ทฤษฎีการเรียนรู้


ทฤษฎีการเรียนรู้

ทฤษฎีการเรียนรู้ที่มีผลต่อ
แนวทางการออกแบบการเรียนการสอน
และการประเมินผล

 

                                                

  ทำไมต้องศึกษาทฤษฎีการเรียนรู้

                                ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ได้ถูกรวบรวมเป็นองค์รวมเป็นชุดของหลักการต่าง ๆ เพื่อ อธิบายเหตุผลการได้มาขององค์ความรู้ การรักษาไว้และการเรียกใช้องค์ความรู้ในแต่ละบุคคลได้    อย่างไร ทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ  เปิดโอกาสให้ท่านกำหนดเบ้าหลอมผู้เรียนและกำหนดคำทำนายเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ด้วยตัวท่านเอง   สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นแนวทางช่วยให้เราเลือกใช้เครื่องมือในการเรียนการสอน  เทคนิค และวิธีการต่างๆ วิธีการที่ส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ และทำให้นักเรียนบรรลุตามจุดประสงค์ในรายวิชาอย่างมีประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์ พวกเราควรจะอภิปรายทฤษฎีการเรียนรู้ ทั้งสามทฤษฎีเหล่านี้ คือ พฤติกรรมนิยม, การประมวลผลสารสนเทศทางปัญญา,และการสร้างสรรค์ความรู้    ด้วยปัญญา (behaviorism , cognitive information Processing, and Constructivism)

 

1. พฤติกรรมนิยม (Behaviorism) 

 

 

 


                                มุมมองของทฤษฎีพฤติกรรมนิยม  มองผู้เรียนเหมือนกับ  กระดานชนวนที่ว่างเปล่า  และผู้สอนจะต้องจัดเตรียมประสบการณ์ให้กับผู้เรียน คำแนะนำหรือสิ่งเร้าจากสภาพสิ่งแวดล้อมจะถูกนำเสนอหรือแนะนำให้รู้จัก และผู้เรียนแสดงอาการตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้น ด้วยการตอบสนองบางสิ่งบางอย่างออกมา  ความสำคัญขึ้นอยู่กับการเสริมแรง  ที่กำหนดจัดเตรียมไว้เพื่อกำกับพฤติกรรมที่ต้องการรูปแบบพฤติกรรมใหม่ ๆ จะถูกกระทำ  ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งกลายเป็นพฤติกรรมอัตโนมัติ           พฤติกรรมของผู้เรียนที่ยอมรับได้ คือ การเรียนรู้แสดงออกให้เห็นได้ในเชิงประจักษ์ 

                1.1      กฎเกณฑ์ของผู้สอนเกี่ยวกับพฤติกรรมนิยม 

 

การตอบสนองของการเรียนรู้ ขึ้นอยู่กับครูผู้สอน สิ่งเหล่านี้คือ สภาพแวดล้อมที่ผู้สอนจัดขึ้น  ผู้สอนเป็นคนกำหนดจัดทำและควบคุมสภาพแวดล้อมต่อผู้เรียน  การเรียนรู้จึงเป็นการคิดขึ้นมา โดยผู้สอนที่เน้นไปที่พฤติกรรมการเสริมแรง  เมื่อใช้เทคนิควิธีการในสภาพเช่นนี้ จุดประสงค์การเรียนรู้จึงเป็นพฤติกรรมของผู้เรียน  ที่ได้มีการจัดเตรียมไว้,การให้รางวัล, และการให้ความสำคัญในวิธีเช่นนี้ ก็คือ  การเสริมแรงพฤติกรรม  นั่งเอง

 

วิธีการเรียนการสอนที่ใช้กับกลุ่มพฤติกรมนิยม  คือ 

—  การสอนตรง ๆ  หรือการแสดงให้ดู 

—  การให้ทำแบบฝึกหัดและปฏิบัติ หรือการทำซ้ำ ๆ

—      การสอนเกมต่างๆ 

 

1.2      เมื่อไรจะใช้แนวกลุ่มพฤติกรรมนิยม

 

          ภายใต้เงื่อนไขของทฤษฎีพฤติกรรมนิยมที่มีส่วนส่งเสริม สนับสนุน ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดต่อการเรียนรู้  เมื่อ  :

1)      ผู้เรียนไม่มีประสบการณ์หรือมีแต่น้อยมาก หรือไม่มีองค์ความรู้แรก ๆ

ของเนื้อหาวิชา  นั้นๆ

2)      การระลึกถึงจดจำข้อเท็จจริงพื้นฐาน หรือการตอบสนองอย่างอัตโนมัติที่ต้องการให้เกิด

3)    ภาระงานที่ต้องการเสร็จสมบูรณ์เพียงเล็กน้อย (ภาระงานเล็กๆ)  ซึ่งไม่เบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานการปฏิบัติการ  (Performance  standard)

4)      ผู้เรียนจะได้ความรอบรู้มา  โดยการเสริมแรงอย่างต่อเนื่องในพฤติกรรมที่ต้องการ 

5)      ต้องการความถูกต้องและความรวดเร็วซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก  

6)      การเรียนการสอนต้องการให้เกิดผลสำเร็จภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น

1.3      ทักษะต่างๆ ที่ควรได้รับการเรียนรู้ตามแนวพฤติกรรมนิยม

  

1)      ชนิดของข้อมูลสารสนเทศพื้นฐาน หรือข้อมูลที่จะนำเข้า 

2)      การทดสอบ   การทดลองพื้นฐาน หรือวิธีการเบื้องต้น 

3)      การเปลี่ยนน้ำมันในเครื่องยนต์  (ทักษะพื้นฐานง่ายๆ)

4)      การสะกดคำหรือการเรียนรู้ตารางสูตรคูณ  (ทักษะพื้นฐาน)

5)      การพูดด้วยเจตนาที่จะช่วยเหลือ จากถ้อยคำที่จัดเรียงลำดับอย่างเป็นระเบียบ (ทักษะพื้นฐาน)

 

1.4    จุดด้อยของพฤติกรรมนิยม 

 

การเรียนการสอนตามแนวพฤติกรรมนิยม  มิได้เตรียมการเพื่อให้ผู้เรียนนำไปใช้ ในการแก้ปัญหา หรือการคิดสร้างสรรค์  ผู้เรียนทำในสิ่งที่พวกเขาได้รับฟังและจะไม่ทำการคิดริเริ่มหาหนทางด้วยตนเองต่อการเปลี่ยนแปลง หรือพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น ผู้เรียนเป็นผู้ถูกเตรียมการสำหรับให้ระลึกได้ ในข้อเท็จจริงพื้นฐานต่างๆ  เท่านั้น ให้มีการตอบสนองอย่างอัตโนมัติ หรือทำชิ้นงานภาระงานต่างๆ  ซึ่งได้มีการกำหนดวิธีการ,ขั้นตอนมาอย่างดีไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วเท่านั้น

 

 

2.  กระบวนการประมวลผลข้อมูลสารเทศทางปัญญา หรือปัญญานิยม  (Cognitive  Information Processing (CIP)  or Cognitivism)

                                 

 

 

 

กระบวนการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทางปัญญา (CIP) อยู่บนฐานของกระบวนการคิดก่อนแสดงพฤติกรรม การเปลี่ยนแปลง  พฤติกรรมที่จะถูกสังเกต  สิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นเพียงแต่
การบ่งชี้ว่าสิ่งนี้ กำลังดำเนินต่อไปในสมองของผู้เรียนเท่านั้น ในจิตใจของผู้เรียนก็เหมือนกับกระจกองค์ความรู้ใหม่ ๆ  และทักษะใหม่ๆ ที่จะทำการสะท้อนส่งออกมา กระบวนการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทางปัญญา
(CIP) จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนกระทำการมองหาหนทางที่จะทำความเข้าใจและประมวลผลข้อมูล     สารสนเทศ ซึ่งเขาหรือเธอได้รับรู้และเกี่ยวข้องกับมัน   สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาหรือเธอพร้อมที่อยากจะรู้และมีสิ่งเหล่านี้บ้าง  สิ่งเหล่านี้ถูกเก็บไว้ภายในหน่วยความจำของเขาหรือเธออยู่บ้างแล้ว ผู้เรียนถูกมองในสภาพที่เหมือนกับการได้วางกฎเกณฑ์การลงมือปฏิบัติไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
ในการเรียนรู้ของเขาและเธอด้วยตนเองในแนวคิดทฤษฎีนี้ 

 

 

 

2.1    กฎเกณฑ์ของผู้จัดการเรียนการสอนที่ยึดแนว  CIP

 

ครูผู้สอนต้องเตรียมหนทางที่จะช่วยเหลือกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศ  ความสำคัญ ก็คือ การนำเสนอข้อมูลสารสนเทศให้ชัดเจนและเป็นข้อมูลสารสนเทศชนิดที่มีเหตุมีผล ผู้เรียนต้องจัดการกับข้อมูลสารสนเทศโดยการจำแนกแยกแยะไตร่ตรองและประมวลผลข้อมูลสารสนเทศเหล่านี้   ดังนั้น  การทำให้เป็นผลงานชิ้นใหญ่ ๆ และมีลำดับขั้นตอนอย่างเป็นเหตุ
เป็นผลจึง
เป็นสิ่งที่สำคัญ

 

วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ใช้กับแนวคิดกระบวนการประมวลข้อมูลสารสนเทศทางปัญญา (CIP)  มีดังนี้

1)      การจัดให้โต้เถียงอภิปรายและการให้เหตุผล 

2)      การให้แก้ปัญหาและจัดทำโครงงานที่ยุ่งยากลำบาก

3)      การเปรียบเทียบ (อุปมา) หรือ ถ้อยคำ สำนวนอุปมา อุปมัย 

4)    การจำแยกแยะหรือการให้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันของข้อมูลสารสนเทศภายใต้
การให้เหตุผลของกลุ่มผู้เรียน 

5)      การให้เขียนสำนวนหรือคำประพันธ์สั้น ๆ (การย่อหรือข้อความที่ช่วยให้ผู้เรียนจำได้)

 

2.2    เมื่อไรควรใช้กระบวนการประมวลผลข้อมูลสารสนเทศทางปัญญา (CIP)

 

ภายใต้เงื่อนไขที่ CIP  มีส่วนสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อการเรียนรู้ คือ: 

1.       ผู้เรียนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเนื้อหาสาระหรือมีความสัมพันธ์ในขอบเขตขององค์ความรู้นั้นอยู่แล้ว 

2.     แหล่งการเรียนรู้ (resources) มีจำนวนมากมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนเชื่อมโยงองค์ความรู้ใหม่ไปยังเนื้อหาสาระก่อให้เกิดองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ในตัวผู้เรียนได้ 

3.     ผู้เรียนมีความจำเป็น  หรือมีความต้องการแสวงหาแนวทางเพื่อให้เกิดการพัฒนาความเข้าใจมากขึ้นในองค์ความรู้และในข้อมูลสารสนเทศนั้น

4.       เวลาแห่งการเรียนการสอนเพื่อเกิดการเรียนรู้เกิดความเข้าใจมิได้จำกัดเวลาอย่างเข้มงวด 

 

2.3    ทักษะต่าง ๆ ที่ควรได้รับการเรียนรู้จากกระบวนการประมวลผลทางปัญญา (CIP)

 

1)      ความสามารถพื้นฐานคอมพิวเตอร์ที่มีความยุ่งยาก หรือปัญหาต่างๆ

เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวด้วยเครื่องจักร

2)      การจัดจำแนกแยกแยะความเสียหาย   อันตรายที่จะเกิดขึ้นที่มีจำนวน

มากมาย 

3)      อธิบายและจำแนกวัตถุต่างๆ  ที่มีความเสี่ยงภัย อันตรายและการเก็บรักษา

อย่างถูกต้องและการเคลื่อนย้าย 

4)      การกะประมาณเวลาของการออกคำสั่งการเดินเรือ

 

2.4    จุดด้อยของกระบวนการประมวลผลทางปัญหา 

 

ผู้เรียนต้องมีองค์ความรู้พื้นฐานของเนื้อหานั้น ๆ อยู่บ้าง   ผู้เรียนมีความจำเป็นต้อง

เชื่อมโยงสิ่งที่พวกเรารู้อย่างพร้อมมูลเป็นภาพองค์รวมทั้งหมด  การเรียนรู้บางครั้งก็บิดเบี้ยวไม่ตรงกับความจริงจากสิ่งที่ผู้เรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างพร้อมมูล

 

3.  การสร้างสรรค์องค์ความรู้ด้วยปัญญา (Constructivism)

 

 

 

 

 


สร้างสรรค์ความรู้ด้วยปัญญานิยม (Constructivism) อยู่บนฐานของการอ้างอิงหลักฐานในสิ่งที่พวกเราสร้างขึ้นแสดงให้ปรากฏแก่สายตาของเราด้วยตัวของเราเอง และอยู่บนฐานประสบการณ์         ของแต่ละบุคคล และโครงสร้างองค์ความรู้ภายในแต่ละบุคคลอีกด้วย การเรียนรู้ในลักษณะนี้อยู่บนฐานของการแปลความหมายและการให้ความหมายประสบการณ์ต่างๆ  ของผู้เรียนเขา/ เธอในแต่ละบุคคลว่าเป็นอย่างไร การที่ผู้เรียนลงมือกระทำการอย่างว่องไว  ในกระบวนการสร้างสรรค์ความหมายจากประสบการณ์ต่าง ๆ ของเขาหรือเธอ  องค์ความรู้จะถูกสร้างขึ้นโดยผู้เรียน และโดยเหตุผลที่ทุกคนต่างมีชุดของประสบการณ์ต่างๆ ของการเรียนรู้จึงมีลักษณะเฉพาะตน  และมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคน  การเรียนรู้จะเกิดปรากฏขึ้นในห่วงแห่งความคิดเมื่อได้มีการกระทำการภายในบุคคลนั้น ๆ  ทฤษฎีในแนวนี้ถูกใช้เพื่อเน้นการเตรียมการผู้เรียนในการตัดสินใจ แบบจำลองทางจิตใจของเขา  ในการจัดรวบรวมประสบการณ์ใหม่ต่างๆ และการแก้ปัญหา      สถานการณ์ปัญหาต่างๆ ที่กำกวมน่าสงสัย 

 3.1    กฎเกณฑ์ของผู้ที่จะจัดการเรียนการสอนด้วยแนวคิด Constructivism

 

ผู้ที่จะจัดการเรียนการสอนควรออกแบบการเรียนการสอนเพื่อที่ให้ผู้เรียนได้มีโอกาสในการแก้ปัญหาที่มีความหมายจริง ๆ  และเป็นปัญหาในชีวิตจริงของผู้เรียน  ซึ่งผู้เรียนแต่ละคนต่างก็มีความต้องการและมีประสบการณ์   ซึ่งสามารถประยุกต์นำไปใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง และต้องการสร้างองค์ความรู้เหล่านั้น ผู้จัดการเรียนการสอนควรจัดเตรียมหากลุ่มหรือชุดกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ  ที่เปิดโอกาสให

หมายเลขบันทึก: 195490เขียนเมื่อ 21 กรกฎาคม 2008 16:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท