ประสบการณ์หัวใจ


เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2551 ได้รับประสบการณ์หัวใจ...ที่ต้องจดจำและขยายต่อให้เราๆ ท่านๆ ได้รับรู้ด้วย เพื่อจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจของตนเองไม่มากก็น้อย...เกริ่นมาอย่างนี้สงสัยจะพาทุกคนเริ่มคิดว่าวันนี้...มาแปลก..หลังจากหายไปนานไปมีความรักอะไรที่ไหนมาถึงตั้งต้นก็ว่าเกี่ยวกับหัวใจ...

ประสบการณ์หัวใจที่ว่านั้น...เป็นเรื่องของหัวใจจริงๆ คือ ได้ไปเข้ารับการรักษาโดยการจี้ไฟฟ้าที่หัวใจ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวะการเต็นของหัวใจผิดปกติ...

ที่ผ่านมาต่อเนื่องกันสัก 3 ปี เวลาไปหาหมอ คุณพยาบาลตรวจชีพจร ก็มักจะพูดว่าชีพจรเต้นแปลก คือคล้ายๆ กับว่าจะมีการเต้นช้าลงเป็นช่วงๆ ซึ่งตัวเราเองก็ไปตรวจคลื่นหัวใจดูก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งคุณหมอให้คำแนะนำว่ายังไม่มีอะไรน่ากังวล อาการเต้นในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นได้กับบุคคลทั่วไป แต่ให้คอยสังเกตตัวเองด้วยว่ามีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรืออาการเหมือนจะวูบร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจเพื่อตรวจละเอียดและทำการรักษาต่อไป

พอในช่วงต้นปี 2551 ที่หน่วยงานมีการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเราก็ตรวจคลื่นหัวใจอีก คราวนี้ผลกราฟออกมาระบุเลยว่าผิดปกติ ช่วงการเต้นช้าถี่ขึ้น ประกอบกับในช่วงปีที่ผ่านมารู้สึกเหนื่อยง่ายมากๆ คุณหมอจึงแนะนำว่าให้ไปตรวจให้ละเอียดกับโรงพยาบาล หลังจากนั้น ก็เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลรามาธิบดี เนื่องจากตรวจรักษาโรคประจำตัวอื่นอยู่แล้ว โรงพยาบาลมีประวัติการรักษา การให้ยาเราโดยละเอียด

ก่อนอื่นเราก็ไปทำนัด...โดยนำผลการตรวจเบื้องต้นไปด้วย เล่าอาการให้คุณพยาบาลฟังโดยละเอียด...คุณพยาบาลก็พิจารณาทำนัดให้ พอถึงวันนัดตรวจที่โรงพยาบาล...รู้สึกว่าที่นี้...เขาเร็ว...และมีความพร้อมมากเลย  เราเลือกใช้บริการคลีนิกพิเศษ (บริการหลังเลิกงาน) ระหว่างเดินทางก็โทรไปบอกคุณพยาบาลว่ากำลังเดินทางไป...อาจจะไปถึงช้ากว่ากำหนดเวลายื่นบัตรเล็กน้อย (กำหนดยื่นบัตรก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง)...พอไปถึงยื่นบัตรรอแป๊ปเดี๋ยวเขาก็เรียกเข้าตรวจ (จริงๆ คนไข้เยอะแต่เขาเรียงตามเวลานัด)

คุณหมอเริ่มด้วยการซักถามประวัติ อาการ และดูผลการตรวจเบื้องต้นที่เราถือไปประกอบด้วย แล้วก็ใช้หูฟัง (หากเรียกผิดขออภัยด้วย) ตรวจฟังชีพจร วัดความดัน ฟังปอด แล้วคุณหมอก็บอกว่าขอตรวจคลื่นหัวใจใหม่ให้ละเอียด พอเสร็จหมอดูผลก็บอกว่ามีลักษณะบ่งชี้ว่าน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับคลื่นไฟฟ้าในหัวใจ ขอทำตรวจอัลตราซาวนด์ พอตรวจเสร็จคุณหมอบอกว่าหัวใจมีปัญหาจริงๆ จำเป็นต้องติดเครื่องนับแบบติดตัว เพื่อติดตามการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และความถี่ของการเต้นที่ปกติ ซึ่งเมื่อติดเครื่องแล้วก็กลับบ้านได้ และไปทำงานได้ แต่ห้ามอาบน้ำ และทำกิจกรรมใดที่จะกระทบต่อช่วงตัวทั้งด้านหน้าและหลัง รวมทั้งการยกแขน หรือเหวี่ยงแขนหนักๆ (ในการตรวจลักษณะพิเศษอัลตราซาวนด์ และติดเครื่องนับ เราต้องจ่ายเงินเพิ่มส่วนหนึ่ง เพราะเบิกไม่ได้)

พอครบ 24 ชั่วโมงก็กลับไปให้โรงพยาบาลถอดเครื่อง ซึ่งเมื่อถอดเสร็จคุณพยาบาลก็จะตรวจสอบในเบื้องต้นว่าได้ข้อมูลเรียบร้อยหรือไม่ ...ปรากฎว่าได้ข้อมูลเรียบร้อย...จึงให้กลับบ้านและนัดมาฟังผล

วันฟังผล...ตอนนี้เริ่มกังวลใจแล้ว..ก็เรารู้สึกว่าเราต้องมีปัญหาแน่เพราะมีการตรวจพิเศษมากกว่าคนอื่น...แต่ก็หายใจลึกๆ แล้วก็ถอนหายใจยาว 2-3 ครั้งเพื่อทำใจ...คุณหมอบอกว่าเรามีการเต้นของหัวใจผิดปกติอยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง...เพราะใน 24 ชั่วโมงมันเกิดขึ้นมากกว่า 20,000 ครั้ง โดยบางทีจะมีลักษณะคล้ายๆ ไปในทางจะหยุดเต้น ซึ่งตรงนี้สาเหตุวินิจฉัยว่ามาจากการเกิดประจุไฟฟ้าช้อตในหัวใจ และอาจจะมีปัญหาที่หัวใจห้องล่างด้านขวา เราเองก็งง..เรานี่เป็นโรคทันสมัยซะจริง...ณ ตอนนั้นไม่สนใจหรอกว่ามันเป็นอย่างไร  สนใจอย่างเดียวว่าหลังจากนี้จะรักษาอย่างไร ก็ถามคุณหมอไปอย่างที่คิด

"การรักษาสามารถทำได้ทั้งการรับประทานยา และการทำการจี้ไฟฟ้าที่หัวใจ ก็อยู่ที่คนไข้จะตัดสินใจ การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาอาการ ซึ่งเมื่อถึง ณ เวลาหนึ่งอาจจะมีผลข้างเคียง และต้องทำการจี้ไฟฟ้า  แต่ถ้าทำการจี้ไฟฟ้าเสียตั้งแต่แรกมันเป็นการรักษาที่ต้นเหตุ โอกาสหายขาดจะมีมาก แต่ก็มีหลายคนที่ต้องทำมากกว่าหนึ่งครั้ง และการจี้ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายบางส่วนที่เบิกไม่ได้ ผู้รับการรักษาจะต้องชำระเพิ่มเติมเอง..." คุณหมอบอก

เรามันชอบแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ รักษาแล้วต้องมีโอกาสหายขาด (จริงๆ แล้วไม่ชอบกินยา..) ก็ตัดสินใจเลือกวิธีจี้ไฟฟ้า  คุณพยาบาลก็นัดวัน แนะนำการเตรียมตัว และเงินที่คาดว่าจะต้องจ่ายเพิ่ม  และก็ให้เราไปติดต่อห้องพัก เนื่องจากจะต้องนอนพักที่โรงพยาบาล 1 คืน

เมื่อวันนัดมาถึง...เราก็ไปพร้อมคุณสามี (คุณพยาบาลบอกไว้ว่าต้องพาญาติที่ใกล้ชิด และสามารถตัดสินใจได้ไปด้วย 1 คน)...อ้อเกือบลืม วันนี้เราต้องอาบน้ำให้สะอาด ตัดเล็บ สระผมให้เรียบร้อย ไม่ใช้แป้ง โลชั่น และเครื่องสำอางอื่นใดทั้งสิ้น รวมทั้งการกำจัดขนเฉพาะที่ ...อดอาหารและน้ำตามแพทย์สั่ง

ไปถึงโรงพยาบาลเวลาประมาณ 06.00 น. ...สิ่งแรกที่ต้องไปทำก็คือไปแสดงตนที่จุดนัดหมาย (ห้องสวนหัวใจ) ...และก็ไปเจาะเลือด ...ติดต่อแผนกห้องพัก ...และกลับมานั่งรอที่หน้าห้องสวนหัวใจ ระหว่างนั่งรอก็ได้คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนไข้ด้วยกันก็พบว่ามีคนที่จะทำเหมือนเราด้วย ซึ่งเขาต้องทำก่อนเรา...เขาทราบว่าเป็นแน่ๆ มา 3 ปี แต่เขาเลือกวิธีกินยา และยาเกิดผลข้างเคียงต่อตับอย่างมาก เขาไม่สามารถกินยาต่อไปได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องทำการจี้ไฟฟ้า เขามา 2 คน กับภรรยา เพิ่งแต่งงานได้ประมาณ 1 เดือน เขามีอาการมากกว่าเราคือวูบแน่นิ่งไปเลย  ตามคิวแล้ววันนี้เขาเป็นคิวที่ 1 และเราเป็นคิวที่ 2  แต่ในระหว่างรอปรากฎว่ามีคิวฉุกเฉินมาแทรกอีก 2 คิว คนแรกเป็นเด็ก  อีกคนเป็นคนแก่มาจากต่างจังหวัดเส้นเลือดหัวใจตีบตัน มีอาการแน่นหน้าอก นอนราบไม่ได้ ต้องนั่งฟุบหน้ากับกองหมอนสูงถึงคอ ระหว่างนี้ คุณหมอเจ้าของไข้ที่จะทำหัตถการหัวใจ (ขอใช้ภาษาหมอซักหน่อยนะ...) ของเรา และคุณที่ต้องรักษาแบบเดียวกับเราก็มามีการทักทายเล็กน้อย...แล้วคุณพยาบาลก็ส่งเราทั้ง 2 คน ไปห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องที่นั่งสบาย มีแอร์เย็นเชียว เหมือนโรงพยาบาลเอกชน และก็มีทีมแพทย์มาคุยทำความเข้าใจกับเราถึงวิธีการทำหัตถการ และความเสี่ยง รวมทั้งโอกาสการเสียชีวิตคาเตียง ...(ค่อนข้างไซโคหน่อย...) แล้วให้เราตัดสินใจให้มั่นเหมาะว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง...เขาทิ้งท้ายให้เราตัดสินใจ ถ้าจะเดินหน้าก็ให้ลงนามในแบบยินยอมให้รักษา และให้ญาติรับทราบ

''จากงานวิจัยในต่างประเทศ...พบว่าความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในระหว่างทำ 1 ต่อ 1,000 แต่ที่ทางโรงพยาบาลทำการรักษามายังไม่พบกรณีดังกล่าว จะมีเพียงแต่อาจจะต้องทำมากกว่า 1 ครั้ง" ทีมหมอบอก

"แล้วโรงพยาบาลทำมากี่คนแล้วคะ?"  เราถามกลับ

"พันกว่าคนแล้วครับ" หมอตอบ 

เรากับสามีเริ่มลังเลแล้ว ก็พันกว่าคนแล้วยังไม่มีกรณีเสียชีวิต มีนัยว่าหมอชำนาญทำมาพันกว่ารายแล้ว หรือยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์นั้น โอกาสมันอาจจะมาเกิดกับเราก็ได้ ...เอ..แต่ไม่ทำก็ไม่ได้...ดูตัวอย่างพี่คนนั้นซิในที่สุดก็ต้องทำ...เอาเป็นไงเป็นกัน...เราคิด ตกลงทำ! "ตัวเอง...แน่ใจเหรอ"...สามีท้วง.. เราบอกแบบสั่งเสียเล็กน้อยว่าให้มันเป็นไปตามบุญกรรมมาถึงตรงนี้แล้วเหมือนเขาลิขิตมาไม่เป็นไร..ระหว่างทำหากเกิดอะไร...หมอแนะนำให้ทำอย่างไร...ให้อนุญาตให้หมอทำไม่ต้องลังเล...แล้วผลเป็นอย่างไรไม่ต้องโทษหมอ...ว่าแล้วก็ลงนามยินยอม ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ารอคิวถัดไป (เพราะพี่คนนั้นเกิดตัดสินใจที่จะไม่ทำ)

นั้งคอยอยู่อีกประมาณครึ่งชั่วโมง ...ปรากฎว่าพี่คนนั้นเปลี่ยนใจ...แกเลยเข้าไปก่อนเราระหว่างรออยู่ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง เราต่างก็คอยให้กำลังใจภรรยาของพี่เขา...ชวนเขาคุย...บอกเขาไม่ต้องกังวลหมอเขาเก่ง เครื่องมือก็ถึง  ในช่วงนี้ เราก็มีโอกาสได้คุยกับคนไข้อีกคนที่มาทำการตรวจหัวใจหลังจากติดเครื่องกระตุ้นหัวใจ...ป้าเล่า และญาติที่มาด้วยคุยให้ฟังว่าอยู่หาดใหญ่...วันหนึ่ง...อยู่ๆ แก่ก็สลบแน่นิ่งไป นึกว่าไม่รอดแล้วเชียวแหละ โรงพยาบาลก็ทำการช่วยชีวิต และก็ส่งตัวมารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาฯ การตรวจพบว่าห้องล่างด้านขวาทำงานผิดปกติต้องติดเครื่องกระตุ้น  พอติดเครื่องแล้วกลับไปบ้านที่หาดใหญ่มันนอนไม่หลับเลย กังวล แล้วก็รู้สึกหัวใจมันเต้นโครมๆ อยู่ในอก ก็เลยกลับมาหาหมอตรวจดูใหม่

"หนูติดแล้วมันลำบาก ...ยกแขนข้อศอกสูงเกินอกก็ไม่ได้...เข้าใกล้เครื่องอิเล็กทรอนิกก็ไม่ได้ โทรศัพท์มือถือก็เลิกใช้ ...เวลาฝนตั้งเค้า..ก็ต้องอยู่แต่ภายในอาคาร...ฝนตก ฟ้าร้องเป็นอุปสรรคหมด...แต่ทำไงได้...อยากอยู่ก็ต้องติด"

คำสำคัญ (Tags): #หัวใจ
หมายเลขบันทึก: 197233เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2008 09:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท