1. เรื่องที่อ่าน คือ การวิจัยในชั้นเรียน จากเว็บไซต์ ศูนย์วิจัยและพัฒนา สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
2. สาเหตุที่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เพราะว่าหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ คือ การปฏิรูปการเรียนรู้ซึ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้การปฏิรูปการศึกษาประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ ครู ขณะที่ครู ซึ่งเป็นบุคคลที่มีส่วนสำคัญต่อการทำให้การดำเนินงานการศึกษาเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ปัญหาที่พบ คือ ครูไม่รู้จักนักเรียน ไม่รู้ว่านักเรียนของตนเป็นใคร มีจุดเด่นจุดด้อยในเรื่องใดบ้าง มีศักยภาพมากน้อยเพียงใด ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ ครูไม่มีการศึกษาปัญหาของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ชัดเจน และเพียงพอในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่ครูเหล่านั้นอยู่กับปัญหาการเรียนการสอนตลอดเวลา แต่มีงานวิจัยที่เกิดจากครู หรือเป็นผลงานของครูด้านการวิจัยทางการศึกษามีน้อยมากที่มีการพิมพ์เผยแพร่ออกมา ที่เป็นเช่นนี้อาจเนื่องจากความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการวิจัยทางการศึกษาของครูมีน้อย และที่สำคัญการวิจัยทางการศึกษายังเป็นภาระงานส่วนหนึ่งในการขอรับการประเมินวิทยฐานะ และการประเมินเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครูอีกด้วย
สาระสำคัญของเนื้อหาโดยสรุป การวิจัยเป็นกระบวนการแก้ปัญหาโดยผ่านการวางแผน การรวบรวมข้อมูลอย่างมีระบบ การวิเคราะห์ข้อมูลและการตีความหมายข้อมูล ซึ่งสรุปได้ว่า การวิจัยเป็นการแสวงหาคำตอบของปัญหาหรือข้อสงสัยต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนี้มีระบบ มีขั้นตอนในการดำเนินงานที่จะได้คำตอบที่ถูกต้องหรือเชื่อถือได้
ลักษณะการวิจัยในชั้นเรียน การวิจัยในชั้นเรียน มีลักษณะเป็นการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) จุดมุ่งหมายของการวิจัยลักษณะนี้ ก็เพื่อใช้ผลการวิจัยเพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาทันที ไม่ต้องพัฒนาทฤษฎี หรือใช้ผลในแง่อื่น เกิดขึ้นในชั้นเรียนเกี่ยวกับการเรียนการสอน ผู้วิจัยก็คือ ครู และตัวครูเป็นผู้สะท้อน (Reflect) ความรู้หรือข้อค้นพบออกมา
พันธกิจของครูในการพัฒนาและรับผิดชอบการเรียนการสอน บทบาทหน้าที่ของครูมีตั้งแต่การวางแผนการสอน สอนทั้งในและนอกห้องเรียน ตรวจผลงาน ตรวจแบบฝึกหัด การให้คะแนน ฯลฯ ซึ่งงานดังกล่าวเป็นภาระหน้าที่ของครูโดยตรง การวิจัยในชั้นเรียน เป็นงานวิจัย ของครูแต่ละคน จะนำกระบวนการวิจัยตั้งแต่การวางแผนวิจัย การเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ การสรุปผล และการอภิปรายผล มาใช้ในระหว่างทำกิจกรรมการเรียนการสอนในวิชาที่ตัวเองรับผิดชอบ กล่าวคือ ครูยังคงทำหน้าที่จัดกิจกรรมการเรียน การสอน การจัดทำแผนการสอนและลงมือสอนเหมือนเดิมแต่ต้องวางแผนการเก็บรวบ รวมข้อมูลในระหว่างทำกิจกรรม การเรียนการสอน สังเกตและบันทึกข้อมูลตามแผนที่วางไว้ส่วนการวิเคราะห์ การสรุปผล อาจทำหลังจากเสร็จสิ้นการสอน, แต่ละหน่วยการเรียน หรือเสร็จสิ้นในแต่ละแผนการสอนก็ได้ การสรุปผลจะได้องค์ความรู้ที่ครูค้นพบจากการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนที่ครูได้วางแผนออกแบบไว้ก่อนแล้ว การอภิปรายผลองค์ความรู้ที่ได้มาเป็นหัวใจสำคัญยิ่งของการวิจัยในชั้นเรียน ทั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผน การลงมือสอน การสังเกตบันทึกข้อมูลและได้ข้อสรุปเป็นองค์ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อครูได้เริ่มวางแผนการสอน ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ประการ คือ จุดประสงค์การเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล
ความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการเรียนการสอนกับกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน การวิจัยในชั้นเรียนเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนการสอนมิได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แยกต่าง หาก และครูก็ได้จัดทำอยู่แล้ว แต่ว่า การกระทำนั้นยังไม่เป็นระบบของการวิจัยที่ดี
กระบวนการวิจัยในชั้นเรียน ประกอบด้วย การวางแผนวิจัย (Planning) ปฏิบัติตามแผน (Acting)เก็บรวมรวมข้อมูล (Observing) และสะท้อนความรู้ ข้อค้นพบ ข้อสังเกต(Teflecting) ซึ่งมีรายละเอียดโดยสรุป คือ 1) การสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาการเรียนการสอน การวิจัยในชั้นเรียนจะต้องเริ่มต้นด้วยการมองปัญหาของเรื่องที่จะวิจัยอย่างชัดเจนเพราะการมองเห็นปัญหานำไปสู่ความต้องการในแก้ไขปรับปรุงหรือการพัฒนา ผู้วิจัยจะสามารถมองปัญหาการเรียนการสอนในรายวิชาที่ตนรับ ผิดชอบได้อย่างชัดเจน โดยทำการสำรวจข้อบกพร่อง นำมาวิเคราะห์หาสาเหตุและความต้องการในการแก้ปัญหาให้ตรงกับสาเหตุนั้นๆ แล้วเขียนออกมาในรูปวัตถุประสงค์ ของการวิจัย 2) การศึกษาแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการวิจัยแล้วก็ควรศึกษาแนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องที่จะทำการ วิจัยนั้นว่ามีอยู่ก่อนแล้วอย่างไรบ้าง 3) การพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน นวัตกรรมเป็นรูปแบบหรือวิธีการเรียนการสอนที่ครูอาจารย์พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในการเรียนการสอนหรืออาจนำรูปแบบและวิธีการสอนที่ทำไว้แล้วมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาที่ต้องการแก้ไข 4) การสร้างและพัฒนาเครื่องมือเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจะใช้เครื่องมือชนิดใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิจัยและตัวแปรที่จะวัด ซึ่งผู้วิจัยจำเป็นต้องศึกษาเครื่องมือแต่ละชนิดทั้งในด้านลักษณะของเครื่องมือวัด วิธีการสร้าง ข้อดีและข้อจำกัดของเครื่องมือแต่ละชนิดซึ่งเครื่องมือวัดที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นหรือที่ผู้อื่นสร้างไว้แล้วจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ เช่น ความตรง (validity) ความเชื่อมั่น (reliability) 5) การทดลอง การรวบรวม การวิเคราะห์ และสรุปผล การวิจัย เมื่อผู้วิจัยสร้างนวัตกรรมและเครื่องมือวัดแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือนำนวัตกรรมนั้นไปทดลองกับกลุ่มตัวอย่างและเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการวิเคราะห์ตามแนวทางที่กำหนดไว้ ผู้วิจัยควรจัดทำปฏิทินปฏิบัติงาน กำหนดระยะเวลาของการดำเนิน งานในแต่ละขั้นตอนไว้ 6) การเขียนรายงานการวิจัย เป็นการรายงานการทำวิจัย เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์และสำรวจปัญหา การพัฒนานวัตกรรม การทดลองใช้ การวิเคราะห์ผลสรุปผลอภิปรายและเสนอแนะเป็นการเสนอสิ่งที่ได้ศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบเพื่อรายงานผลการศึกษาให้ผู้อื่นทราบ เพื่อการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมและนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการเรียนการสอนและพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป
3. ประโยชน์ที่ได้จากการศึกษา จากการศึกษาทำให้ทราบว่าการวิจัยในชั้นเรียนกับกระบวนการเรียนการสอน เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกันเหมือนเชือกที่ต้องสอดประสานพันกันเป็นเกลียวไม่สามารถแยกออกเป็นเส้น ๆ ได้ และการจัดกระบวนการเรียนการสอนของครูเองก็เป็นกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน โดยที่ครูไม่ทราบ เพียงแต่ การดำเนินการยังไม่เป็นกระบวนการดำเนินการที่ดี คือ ขาดความชัดเจนในการวางแผนและไม่ได้สะท้อน ข้อค้นพบ ขาดการเขียนรายงานการวิจัย มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียว คือ วิธีการให้นักเรียนสอบผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้เท่านั้นเอง ผู้เขียนในฐานะผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสามารถทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนในชั้นเรียน จึงมีความสนใจที่จะพัฒนางานวิจัยในชั้นเรียน โดยใช้กระบวนการบริหารแบบพาคิดพาทำเพื่อเพิ่มทักษะการทำวิจัยในชั้นเรียน เพื่อให้สามารถพัฒนาการเรียนรู้ด้วยการวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งนำไปสู่การปรับแก้ไขให้การเรียนรู้ในชั้นเรียนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วิชัย กันสุข ผู้บันทึก
......................................................................................
ข้อมูลอ้างอิง http://www.kunkroo.com/research1.html
ปัญหาการวิจัยในชั้นเรียนส่วนหนึ่งมาจากผู้รู้ดีทำให้ครูไม่มั่นใจในการทำงานวิจัย
วิจัยในชั้นเรียน ต้องเริ่มต้นที่ปัญหา ว่าปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่และอย่างแท้จริงๆๆ
ได้สาเหตุแล้ว หานวัตกรรมมาแก้ไข
นวัตกรรมควรทดลองใช้ก่อน
คู่หูของนวัตกรรมคือเครื่องมือวัด ที่เรียกเป็นภาษาวิจัยว่า เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล
อีนนี้ต้องชัวร์ว่า วัดได้จริง
เก็บข้อมูลแล้ว เอามาวิเคราะห์ สรุปผล อภิปรายผล มีข้อเสนอแนะด้วย
สรุปผลต้องตอบวัตถุประสงค์ให้ได้
ประโบชน์ต้องเป็นของผู้เรียนเต็มๆ ไม่เหมือนวิทยานิพนธ์เสียทีเดียวนะ ถ้าเหมือนแล้วส่งเป็นผลงานทางวิชาการ เขาจะดูที่ผู้เรียนได้ประโยชน์อะไร แก้ปัญหาผู้เรียนได้จริงหรือไม่
ขอบคุณ ที่กรุณา คอมเม้นท์ ...เยี่ยมมากครับ
เพื่อให้สมาชิกสามารถนำรูปแบบการวิจัยในชั้นเรียนไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงาน ขอนำเสนอ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ดังนี้
1.วิเคราะห์ปัญหา/ความต้องการการพัฒนาการเรียนรู้ (คุณภาพผู้เรียน)
ซึ่งเราสามารถวิเคราะห์ได้จาก ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้
ผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ผลการประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์ เขียน ผลการประเมินคุณลักษณะที่พึงประสงค์
2. วางแผนการจัดการเรียนรู้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
2.1 วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้/สาระการเรียนรู้/ ผลการเรียนรู้รายปี รายภาค
2.2 จัดทำแผนการเรียนรู้
3.จัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.1 นำเข้าสู่บทเรียน
3.2 จัดกิจกรรมการเรียนรู้
3.3 สรุปสร้างองค์ความรู้ด้วยตัวเอง
4. ประเมินผลการเรียนรู้
4.1 วิเคราะห์จุดประสงค์/เนื้อหา/สาระ/กิจกรรมการเรียนรู้
4.2 จัดทำเครื่องมือประเมืนผล
4.3 ศึกษาคุณภาพเครื่องมือวัดประเมินผล
4.4 วัดประเมินผลตามที่กำหนดในแผนการเรียนรู้
5. จัดทำรายงานผลการเรียนรู้
5.1 วิเคราะห์ผลงานของผู้เรียน
5.2 จัดทำรายงานผลการเรียนรู้
5.3 เผยแพร่ผลการเรียนรู้แก่คณะกรรมการสถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากประสบการณ์ในการประยุกต์ใช้แนวทางนี้ พบว่า ครูสายปฏิบัติการสอนเกิดความรู้ความเข้าใจ และมีทักษะในการทำการวิจัยในชั้นเรียนมากขึ้นโดยที่เค้าไม่รู้ตัว ต่อมาจึงฝึกให้เค้าเขียนรายงานการวิจัยจากงานที่เค้าทำอยู่แล้ว ลองเอาไปประยุกต์ใช้นะคะ
การสร้างให้ครูได้นำกระบวนการวิจัยในชั้นเรียน นับเป็นอานิสสงฆ์ ในด้านการศึกษา
สิ่งที่ควรเริ่มกับครูคือ การสร้างความมั่นใจให้กับครูว่าเป็นเรี่องไม่ยาก เป็นสิ่งที่ครูเคยทำมาอยู่แล้ว และให้กำลังใจ เริ่มง่ายก่อน แล้วค่อยเพิ่มขึ้นไปเรี่อย
ตามแนวคิดของผม
เริ่มจากการนำเอาข้อมูลที่ได้จากการบันทึกหลังการสอน มาวิเคราะห์ ดูว่าบรรลุเป้าหมาย เป็นที่น่าพอใจอยู่กี่คน เรื่องใดบ้างที่ยังไม่พอใจ เรื่อง มาตรฐานใดที่เป็นปัญ
- นำปัญหาที่ได้มา วิเคราะห์ สาเหตุเกิดจากอะไร (ครู ..)
- หาวิธีแก้ปัญหา ถ้ามีมากคนทั้งห้อง ก็ออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ใหม่ ไม่เหมือนเดิม
- จัดกิจกรรม ประเมินผล ว่าไม่มากน้อยเพียงไร สรุป รายงาน( เอาแบบง่าย ๆก่อน)
- เมื่อพบว่ามีบางคนยังมีปัญหา ก็ ศึกษารายกรณ๊
- ถ้าเป็นปัญใหญ่ ก็อาจช่วยกัน ระดับชั้น ระดับโรงเรียนครับ ครับ
เมื่อมีความชำนาญ ก็ค่อยๆเพิ่มวิธีการเขียน เพิ่มกระบวนการหาประสิทธิภาพของนวัตกรรม ก็จะเป็นผลงานทั้งของครู ของผู้บริหาร ในโรงเรียนรวมกัน ที่สำคัญเกิดผลต่อผู้เรียนครับ
นับเป็นข้อเสนอแนะที่ดีมาก ๆ ทั้ง 2 ท่านครับ
แวะมาเยี่ยมช่วงเย็นวันศุกร์ ชื่นชมเจ้าของบทความ... ปรบมือดัง ๆ ให้ทุก comment ค่ะ