เล่าเรื่องเมืองหงสา (๒๑) “ชมเชยวันป่อยปา-ปกปักรักสาสัดป่าแห่งชาด ๑๓ กอละกด”


วันที่ ๑๓ กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันปล่อยปลา วันปกปักรักษาสัตว์ป่าแห่งชาติ”

หมู่นี้งดอาหารประเภทปลา หันมาบริโภคหน่อไม้เป็นเมนูหลักครับ ด้วยเหตุที่ว่าได้ไปร่วมพิธีปล่อยปลามา เลยตั้งใจไว้ว่าให้เวลาผ่านพ้นไปสักระยะชั่วคืนเพ็ญหน้าเสียก่อน ผมได้รับเชิญเข้าร่วมพิธีปล่อยปลาทั้งที่เมืองหงสา และเมืองเงิน ในเมืองลาวเขากำหนดให้วันที่ ๑๓ กรกฎาคมของทุกปีเป็น วันปล่อยปลา วันปกปักรักษาสัตว์ป่าแห่งชาติ ทุกเมืองจะจัดพิธีปล่อยปลากันขึ้นใกล้ๆกับวันนี้ แต่ไม่จัดพร้อมกันเพราะต้องเชิญเมืองเพื่อนใกล้เคียงไปร่วมเป็นแขกกันด้วย เสร็จพิธีปล่อยปลามักมีการแข่งขันกีฬาสามัคคีกันต่อ

 

ที่เมืองหงสาปีนี้จัดวันปล่อยปลาในวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันพระพอดี ที่หงสาช่วงนี้ท่านเจ้าเมืองติดภารกิจไปอบรมที่เมืองหลวง เลยจัดพิธีแบบเรียบง่ายที่ริมลำน้ำแก่น มีการออกบัตรเชิญแจ้งการไปยังหน่วยงานและคุ้มบ้านต่างๆ ให้นำปลามาร่วมปล่อย หน่วยงานเจ้าภาพคือห้องการกสิกรรมป่าไม้เมืองหงสา เมื่อถึงเช้าของวันนัดหมาย ทุกคนมาพร้อมถุงลูกปลา หลังจากจับไม้จับมือทักทายกันแล้ว ท่านผู้แทนห้องกสิกรรมฯกล่าวรายงาน ท่านรองเจ้าเมืองอ่านคำให้โอวาท ทุกคนปล่อยปลาลงในลำน้ำก็เป็นอันเสร็จพิธี

แต่ที่เมืองเงิน คณะของเราออกเดินทางจากหงสาตั้งแต่หกโมงเช้า ไปพบท่านเจ้าเมืองแปดโมง ปรึกษาหารือกันจิบน้ำชาขิงน้ำมะตูมที่ท่านนำมาอวดแล้วท่านก็นำพาไปที่พิธีปล่อยปลา ที่นี่เขาจัดใหญ่โตเริ่มที่พิธีสงฆ์ได้ฟังสวดสำเนียงลื้อเพราะจับใจ เณรที่นี่ท่านทำงานเป็นทีมรู้จักแบ่งกันท่องแบ่งกันสวดคนละท่อนละตอน มิเช่นนั้นคงต้องเหนื่อยจำเหนื่อยสวดแน่ๆ บทสวดท่านยาวกว่าชั่วโมงทีเดียว แต่ถึงตอนบทสวดหมู่ก็ยิ่งน่าฟังใหญ่ จบสวดท่านไปพรมน้ำมนต์ที่ถุงปลาแล้วก็กลับ จากนั้นเป็นการอ่านคำให้โอวาทของท่านเจ้าเมือง ทำให้ได้ทราบว่าที่เขาเลือกจัดงานในช่วงนี้เป็นเพราะใกล้ฤดูเข้าพรรษา ชาวบ้านมักจะงดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต นอกจากพิธีปล่อยปลาแล้วยังได้ทราบว่าบางหมู่บ้านเขายังมีการนำอาวุธล่าสัตว์มาฝากไว้ที่บ้านนายบ้านด้วย เสร็จจากการให้โอวาทท่านเจ้าเมืองเป็นผู้ ไขการปล่อยปลา พิธีกรประกาศรายชื่อผู้ที่นำลูกปลามาบริจาคเป็นอันเสร็จพิธี ผมถือโอกาสหนีกลับมาหงสาในตอนนั้นเอง ปล่อยให้อ้ายน้องร่วมคณะไว้กับรถอีกสองคันให้เป็น ต่างหน้าร่วมงานแข่งขันกีฬาสามัคคี ภาคเช้าเป็นกีฬา เปตัง หรือเปตอง ส่วนภาคบ่ายมีการแข่งขัน ตีปีกไก่ หรือแบดมินตัน เหตุที่รีบหนีกลับก็เนื่องจากว่าผมแอบไปเห็นโต๊ะกินข้าวกลางวันในแต่ละโต๊ะมีขวดสุรานานาชนิดเป็นสิบๆตั้งไว้ ไม่รวมถึงกล่องเบียร์ลาวที่วางซ้อนกันกองเป็นภูเขาไว้หลังห้อง ได้ข่าวจากอ้ายน้องที่อยู่ต่อว่าผู้สาวลื้อนี่เสนอเหล้าเก่งจริงๆจนต้องยอมแพ้ ไม่รวมการเสนอเบียร์ในสนามแข่งแบดฯ ที่ตีลงก็ต้องดื่มรับการชมเชย ตีเสียก็ต้องดื่มรับการลงโทษ เรียกว่าแต่ละเกมส์ต้องดื่มเบียร์หลายขวดทีเดียว

ที่เมืองเล็กๆอย่างนี้ ผมเห็นกิจกรรมที่พี่น้องฝั่งนี้จัดขึ้น เป็นการม่วนซื่นแบบง่ายๆเป็นกันเอง แต่แฝงไว้ด้วยการให้เกรียติกัน เรียกหากันว่าท่านนั้นท่านนี้ทุกคำ เห็นคนรู้จักมักคุ้นกันหมด มีการจับมือทักทายกันอย่างสนิทสนม เห็นแล้วให้คิดถึงวัฒนธรรมการกอดของชาวแซ่เฮเราจังเลยครับ    

หมายเลขบันทึก: 195715เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2008 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • เห็นแล้วอยากไปครับ
  • แต่กีฬา
  • ชื่อเรียกได้ตรงจริงๆๆ
  • ภาคเช้าเป็นกีฬา เปตัง หรือเปตอง ส่วนภาคบ่ายมีการแข่งขัน ตีปีกไก่ หรือแบดมินตัน
  • จริงๆๆแล้วใช้ขนเป็ดทำ
  • ฮ่าๆๆ

สวัสดีคะคุณเปลี่ยน

คึดฮอดหลาย

พี่ไม่ได้กลับบ้านเลยคะ ช่วงเข้าพรรษายังมีภาระกิจบางอย่างต้องทำต่อกลับดงหลวงเมื่อไรส่งข่าวด้วยนะค่ะ

 

  • ปล่อยปลาเสร็จ
  • หนีกลับก่อนไปหาน้องปลาหรือเปล่าครับ..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท