้วน่าจะรวมกันได้
ผมเช็คดีมีคนหนึ่งได้ถามเกี่ยวกับแรงจูงใจในอัลกุรอาน ..
ผมก็ตอบไปง่ายๆ เพื่อความจูนของคน คือการใช้ อะลีฟ ลาม มีม ถ้าสนใจไปอ่านได้ครับ
เห็นด้วยจริงๆอย่างว่าล่ะค่ะ..
หากทั้งสองฝ่ายจูนตรงกันเนี่ย..บรรยากาศการเรียนรู้จะมีพลังมากๆ..
อาจารย์สบายดีนะคะ^^
เมื่อ พฤ. 07 ส.ค. 2551 @ 09:40
776569 [ลบ]