เพราะเราให้เด็กอ่านเร็วไปหรือเปล่าจึงทำให้เขาไม่ชอบอ่าน
คนไทยไม่รักอ่านหนังสือ ปีหนึ่งเฉลี่ยคนไทยอ่านหนังสือ 6 บรรทัด
นักเรียนวิทยาลัยครู นักเรียนราชภัฏ ไม่รักอ่านหนังสือ
แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็ไม่ค่อยรักการอ่านหนังสือ
โรงเรียนประถม มัธยม มีการรณรงค์ให้รักการอ่าน แต่ดูเหมือนไม่ค่อยจะได้ผล
ผู้ใหญ่อยากให้เด็กรักการอ่าน ครูบาอาจารย์ก็อยากให้เด็กรักการอ่าน เพราะการอ่านเป็นเครื่องมือทางลัดของการเรียนรู้
แต่แก้กันยังไม่ตกสักที
ที่สำคัญก็คือ ต้องมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุของมันให้ถ่องแท้เสียก่อน
ผมมีความเห็นว่า สาเหตุประการหนึ่งเกิดจาก การที่เราให้เด็กได้อ่านเร็วเกินไป
การอ่าน การเขียนไม่ใช่ทักษะธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์
การพูด การฟัง เป็นทักษะธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์มากกว่า
เปรียบเทียบการเรียนอ่าน เรียนเขียน กับการเรียนพูด เรียนฟัง เราจะรู้สึกได้ทันทีว่า พูด กับ ฟัง เรียนง่ายกว่า เป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า
จะเห็นว่าภายในขวบแรกของชีวิต คนเริ่มเรียนรู้ภาษาพูด
แต่เราแน่ใจแล้วหรือคนควรเริ่มเรียนภาษาเขียนเมื่อไร
3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 ขวบ หรือ..................................
โดยทั่วไปในบ้านเรา เด็ก ๆจะได้เรียนอ่านเรียนเขียนเมื่ออายุ 6-7 ปี
ตามการสังเกตของผม เห็นว่าเด็กไทยในวัยขนาดนี้
ประมาณ 20 % เรียนได้
ประมาณ 50 % เรียนได้อย่างยากลำบาก
ประมาณ 30 % เรียนไม่ได้ หรือเรียนได้อย่างลำบากยากยิ่ง
มีหลักง่าย ๆในทางวิชาการ และแม้แต่ชาวบ้านก็รู้ คือ อะไรที่เราสามารถทำได้ ทำสำเร็จ ทำแล้วมีความสุข เราก็อยากทำอีก อยากทำบ่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้ผมจึงเชื่อว่า เด็กไทย ประมาณ 20 % จะสนใจอ่านหนังสือบ้าง อีก 80 % จะไม่ชอบอ่านหนังสือ
ผมยังสังเกตเห็นอีกว่า เด็ก 2 กลุ่มหลัง เมื่อเวลาผ่านไป เขาเติบโตขึ้น พร้อมขึ้น เขาก็สามารถอ่าน เขียนได้ ถึงได้ดี แต่ยังคงไม่ชอบอ่านอยู่
จึงอยากจะสรุปว่า ถ้าเด็กเขาได้เรียนอ่านเรียนเขียน เมื่อเขาพร้อม เขาจะชอบอ่าน ชอบเขียน มากกว่า
โปรดสังเกตว่าผมใช้คำว่า “ชอบ” ไม่ใช้คำว่า “รัก” ชอบ หมายถึงมีท่าทีเชิงบวก รักนั้นเป็นคุณนิสัย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้โดยเหตุปัจจัยอีกหลายอย่าง แต่ผมมีความเชื่อว่า ความชอบเป็นฐานหนุนเนื่องที่สำคัญของความรัก
เป็นความเข้าใจผิด เป็นความนิยมผิด ๆของผู้ปกครองที่อยากให้บุตรหลานของตนเองอ่านเขียนได้ตั้งแต่ 3-4 ขวบ โรงเรียนส่วนใหญ่ก็สนองโดยไม่คำนึงถึงผลเสีย
เด็กเพิ่งเข้าเรียนชั้นอนุบาล ก็โหมให้เด็กอ่าน เด็กเขียนกันแล้ว
ได้เคยทบทวนกันบ้างหรือเปล่าว่า สาเหตุที่เด็กไทยไม่รักการอ่าน เพราะเขาไม่ชอบอ่าน และที่เขาไม่ชอบอ่านเพราะเขาถูกให้อ่านเมื่อเขายังรู้สึกว่าการอ่านยังเป็นสิ่งยากสำหรับเขา
คิดว่าเป็นไปได้ค่ะ และคุณพ่อคุณแม่มีส่วนอย่างยิ่งต่อความพร้อมและการรักการอ่านของเด็กค่ะ
มีความคิดว่าจริงเนื่องจากตัวดิฉันเองก็เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้พ่อกดดันสอนเขียนสอนอ่านหนังสือตั้งแต่อนุบาลตอนนั้นสมองไม่อยากรับรู้อะไรเพราะมันไม่ได้อะไรเลยแต่สิ่งที่พ่อสอนก็เริ่มมีผลเมื่อสมองของเราเริ่มมีพัฒนาการด้านความคิดฉันเริ่มได้เมื่อตอนอยู่ป.4ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เงียบไม่กล้าที่จะอ่านออกเสียงเพราะกลัวผิดจะกล้าแสดงออกและมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อสิ่งที่พ่อสอนพึ่งประดังออกมาจากสมองจนถึงทุกวันนี้ฉันมั่นใจและกล้าแสดงออกเริ่มมีสปิริตในการอยากอ่านและศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเองถึงแม้บางครั้งที่อ่านจะไม่เข้าใจเมื่อกลับมาย้อนถามตัวเอง แต่เมื่อข้อสอบวางอยู่หน้าสิ่งที่อ่านไปก็จะพรั่งพรูออกมา
กราบเรียนท่านอ.เชาว์
เห็นด้วยนะคะ เพราะครูมุ่งจะให้เด็กอ่านเร็วเกินไปในขณะที่เด็กยังไม่มีความพร้อม ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่เป็นเหตุให้การอ่านเป็นปัญหา
ทักษะการฟังไม่มี เพราะครูสอนไม่น่าสนใจไม่ชวนฟัง
เทคนิคชี้ชวนให้เด็กน้อยสนใจคุณภาพต่ำมั๊งค่ะ
เดี๋ยวครูต้อยขอไปทำงานจิตอาสาที่รพ ก่อนนะคะ
แล้วจะกลับมาศึกษาต่อค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ