การจัดการสวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติเป็นแหล่งเรียนรู้
วรดลต์ แจ่มจำรูญ*
คำนำ
ในปัจจุบันการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นเรื่องสำคัญได้ระบุไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพุทธศักราช ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ ได้แก่ ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ สวนสัตว์ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และศูนย์กีฬาและนันทนาการ แหล่งข้อมูลและแหล่งการเรียนรู้อื่นอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ รัฐจะดำเนินการให้มีการปฏิรูปการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้ก้าวสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนรู้ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ทุกเวลา และทุกสถานที่ โดยมีแหล่งเรียนรู้ที่จะสามารถเกื้อกูลการปฏิรูปการเรียนรู้ให้ได้ผล สวนพฤกษศาสตร์เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตประเภทหนึ่งที่รัฐจะส่งเสริมให้มีการพัฒนาเพื่อให้ความรู้ในแง่ของการเรียนรู้จากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นการปลูกฝังให้ผู้เรียนมีจิตสำนึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติ มีส่วนร่วมในการปกป้องรักษาไว้เป็นสมบัติสืบทอดต่อลูกหลานให้คงอยู่ตลอดไปและหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ได้ระบุไว้ว่า ในการจัดการเรียนรู้เน้น “การจัดการเรียนรู้ตามสภาพจริง การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ร่วมกัน การเรียนรู้จากธรรมชาติ การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และการเรียนรู้แบบบูรณาการ การใช้วิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ การเรียนรู้คู่คุณธรรม ทั้งนี้ต้องพยายามนำกระบวนการจัดการ กระบวนการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม กระบวนการคิดและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปสอดแทรกในการเรียนการสอนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เนื้อหา และกระบวนการต่างๆ ข้ามสาระการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ในลักษณะองค์รวม
สวนพฤกษศาสตร์ และสวนรุกขชาติของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรพืช โดยเป็นทั้งการอนุรักษ์พืชในถิ่น และนอกถิ่น โดยมีสวนพฤกษศาสตร์ สวนรุกขชาติตั้งอยู่ในทุกภาคของประเทศโดยมีแหล่งรวบรวมพืช และป่าธรรมชาติสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์ให้แก่เยาวชน และประชาชนได้ศึกษาเรียนรู้ การจัดการสวนพฤกษศาสตร์เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้นั้นเป็นแนวทางที่สวนพฤกษศาสตร์ในระดับสากลให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นวิธีการที่ทำให้การอนุรักษ์พืชไปสู่ความสำเร็จได้ คือให้ผู้คนทุกระดับเห็นความสำคัญ สามารถใช้ประโยชน์จากพืชได้ ในแง่มุมต่างๆ การจัดการสวนพฤกษศาสตร์เป็นไปตามหลักสากล
*นักวิชาการป่าไม้ 7 ว หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้(ทุ่งค่าย) จ.ตรัง
แนวความคิด
แหล่งเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ คือ มีจุดที่น่าสนใจ มีความหลากหลายของแหล่งเรียนรู้ มีการจัดออกแบบระบบการเรียนรู้โดยจำแนกกลุ่มตามอายุ มีการสนับสนุนจากท้องถิ่น และได้รับงบประมาณสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ในการที่จะพัฒนาให้สวนพฤกษศาสตร์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมีความสามารถที่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์ได้นั้นจำเป็นต้องจัดการสวนพฤกษศาสตร์ให้ถูกต้องตามหลักสากล คือ มีองค์ประกอบสำคัญที่สวนพฤกษศาสตร์พึงมี ได้แก่ สวนรวมพรรณไม้ ห้องสมุดพฤกษศาสตร์ หอพรรณไม้ งานวิจัย เป็นต้น
นอกจากนั้นการบริหารแหล่งเรียนรู้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการความรู้และกระบวนการจัดการเรียนรู้ดังต่อไปนี้
1. มีการกำหนดนโยบายและจุดมุ่งหมายของแหล่งการเรียนรู้
1.1 การกําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ เช่น
วิสัยทัศน์ วิจัย อนุรักษ์ พรรณพฤกษชาติ พัฒนาสู่แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต มุ่งสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างรายได้แก่ชุมชน
พันธกิจ ดำเนินการรวบรวมและขยายพันธุ์พืช ในรูปแบบต่าง ๆ และให้ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ และการอนุรักษ์ธรรมชาติแก่ผู้คนทุกระดับ
ยุทธศาสตร์ การวิจัยและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
1.2 การกําหนดนโยบายและจุดมุ่งหมาย เช่น สำนักงานหอพรรณไม้ได้จัดทำวิสัยทัศน์ คือ วิจัยพรรณไม้ไทยสู่ความเป็นเลิศ หอพรรณไม้และฐานข้อมูลได้มาตรฐาน บริหารจัดการสวนพฤกษศาตร์และสวนรุกขชาติเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต
1.3 จะต้องให้พนักงาน/บุคลากรภายในองค์กรมีส่วนร่วมกําหนดแผนกลยุทธ์และแผนงาน
2. การบริหารจัดการของแหล่งการเรียนรู้
2.1 ระบบการบริหารจัดการ
1) มีการจัดองค์กร โครงสร้างการบริหารจัดการตอบสนองงานด้านแหล่งเรียนรู้
2) กําหนดภารกิจ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และมอบหมายผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน
3) กําหนดระบบการบริหารจัดการเอื้อให้การดําเนินงานมีประสิทธิภาพ
4) การประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ ความเข้าใจอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง
2.2 ทรัพยากรและการลงทุน
1) การระดมทรัพยากรและการลงทุน
การระดมทรัพยากรและการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ควรใช้หลายแหล่ง และ
ทรัพยากรเพื่อพัฒนาแหล่งการเรียนรู้ควรได้รับการสนับสนุนจากท้องถิ่นและหน่วยงานหลัก เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
2) การบริหารทรัพยากรและการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่า
จัดระบบบริหารจัดการทรัพยากร และระบบการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เช่น การจัดระบบนิทรรศการหมุนเวียนตามสวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ
2.3 การพัฒนาบุคลากรของแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1) กำหนดแผนงานส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนาแหล่งเรียนรู้
2) จัดระบบการสร้างขวัญ กําลังใจ และให้โอกาสในการทํางาน เช่น การคัดเลือกไปศึกษาดูงานในแหล่งเรียนรู้อื่นๆ หรือการกำหนดสัญญาจ้างในระยะยาว
3. การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
3.1 จัดการความรู้ที่เอื้อให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้โดยสะดวก
การจัดการความรู้ควรจัดทำระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการถ่ายทอดความรู้จากผู้ปฏิบัติงานจริง และให้บริการสื่อและเทคโนโลยีหลากหลายรูปแบบ เพื่อกลุ่มเป้าหมายเข้าถึงความรู้ได้สะดวก
3.2 กำหนดให้มีการถ่ายทอด/เผยแพร่ความรู้ที่มีอยู่ในชุมชน โดยจากการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนเดียวกัน และโดยการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนอื่น
3.3 การกระตุ้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทํานุบํารุง โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน/ชุมชน และการทํานุบํารุง/พัฒนาแหล่งการเรียนรู้ รวมทั้งการสรรหาแหล่งการเรียนรู้ใหม่เพิ่มเติม
3.4 ดำเนินการสร้างเครือข่ายแหล่งการเรียนรู้โดยการเลือกเครือข่ายมีความเกี่ยวเนื่องกัน
4. ดำเนินการติดตามและประเมินเพื่อปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
4.1 ให้มีการสํารวจข้อมูลของผู้ใช้บริการทั้งความคิดเห็น และความพึงพอใจ
4.2 นำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลและการจัดระบบข้อมูล โดยจํานวนครั้งที่แสดงผลการวิเคราะห์ควรกำหนดอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
4.3 ให้มีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดแผนจํานวนครั้งของการติดตามประเมินผลทุกครั้งที่จัดกิจกรรมการเรียนรู้
4.4 ดำเนินการติดตามผลกระทบกับกลุ่มเป้าหมายและชุมชน ว่าการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมายเป็นไปอย่างไร สามารถเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้/การพัฒนา และชุมชนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
4.5 นําผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนา ปรับปรุง แหล่งการเรียนรู้จากผลการประเมิน……
สวัสดีค่ะ
เป็นเรื่องดีมีประโยชน์
ชอบมากค่ะ เรื่องต้นไม้ป่าไม้ภูเขา
ดีใจมากครับ?...ที่นำเรื่องดีๆมาฝากและแบ่งปัน..กำลังพยายามดำเนินการครับ..เพื่อลูกหลานใช้เป็นแหล่งเรียนรู้?