19-7-51
สัปดาห์ที่แล้วมีคนไข้อายุประมาณ48 เดินเข้ามาในคลินิกดิฉันพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ค่อยมีความสุขและบอกกับดิฉันว่า
คุณหมอ ฉันขอฉีดยาคุมหน่อย
ดิฉันบอกว่าเชิญเลยค่ะๆ ขึ้นเตียงเลยนะคะเดี๋ยวจะให้คุณพยาบาลฉีดให้
คนไข้ยังหน้าบึ้งๆพร้อมกับเสียงคร่ำครวญว่า
ฉันไปร้านโน้นหมอ ไม่ฉีดให้ฉัน
หมอบอกว่าต้องเอาบัตรฉีดยามายืนยันจึงจะฉีดให้
ฉันอายุ 50 แล้ว ฉีดมาตั้ง22ปี จะให้ฉันไปหาบัตรจากที่ใหน
มีหมอที่เก่งๆ บางคนที่ดิฉันรู้จักก คนไข้ไม่ยอมเข้าไปให้ตรวจ ทำคลินิกก็ไม่มีคนเนื่องจากมีความรู้แต่ขาดทักษะในการทำงานสื่อสารกับคนไข้ซึ่งเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การสื่อสารเป็นTacitของหมอแต่ละคน
บางคนอบรมมาแล้วแต่ก็ไม่สามารถทำงานได้
มีคนไข้อีกคนมาเล่าให้ฟังว่าท้องเสียแล้วไปรักษาหมอรพ.เอกชนใกล้ๆคลินิกดิฉัน
หมอถามว่าไปกินอะไรมาก็เลยบอกว่ากินหอยนิวซีแลนด์ค่ะ
คุณหมอพูดว่าทำไมไม่กินหอยไทย
ทำไมต้องไปกินหอยนิวซีแลนด์???
แหมคุณหมอดิฉันฉุนขึ้นมาและโกรธหมอมากทำให้ไม่อยากไปรักษาอีกเลย
เคยอ่านหนังสือพระไตรฎิดกฉบับย่อ
พระพุทธเจ้าสอนให้พูดเฉพาะสิ่งที่เป็นความจริงและมีประโยชน์
ถึงจริงแต่ไม่ได้ประโยชน์ก็ไม่ให้พูด
ดิฉันบอกคนไข้ว่าถ้าเป็นดิฉันก็จะบอกหมอว่า
เผอิญรวยค่ะ
นิสัยดิฉันยังไม่ค่อยดีทำให้เผลอบอกว่าน่าจะบอกหมอว่าเผอิญรวย ซึ่งไม่ จริงและยังไม่ได้ประโยชน์อีกค่ะ
แต่มันสะใจดีเพราะความคิดที่ไม่ค่อยดีมักจะผุดขึ้นมาให้เราตามรู้
แต่ยังดีที่ยังตามรู้กายรู้ใจทำให้ลดสิ่งที่ไม่น่าจะทำอีกหลายเรื่องค่ะ