“Why Smart People Can be so Stupid?” เป็นหนังสือที่ดูชื่อแล้วน่าบันเทิงอย่างยิ่ง ตั้งชื่อดูแล้วน่าเป็นคอลัมน์หนังสือประเภทซุบซิบมากกว่าเป็นตำรา แต่เมื่อเปิดดูชื่อผู้เขียนนับแต่ Robert J. Sternburg ผู้เป็นบรรณาธิการของหนังสือ เจ้าของทฤษฎีดังทางจิตวิทยา ซึ่งคนในวงการจิตวิทยา และการศึกษา หากไม่รู้จักคนนี้สงสัยต้องไปเคาะสนิมโรคล้าหลัง
หรืออัลไซเมอร์ในอดีตเราก็ได้ฟังเรื่องพลาดแบบไม่น่าเป็นไปได้จากคนดัง ๆ เช่น นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก แน่นอนเขาเป็นอัจฉริยบุคคลตัวยง แต่เวลาที่ต้องหาทางเจาะช่องให้สุนัขกับแมวที่บ้านเข้าเขาเจาะถึงสองช่อง! ไอน์สไตน์ก็เป็นสัญลักษณ์ของอัจฉริยะของโลก แต่ในชีวิตส่วนตัวก็มีเรื่องน่าขันถึงความไม่รู้เรื่องของเขา เช่น หุงข้าวไม่เป็น และความซุ่มซ่ามหรือไม่เดียงสา หลายอย่างที่แม้แต่คนปัญญาอ่อนก็ไม่ทำ อัจฉริยะของโลกหลายคนอาจทำมาแล้ว นักวิชาการระดับโลกคนหนึ่งฉลาดเป็นกรด วันหนึ่งเพื่อนขอร้องให้ดูแลเพื่อนให้ เมื่อตื่นเช้ามาก็อยากดื่มกาแฟ กลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะไม่กล้าเปิดเตาแก๊ส สรุปต้องดื่มจากก๊อกน้ำร้อนแทน พอหนุ่มน้อยปัญญาอ่อนตื่นมา ศาสตราจารย์ท่านนี้ก็หิวเป็นกำลัง แต่ปรุงอาหารไม่ได้ ท้ายสุดหนุ่มน้อยปัญญาอ่อนต้องดูแลทำกับข้าวให้กิน เลยไม่แน่ใจว่าใครดูแลใคร
ตัวอย่างทางพฤติกรรมมากมายหลายกรณีในหนังสือเล่มนี้หยิบยกมาเป็นกรณีเด็ด มักจะนำมาจากผู้ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น กรณีของประธานาธิบดีคลินตัน กับลูวินสกี้ ถือเป็นคดีเด็ดเขียนวิเคราะห์หนึ่งบทเต็ม ๆ นอกนั้นก็มีนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงโด่งดังคับเมืองแต่ถูกจับเข้าคุกเพราะชอบหลอกล่อเด็กหนุ่มมาถ่ายรูปโป๊ ทำมานานแต่ท้ายสุดวิบากกรรมตามทันเมื่อเด็กคนหนึ่งไม่ยอมและเรียกร้องเป็นเงินราคาแพง เรื่องก็ต้องจบลงการเสียเงิน เสียอิสรภาพ เสียชื่อเสียง ความจริงบ้านเราก็มีหลายกรณีที่เป็นคดีเด็ดกว่าฝรั่ง ไม่อย่างนั้นจะมีคำพังเพยว่า “ปลาตัวโตตายน้ำตื้น” มาแต่โบราณหรือคะ ถ้าคนดัง ๆ บ้านเราหากไปอยู่เมืองนอกสงสัยได้ถูกเอามาวิเคราะห์ในหนังสือเล่มนี้แล้ว
นักจิตวิทยากลุ่มนี้ท่านก็ตั้งคำถามเป็นประเด็น ๆ ว่าทำไม….คนพวกนี้ที่แสนฉลาดถึงโง่ได้… และความโง่กับความฉลาดนี่มันเกี่ยวข้องกันอย่างไร ความงี่เง่านี่ไปสร้างพฤติกรรมงี่เง่าให้กับคนฉลาด แต่เรามีวิธีวัดความโง่บ้างไหมนี่? และท้ายสุดเรามีทางที่จะปรับความงี่เง่าของคนฉลาดให้น้อยลงไหม ?
เวลานักวิชาการเขาอยากหาคำตอบ ก่อนอื่นเขาต้องดูคำนิยามก่อนว่าความงี่เง่านี่หมายความว่าอย่างไร สรุปว่ายังไม่เคยมีใครให้คำนิยาม พวกเขาก็เลยลองตั้งความหมายของความงี่เง่าว่าคือความล้มเหลวในการใช้ปัญญาของตัวเองให้บรรลุจุดมุ่งหมาย ท่านลองตั้งคำนิยามดูแล้วส่งไปขอรางวัลกับ ดร.สเตอร์นเบอร์คเอาเองแล้วกันนะคะ
เมื่อหกสิบปีที่แล้วมีหนังสือดังทางจิตวิทยาเรื่องหนึ่งชื่อ “ The Mentality of Apes’’ Wolfgang kokfer ซึ่งอาจเป็นคนแรกที่พูดถึงความผิดพลาดของสัตว์สายลิง (รวมคนด้วยมั้งคะ) ว่าความผิดพลาดมาจากสามสิ่ง คือ
ศาสตราจารย์เฮมานยังพยายามศึกษาความพลาดของคนปัญญาอ่อนว่าคนปัญญาอ่อนทำพลาดถือว่าเป็นความงี่เง่าไหม นักจิตวิทยาหลายท่านไม่มีใครกล่าวออกมาตรง ๆ ว่าสรุปว่าอย่างไร ดร.เฮมานก็วิเคราะห์จากข้อมูลแล้วบอกว่าคนที่สติปัญญาอ่อนด้อยเมื่อผิดพลาดเป็นเพราะขาดความสามารถที่เหมาะสมขาดความรู้ที่จะแก้ปัญหา สรุปว่าคนฉลาดน้อยไม่สามารถงี่เง่าได้ในความเห็นของท่าน
น่าเสียดายว่าด้วยเนื้อที่จำกัด ผู้เขียนไม่สามารถเล่าขานถึงแนวความคิดจากนักวิชาการดัง ๆ ที่วิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้หมด หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้พบว่า หลายแง่มุมทางจิตวิทยาได้ละเลยหลักการหรือเหตุผลทางทฤษฎีสำหรับคนฉลาดไปมากทีเดียว หนังสือเล่มนี้เขียนโดยกลุ่มนักจิตวิทยาระดับที่มีชื่อเสียงในวงการ และอธิบายแง่มุมที่ขาดหายทางจิตวิทยาได้เป็นอย่างดี
เห็นไหมคะว่าเราเองก็อาจงี่เง่าเรื่องความเชื่อที่ว่าคนฉลาดต้องฉลาดรู้ไปทุกเรื่อง ช่วยตัวเองได้หมด
เด็ก ๆ ที่ฉลาดก็มีเรื่องที่แสดงถึงความงี่เง่าหลายประการที่เล่าทั้งปีก็ไม่จบ
ไม่มีความเห็น