หน้าแรก
สมาชิก
นพ. ชาตรี เจริญศิริ
สมุด
สื่อสารสุข
ลมหายใจที่ไม่จางห...
นพ. ชาตรี เจริญศิริ
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ลมหายใจที่ไม่จางหายของเพลงเรือแห่งแหลมโพธิ์
“สวมผ้าปกปิดมิดชิดกายา ควรนอนกางมุ้งกันยุงมาหา กำจัดน้ำมาที่มาขึ้นขัง ใส่ทรายอาเบทวิเศษเสียจัง ถ้ามีน้ำขังในถังในกล่องในโอ่งในไห....”
เกริ่นนำ
“สวมผ้าปกปิดมิดชิดกายา
ควรนอนกางมุ้งกันยุงมาหา
กำจัดน้ำมาที่มาขึ้นขัง
ใส่ทรายอาเบทวิเศษเสียจัง
ถ้ามีน้ำขังในถังในกล่องในโอ่งในไห....”
นี่เป็นครั้งแรกของผู้เขียนที่ได้ยินเสียงเพลงเรือ แหลมโพธิ์ จังหวัดสงขลา ซึ่งกลั่นมาจากเสียงใส ๆ ของเด็กนักเรียนวัยประถมศึกษากว่า 10 ชีวิตของโรงเรียนคูเต่าวิทยา แม้นจะไม่ใช่คนใต้ แต่ผู้เขียนพอจะจับใจความได้ว่า น้อง ๆ ชาวใต้รุ่นใหม่กำลังป่าวร้องให้พ่อแม่พี่น้องชาวใต้โปรดระวังยุงลายด้วยสำเนียงและเสียงเพลงเรือของคนใต้ เสียงเพลงที่กู่ร้องออกมาแสดงให้เห็นว่าลมหายใจของเพลงเรือที่เคยรวยรินกลับคึกคักขึ้นมา อีกทั้ง ยังเพิ่มหน้าที่รณรงค์ด้านสุขภาพอีกด้วย
ลำนำเพลงเรือที่แหลมโพธิ์
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเพลงเรือในภาคกลาง และอาจสงสัยว่าในภาคใต้มีเพลงเรือด้วยหรือ? แม่เพลงเรือแห่งชุมชนแหลมโพธิ์อย่าง มาลี เถาถวิลให้อรรถาธิบายว่า ในจังหวัดสงขลาก็มีเพลงเรือเช่นกัน ลักษณะก็คล้าย ๆ กับเพลงเรือทั่วไป มีทั้งพ่อเพลงแม่เพลง แต่ที่จะแตกต่างก็คือ เพลงเรือที่นี่นั้นจะอยู่ในเทศกาลชักพระทางทะเล ในเดือน 11 (หรือเดือนตุลาคม) นอกจากนั้น เอกลักษณ์สำคัญอีกประการก็คือ เพลงเรือแหลมโพธิ์จะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับภูมิศาสตร์ภาคใต้ เช่น มีเนื้อหาที่กล่าวถึงธรรมชาติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และที่สำคัญอีกประการก็คือ แก่นของเพลงเรือที่นี่ก็คือ “สำเนียงใต้”
แม่เพลงรุ่นอาวุโสเล่าต่อมาว่า สิ่งที่ยายกังวลมากที่สุดก็คือ เพลงเรือกำลังสูญหายไปเรื่อย ๆ เพราะนานปีทีหนจะใช้เพลงเรือ ปีหนึ่งจะมีเทศกาลก็เพียงครั้งเดียว คนรุ่นเก่า ๆ อย่างย่ายายที่ชอบเพลงเรือก็เริ่มล้มหายตายจากไป ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็มองข้ามเพลงเรือหันไปสนใจเพลงสตริงแนวใหม่ ๆ ความกังวลใจของแม่เพลงเรือรุ่นอาวุโสกระตุ้นให้แม่เพลงพยายามหาวิธีการที่จะพัฒนาให้คนรุ่นใหม่สนใจเพลงเรือ ด้วยเหตุนี้ บรรดาแม่เพลงเรือจึงได้จับมือกับโรงเรียนคูเต่าวิทยา และโครงการสื่อพื้นบ้านสื่อสารสุข ซึ่งสนับสนุนโดย สสส. เพื่อหันมาพัฒนาให้เพลงเรือยังอยู่ในหัวใจของเด็กรุ่นใหม่
การต่อลมหายใจของเพลงเรือด้วยการเพิ่มหน้าที่ด้านสุขภาพ
คุณครูหิรัญ เถาถวิล และคุณครูสุนิศา หวังสุข แห่งโรงเรียนคูเต่าวิทยา เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ทางโรงเรียนได้จับมือกับบรรดาแม่เพลงเรือรุ่นอาวุโสเพื่อสานฝันให้เพลงเรือแหลมโพธิ์ยังคงมีลมหายใจอยู่ ด้วยการเพิ่มบทบทหน้าที่ของเพลงเรือจากเดิมที่ทำหน้าที่เฉพาะงานเทศกาลชักพระมาสู่บทบาทหน้าที่เพื่อการพัฒนาสุขภาพ ดังเช่น การใช้เพลงเรือมาใช้กับการออกกำลังกาย การใช้เพลงเรือเพื่อรณรงค์กิจกรรมสุขภาพ ทั้งการป้องกันยุงลาย การป้องกันเหล้าและบุหรี่ สุขภาพอนามัย รวมทั้ง การเล่นเพลงเรือยังช่วยพัฒนาสุขภาพของเด็กและทำให้เด็กใต้ได้ฝึกฝนการใช้ภาษาไทย การแต่งกลอน และการกล้าแสดงออกได้อย่างดี
พอลองถามว่า เหตุไฉนครูทั้งสองจึงสนใจเพลงเรือ ครูสุนิศา บอกว่า เพลงเรือมีทั้งความสนุกสนานจากคำร้อง เช่น คำร้องแบบสองแง่สองง่าม การได้ความรู้จากพ่อเพลงแม่เพลง เช่น ความรู้ทางโลกและทางธรรม และสำหรับกรณีเด็ก ๆ เพลงเรือฝึกฝนทั้งความจำ การต่อสายสัมพันธ์ของคนรุ่นย่ายายกับคนรุ่นหลาน ความสามัคคีหมู่คณะของเด็ก ๆ การยอมรับว่าใครเป็นผู้นำและใครเป็นผู้ตาม เช่น ในครั้งนี้ใครจะเป็นพ่อเพลงแม่เพลง และใครจะเป็นลูกคู่ นอกจากนั้น คุณครูยังแอบกระซิบกับผู้เขียนว่า ตนก็มีสายเลือดของเพลงเรือเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่ยอมให้ศิลปะพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของคนใต้ต้องมลายหายไปได้
เมื่อใช้ก็ต้องพัฒนาสุขภาพของเพลงเรือ
คุณครูสุนิศาเล่าให้ฟังเพิ่มเติมถึงการปลูกหน่อใหม่ของเพลงเรือว่า ในขณะนี้ครูและแม่เพลงเรือกำลังเริ่มฝึกเด็กรุ่นใหม่ชั้นประถมกว่า 90 คนให้รู้จักเพลงเรือ เด็ก ๆ ที่เข้ามาร่วมมีตั้งแต่ระดับชั้น ป.1 จนถึง ป. 6 แม้นว่า ในระยะแรก ๆ เด็ก ๆ อาจจะยังแต่งเพลงเรือไม่เป็นแต่เมื่อขึ้นชั้น ป. 5 และ ป. 6 ก็เริ่มมีแววแต่งเพลงได้บ้าง นอกจากนั้น ยังได้ตั้งชมรมเพลงเรือในโรงเรียน และกำลังวางแผนการจัดการแข่งขันการประกวดเพลงเรือ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจของเด็ก ๆ ให้เห็นคุณค่าของเพลงเรือ
เด็กน้อยวัยใสกว่าสิบชีวิตที่มาร่วมงานนี้ กล้าที่จะร้องเพลงเรือด้วยนำเสียงใต้ แม้นว่า ในตอนนี้เด็ก ๆ กลุ่มนี้ยังไม่ค่อยกล้าที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้าอย่างผู้เขียนเท่าไรนัก เพราะว่าเพิ่งเริ่มเข้าโครงการเรียนรู้เพลงเรือไม่กี่เดือนมานี่เอง แต่การเปล่งเสียงของเด็ก ๆ อย่างมั่นใจเวลาร้องเพลงเรือ ทำให้ผู้เขียนเริ่มมองเห็นว่า อนาคตของต้นอ่อนของเพลงเรือนี้กำลังค่อย ๆ เติบโตขึ้น และสิ่งที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กันก็คือ “อัตลักษณ์และศักดิ์ศรีของสำเนียงใต้” ที่เด็กรุ่นใหม่จะกล้าพูดภาษาถิ่นได้มากขึ้น
ล่ำลา
ในวันนี้ แม้ว่า เพลงเรือจะไม่สูญหายไปเพราะเรายังมีกลุ่มแม่เพลงและครูที่รักศิลปะพื้นบ้าน รวมถึงยังมีโครงการสื่อพื้นบ้านสื่อสารสุขที่เข้าใจการใช้เพลงเรือเพื่อสุขภาพ อีกทั้ง พัฒนาสุขภาพของเพลงเรือ แต่ปัญหาสำคัญของเพลงเรือที่ครูสุนิสาเล่าให้ฟังก็คือ “สำเนียงใต้” ที่เปลี่ยนไปของเด็ก ๆ ส่งผลให้เวลาร้องเพลงเรือไม่ได้อรรถรสของเพลงเรือแบบใต้ ๆ
ต้นไม้เพลงเรือจะเติบโตหรือยั่งยืนได้นั้น แม่เพลงเรือและครูแห่งแหลมโพธิ์กำลังทำนุบำรุงและพัฒนาเหลี่ยมมุมหน้าที่ด้านสุขภาพ พร้อมทั้งย้ำว่า การสอนแต่เพียงให้เด็กร้องเพลงอาจจะไม่ทำให้ยั่งยืนเท่ากับการสอนให้เด็กเข้าใจแก่นแท้ และรากเหง้าของต้นไม้เพลงเรือ
--------------------------------
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นพ. ชาตรี เจริญศิริ
ใน
สื่อสารสุข
คำสำคัญ (Tags):
#uncategorized
หมายเลขบันทึก: 19818
เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2006 15:15 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 18:13 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
นพ. ชาตรี เจริญศิริ
สมุด
สื่อสารสุข
ลมหายใจที่ไม่จางห...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท